ใช่เขาหรือเปล่า


ใช่เขาหรือเปล่า

"ครู....ช่วยประกาศให้แขกขึ้นไปรดน้ำศพบนศาลาหน่อยซิ"  คำพูดประโยคนี้เป็นสาเหตุให้ฉันต้องปิดสวิตซ์ไมโครโฟนและเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมองหาที่ที่มาของเสียง       ชายชรารูปร่างผอมแกร่ง          ยืนโงนเงนไปมาอยู่หน้าแท่นของพิธีกร ที่ฉันกำลังยืนทำหน้าที่อยู่  สายตาขุ่นมัวของแกจับจ้องอยู่ที่หน้าของฉัน        ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร น้ำเสียงห้วน ๆ ก็สำทับขึ้นมาอีกว่า  "ว่าไง...ประกาศให้หน่อยซิครู ศพนี้กว่าจะเผาก็สี่โมง ช่วงที่แขกรอนี้ ครูช่วยประกาศให้แขกขึ้นไปรดน้ำศพบนศาลาก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาเผาศพนี้ ความเป็นครู ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในชุมชน ครูสามารถเป็นที่พึ่งได้แทบจะทุกอย่าง เป็นที่ปรึกษาออก    ความคิดเห็น เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี สมกับคำพูดเชิงประชดที่เคยได้ยินว่า...ใต้ฟ้านี้ไม่มีอะไรที่ครูไทยทำไม่ได้... แต่ครูก็คือครู อะไรที่ครูคิดว่าทำได้และเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมเชื่อว่าครูที่ดีทุกคนคงยินดีที่จะทำ

                      ระยะนี้ฉันได้รับมอบหมายจากเจ้าภาพงานศพในชุมชนให้ทำหน้าที่พิธีกรบ่อยครั้ง ซึ่งฉันเองก็เต็มใจปฏิบัติหน้าที่จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี            เป็นที่ชื่นชมของชุมชนเพื่อนครูและผู้บังคับบัญชาทุกครั้ง  ครั้งนี้ก็เช่นกัน เจ้าภาพงานศพซึ่งเป็นหลานของผู้วายชนม์และเคยเป็นลูกศิษย์ของฉันได้มาขอให้ฉันช่วยเป็นพิธีกรในงานฌาปนกิจศพผู้เป็นตาในวันนี้ด้วย เมื่อฉันคิดว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงได้เริ่มพิธีการ และในขณะที่ฉันกำลังพูดแจ้งขั้นตอนแก่แขกเหรื่ออยู่นั้น ชายชราที่ยืนจ้องหน้าฉันเขม็งอยู่ในขณะนี้ก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยประโยคดังกล่าวข้างต้น ฉันหันไปมองเจ้าภาพซึ่งเป็นลูกศิษย์เหมือนจะหารือว่าจะทำอย่างไรดี ชายชราก็พูดเร่งเร้าขึ้นอีกว่า "ว่าไงล่ะครูประกาศซะทีซิ" แล้วแกก็ยืนจ้องหน้าฉันเหมือนรอฟังคำที่ฉันจะประกาศให้


                     "เอาไงดี"  ฉันหันไปหารือเจ้าภาพ   "ไม่ได้หรอกครู มันคนละงานกัน" ผู้อาวุโสทางฝ่ายเจ้าภาพของลูกศิษย์ฉันออกอาการไม่ค่อยพอใจ  "แขกเขามางานนี้ ไม่เกี่ยวกับงานโน้น ครูไม่ต้องไปสนใจ ดำเนินการต่อได้เลย"  ได้ฟังคำพูดเช่นนั้นฉันเองในฐานะคนกลางก็อึดอัดใจ ชายชราก็ไม่ยอมกลับไปงานของตนเอง ยังคงยืนจ้องหน้ารอฟังคำประกาศจากฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย จากการสังเกตท่าทางแกก็ไม่ใช่คนเมาแต่คงเป็นเพราะความชรามากกว่าจึงทำให้แกยืนโงนไปเงนมาเช่นนั้น  เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจทั้งสองฝ่ายฉันจึงตัดสินใจประกาศเป็นกลาง ๆ ว่า

