ในท่ามกลางเดือนมีนาคมที่ร้อนระอุเป็นประเดิมที่จะนำเราไปสู่เดือนเมษายนเดือนที่ความร้อนแรงของอากาศจะสูงที่สุด งานของดิฉันอันเกี่ยวกับผู้ด้อยโอกาสทางสังคมก็เริ่มเข้มข้นนั้นคือการสำรวจผู้พิการซึ่งนั้นคงไม่ใช่ประเด็นที่อยากจะเขียนบันทึกวันนี้ค่ะ สิ่งที่อยากเขียนเป็นสิ่งที่มองเห็นนั้นคือจำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมองที่เป็นสาเหตุให้จำนวนผู้พิการเพิ่มมากขึ้น
ไม่แน่ใจค่ะว่าบันทึกนี้จะสามารถแลกเปลี่ยนกับหลายคนที่ผ่านเข้ามาอ่านได้หรือไม่ สิ่งที่รู้สึกมากๆตอนนี้คือความคิดถึงความคิดถึงที่คงทำได้แค่คิดถึง หลับตา และดูรูปของผู้ชายคนที่ดิฉันคงสามารถพูดได้เต็มปากว่ารักมากที่สุด ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาพ่อไม่สบายไม่ค่อยได้ไปไหนเลยพยายามพาพ่อนั่งรถดูความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆรอบตัวแต่พ่อก็จะวิงเวียนและไม่สบายกลายเป็นความไม่คุ้มไปที่จะพาพ่อทำแบบนั้น แน่นอนค่ะพ่อเป็นหนึ่งในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเช่นกัน พ่อป่วยด้วยโรคดังกล่าว 8 ปี แล้วพ่อก็จากดิฉันทิ้งไว้แต่ความคิดถึงที่ไม่มีครั้งใดหรือเวลาใดที่พ่อจะอยู่ห่างจากดิฉันเลยแม้สักวันทุกวันที่ขับรถกลับบ้านดิฉันไม่เคยคิดว่าอยู่คนเดียวดิฉันคิดว่ามีพ่ออยู่ข้างๆเสมอ วันนี้เป็นวันที่คิดถึงพ่อมากๆเหมือนเช่นทุกวันและมีโอกาสได้เห็นเหมือนครั้งหนึ่งที่ตัวดิฉันได้เคยอยู่ในบทบาทนั้นนั้นคือบทบาทของผู้ดูแลและคนในครอบครัวที่มีผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมองค่ะ จึงอยากจะแลกเปลี่ยนกับทุกท่านด้วยมุมมองนี้ค่ะ
การเขียนบันทึกนี้เขียนด้วยบทบาท 2 ด้านค่ะคือ 1)บทบาทการเป็นบุคคลในครอบครัวของผู้ป่วย 2 ) บทบาทการเป็นพยาบาลชุมชน
ความรู้สึกเมื่อนึกย้อนถึงวันนั้นเมื่อ 8 ปีที่แล้วยังชัดเจนเสมอในความทรงจำคำถามแรกเมื่อทราบวาพ่อไม่สบายและถามกับตัวเองคือพ่อจะหายไหม ครั้งแรกของความเจ็บป่วยของพ่อโชคดีเป็นของเราค่ะพ่อไม่สมารถเดินไปไหนมาไหนได้ 1 เดือนเต็มผลจากการเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์พบว่าเส้นเลือดในสมองพ่อตีบและส่วนที่ตีบก็อยู่ใกล้กับศูนย์ควบคุมการหายใจ หากลืนด้วยนั้นคือสิ่งที่หมอบอกเรา สารพัดวิธีที่เราทำให้พ่อและการเจ็บป่วยครั้งนั้นทำให้รู้ว่าพ่อเข็มแข็งมาก พ่อกายภาพบำบัดอย่างหนัก เราจัดทำราวสำหรับเกาะเดินให้พ่อ ทำรอกสำหรับออกำลังกายแขนและขอข้างที่อ่อนแรงให้ ไปกายภาพบำบัดในครั้งแรกเราชนะค่ะพ่อกลับมาเดินได้
ไม่มีความเห็น