                     "กราบเรียนพ่อแม่พี่น้องที่มาร่วมงานวันนี้ได้ทราบว่า วันนี้ทางวัดของเรานอกจากจะมีการฌาปนกิจศพงานนี้แล้วทางด้านบนศาลาใหญ่นั้นยังมีผู้วายชนม์ซึ่งทางเจ้าภาพได้กำหนดรดน้ำศพวันนี้เช่นกันในเวลาสามโมงเย็น เจ้าภาพจึงขอกราบเรียนเชิญท่านที่มีความเคารพนับถือในผู้วายชนม์ไปร่วมรดน้ำศพตามเวลาดังกล่าวด้วยค่ะ สำหรับทางด้านนี้กำหนดฌาปนกิจเวลาสี่โมงเย็นตามเดิมนะคะ"

                      พอพูดจบเท่านั้นได้เรื่องเลยเจ้าภาพงานศพที่กำลังจะมีพิธีฌาปนกิจได้โวยวายเสียงดังด้วยความไม่พอใจว่า  "ครูทำอย่างนี้มันไม่ถูกนะ ผมให้ครูมาช่วยงานนี้ แล้วครูไปประกาศให้งานโน้นทำไม ถ้าแขกเขาไปกันหมดแล้วมาไม่ทันเผางานนี้ครูรับผิดชอบหรือเปล่า"ก่อนเหตุการณ์จะตึงเครียดไปมากกว่านั้น ลูกศิษย์ของฉันคงจะสงสารครู จึงพูดไกล่เกลี่ยขึ้นว่า  "ไม่เป็นไรหรอกครับครู ดำเนินการของเราต่อดีกว่า"  ฉันจึงทำหน้าที่ของฉันต่อ ส่วนชายชราก็เดินกลับไปด้วยท่าทีที่พออกพอใจ  งานวันนั้นสำเร็จลงด้วยดีเมื่อหมดหน้าที่ ฉันก็เดินทางกลับบ้าน

                    รุ่งเช้า ฉันขับรถยนต์มาโรงเรียนตามปกติ วันนี้เป็นวันศุกร์และเป็นวันที่ฉันต้องมาปฏิบัติหน้าทีครูเวรประจำวัน จึงมาโรงเรียนเช้ากว่าทุกวันเมื่อมาถึง จอดรถแล้วจึงไปลงเวลาปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการและเพื่อนครูบางคนมาถึงโรงเรียนแล้ว เมื่อลงเวลาเสร็จทักทายเพื่อนครูและนักเรียนตามปกติ จึงเดินมาที่รถเพื่อขับไปจอดยังที่ที่เคยจอด  ซึ่งเป็นที่ว่าง ๆ และครูใช้เป็นที่จอดรถชั่วคราวเนื่องจากโรงเรียนกำลังอยู่ในระหว่างการสร้างโรงจอดรถ เมื่อจอดเรียบร้อยแล้วจึงลงจากรถปิดประตูและเตรียมที่จะเดินไปยังอาคาร แต่แล้วฉันต้องสะดุดกึกอยู่กับที่เมื่อได้กลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงลอยมากระทบประสาทสัมผัส ฉันมองไปยังฝังถนนตรงข้ามกับที่ฉันจอดรถอยู่ซึ่งเป็นป่าหญ้าต้นค่อนข้างสูง  "ใครเอาหมาเน่ามาทิ้งแถวนี้แน่เลย" ในใจฉันคิดเช่นนั้นและเท้าก็ไวเท่าความคิด ฉันเดินดูบริเวณรอบ ๆ ยิ่งเดินกลิ่นนั้นก็ยิ่งรุนแรงตามไปด้วย แต่ฉันไม่พบซากอะไรตายอยู่แถวนั้นเลย  ขณะที่เดินสำรวจอยู่นั้นฉันฉุกคิดขึ้นมาว่ากลิ่นแบบนี้ต่างไปจากกลิ่นซากสัตว์ที่ฉันเคยได้ประสบมา หรือจะเป็นกลิ่น.......


                    ฉันไม่กล้าคิดต่อแต่รีบเดินไปสมทบกับเพื่อนครูที่ยืนพูดคุยกันอยู่"รู้หรือยังวันนี้เขาเผาศพที่อยู่บนศาลานะ"  เพื่อนครูบอก      "วันนี้วันศุกร์โบราณไม่ให้เผาศพนะ  จำวันผิดหรือเปล่า"  ฉันค้านเพื่อน   "โอ๊ย ไม่เผาได้ยังไง ศพขึ้นอืดเต็มที่แล้ว ศพตายในคุก กว่าญาติจะไปรับก็สี่วันเข้าไปแล้ว เขาไม่ได้ฉีดยามา เพราะถ้าญาติไม่ให้คำยินยอมเขาก็ฉีดยาให้ไม่ได้  ยังไงวันนี้ก็ต้องเผา" ได้ยินแค่นั้น ฉันก็ขนลุกซู่  ถามเพื่อนครูไปว่า  "ยืนกันตรงนี้ได้กลิ่นอะไรไหม ทุกคนส่ายหน้าแล้วถามว่ากลิ่นอะไร  ฉันจึงเล่าถึงกลิ่นที่ฉันได้ให้เพื่อน ๆ ฟัง  ทุกคนนิ่งเงียบไม่มีใครออกความเห็นอะไรในที่สุดเพื่อนครูคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า  "ไปขยับรถซะ"  ฉันรีบเดินไปเพื่อขยับรถออกห่างจากที่เดิม

                    เมื่อถึงรถ ฉันรีบเปิดและปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในด้วยความรวดเร็ว  แต่ก่อนจะติดเครื่องยนต์ฉันต้องตกใจอีกครั้งเมื่อฉันสัมผัสได้ว่ากลิ่นนั้นได้เข้ามาตลบอบอวลอยู่ในรถของฉันแลดูเหมือนว่ายิ่งอยู่ในที่จำกัดเช่นนี้กลิ่นดังกล่าวเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นฉันรีบขับรถออกไปจอดกลางสนามบาสเกตบอลของโรงเรียนวันนั้นแดดจัดมาก ฉันเปิดกระจกหน้าต่างทั้งสี่บาน เพื่อขับไล่กลิ่นให้ออกไป และจอดรถทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งวัน เมื่อสอนจนหมดชั่วโมงสุดท้ายและเตรียมตัวกลับบ้าน ฉันบอกเพื่อนครูที่เดินทางกลับด้วยว่าให้ลองสังเกตกลิ่นที่รถ ว่าจะได้กลิ่นเหมือนที่ฉันได้ไหม ฉันเองหวังว่ากลิ่นคงจะหมดหรือเบาบางไปบ้างแล้วแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้รถฉันและเพื่อนครูอีกสองคนต้องผงะหันมามองหน้ากัน เพราะกลิ่นดังกล่าวไม่ได้บรรเทาเบาบางไปเลย และดูเหมือนกลิ่นจะฝังตัวอยู่ทั้งรอบ ๆ ตัวรถด้านนอกและในห้องโดยสาร  

                    ฉันถามเพื่อนว่า "ได้กลิ่นไหม" คราวนี้เพื่อนพยักหน้า  "พรุ่งนี้วันเสาร์เอารถไปล้างอัดฉีดเลย" เพื่อนบอก  "ใช่กลิ่นที่มาจากบนศาลาวัดหรือเปล่า" ฉันถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ "น่าจะใช่  กลิ่นศพจะไม่เหมือนกลิ่นซากสัตว์นะ"  เพื่อนตอบ ฉันจึงถามต่อว่า "รถคนอื่นเป็นไหม มีใครบ่นหรือเปล่า"  เพราะที่โรงเรียนฉันมีครูขับรถมารวม 4 คันด้วยกันและจะมาจอดอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่เพื่อนก็บอกว่าไม่มีใครได้กลิ่นหรือมีกลิ่นติดรถเหมือนฉันเลย และเมื่อฉันเล่าให้ฟังถึงกลิ่นปริศนา ทุกคนก็รีบไปขยับรถถอยออกไปจอดห่างจากที่เดิมทันที  

 

                   เมื่อกลับมาถึงบ้านพบสามี  ฉันแกล้งบอกสามีว่า "ไม่รู้ขับรถไปทับอะไรมารถเหม็นทั้งคันเลย ลองไปดมดูซิได้กลิ่นไหม"  สามีเดินจะเข้าไปดมกลิ่นตามที่ฉันบอก  ยังไม่ทันถึงตัวรถดี  ห่างราวหนึ่งฟุต สามีก็ผงะออกมา หันมาถามฉันว่า "ไปทับอะไรมา เหม็นจริง ๆฉันจึงเล่าเรื่องให้ฟังและบอกเขาว่าวันนี้ขับรถกลับบ้านเปิดกระจกหน้าตางทั้งสี่บานมาตลอด หวังให้ลมพัดกลิ่นดังกล่าวออกไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผล  "พรุ่งนี้เอาเข้าล้างเลย" สามีบอก  

                   วันรุ่งขึ้น เราจึงนำรถไปล้างแต่เช้า ฉันสั่งให้ทางร้านทำทุกอย่าง ทั้งล้างดูดฝุ่น เคลือบสี ขัดเงา ขัดเบาะหนัง  หมดไปเจ็ดร้อยกว่าบาท สบายใจว่าคราวนี้รถคงสะอาดเอี่ยมไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจอีก เสียเวลาไปชั่วโมงกว่า จึงได้รับรถออกมา แต่เชื่อหรือไม่ว่าทั้งล้างทั้งขัดทั้งถูขนาดนั้น สิ่งที่ฉันต้องการให้ออกไปยังคงอยู่เหมือนเดิม     แถมยังอบอวลหนักทั้งในรถและนอกตัวรถ  คราวนี้สามีฉันบอกให้ทำใจใช้ไปก่อนแล้วกลิ่นคงจะค่อย ๆจางหายไปเอง

                   เปิดเรียนสัปดาห์ใหม่ วันจันทร์ฉันขับรถมาโรงเรียนตามปกติ เพื่อนครูต่างมารุมซักถามว่าสถานการณ์ดีขึ้นหรือยัง   ฉันพาเพื่อน ๆ ไปที่รถ เปิดรถให้พวกเขาได้พิสูจน์ ทุกคนได้กลิ่นนั้นเหมือนกันหมด "จุดธูปบอกกล่าวเขาซะ"  เพื่อนแนะนำ  "บอกใครล่ะ..” ฉันถาม

                   โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนวัด   ตั้งอยู่ในอาณาเขตเดียวกันกับวัดอาคารเรียนอยู่ติดกับโบสถ์และที่ฉันไปจอดรถอยู่นั้นอยู่ห่างจากศาลาการเปรียญของวัดประมาณ  50  เมตร  ศพที่เผาวันศุกร์วันนั้นก็คือศพเดียวกับที่ชายชรามาขอให้ฉันประกาศให้คนไปร่วมรดน้ำไว้อาลัย ฉันจึงถามเพื่อนว่าจะให้จุดธูปบอกใคร เพราะไม่รู้กลิ่นดังกล่าวนั้นเป็นของร่างที่นอนสงบแน่นิ่งบนศาลามาขอบใจที่ช่วยประกาศให้หรือเป็นของร่างที่นอนสงบนิ่งรอการฌาปนกิจบนฌาปนสถานมาต่อว่าโทษฐานที่ทำหน้าที่เกินเลยจากที่ขอแรงไป

                    กลิ่นดังกล่าวยังคงลอยอ้อยอิ่งอบอวลอยู่ในรถฉันอีกร่วมสัปดาห์ จึงค่อย ๆ จางหายไป แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม ฉันขอถือเอาความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง ฉันเต็มใจที่จะช่วยเหลือในสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันจะช่วยได้และเต็มใจที่จะเป็นตัวประสานอยู่ระหว่างกลางของชุมชน   ดังนั้นสิ่งที่ฉันได้ประสบมา.............. ฉันถือว่าเขามาดีก็แล้วกัน

 

หมายเลขบันทึก: 201238เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2008 23:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 19:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท