ก็ลูกน้องผม ท่านพีเคที่ประสบอุบัติเหตุถูกส่งเข้าไปรักษาที่น่าน หลังจากนั้นก็ถูกแม่บ้านจำกัดอิสรภาพอยู่ที่เวียงจันทน์ไม่ทราบว่าจะได้มาอีกหรือไม่ ตามที่เล่าไว้ใน เล่าเรื่องเมืองหงสา (๒๓) เหตุเกิดเมื่อคืนก่อน ระยะนี้ผมเลยต้องทำงานแทน ก็สนุกสนานดีครับ ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการนั่งเขียนรายงานและเข้าประชุม ๆๆ ไปชมท้องทุ่งต้นข้าวเขียวขจี เดินเลาะคันนากลางสายฝน แม้ว่าต้องกระโดดข้ามท้องร่อง ลุยข้ามลำน้ำบ้างก็ตาม
ชาวนาเมืองหงสาช่างขยันขันแข็ง อยู่กลางทุ่งแม้ยามฝนตกก็ไม่เข้าร่มเข้าที่พักกัน เห็นพี่น้องซ่อมคันนาบ้าง ระบายน้ำบ้าง ถอนหญ้าบ้าง หาดูหญ้าในนาสักต้นแทบไม่เจอ นาข้าวที่นี่แทบจะเรียกได้ว่า “ปลอดสารเคมี” ได้อย่างเต็มปาก พี่น้องปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง เช่น ข้าวเหมยนอง แม้ว่าทางรัฐจะส่งเสริมให้ใช้พันธุ์ปรับปรุงพี่น้องก็ยังไม่ยอมรับ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่อยากซื้อปุ๋ยเคมีใส่เพราะข้าวพันธุ์ปรับปรุงต้องใส่ปุ๋ย” ตามเถียงนาแต่ละหลังพี่น้องเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดไว้ช่วยกินแมลงกินหอยกินปูที่มากัดกินต้นข้าว มองแล้วช่างเป็นการจัดการสมดุลทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ พี่น้องส่วนใหญ่มานอนพักที่เถียงนาเพื่อที่จะได้ทำงานตั้งแต่เช้ามืดเลิกงานตอนเย็นได้ เวลาว่างก็ลงเบ็ด ลงไซ ลงตุ้ม หาปลามาเป็นอาหาร ผมเห็นเด็กๆเดินถือข้องถือคันเบ็ดเดินเลาะตามคันนา แล้วนึกถึงวัยเด็กของตัวเอง ที่กว่าจะได้ไปเลาะเล่นไปปักเบ็ดเช่นนี้ แม่ผมเป็นอันต้องเกณฑ์ผู้คนให้ตามไปช่วยหาเหยื่อ เกี่ยวเหยื่อให้(กลัวเบ็ดปักมือลูก) (วันนี้มีคนพูดถึงแม่สองบันทึกแล้ว เจ้าน้องชายก็พูดถึงแม่ไว้ใน กวีข้างถนน » บันทึกความทรงจำ........ผมทำให้แม่ร้องไห้ )
สวมรองเท้าบู๊ตเดินบนคันนานี่ก็ลำบากเหมือนกัน ทรงตัวลำบากตกคันนาก็หลายครั้ง (หมอประจำตัวขู่ไว้ว่าหากเกิดแผลแล้วอาจถูกตัดเท้า..เลยต้องเชื่อเสียหน่อย) แต่รองเท้าที่สูงเลยเข่ามาเล็กน้อยนั้นก็ช่วยไม่ได้มาก เพราะบางทีต้องลุยข้ามน้ำลึกถึงเอว พอน้ำเข้ารองเท้าแล้วยิ่งเดินลำบาก
อย่างไรก็ตาม การได้นั่งพักบนเถียงนา ได้คุยกับพี่น้องท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ได้รับลมโชยทุ่ง เห็นกอข้าวระบัดใบล้อลม ได้ฟังเสียงใบข้าวส่ายพลิ้วยามลมพัดผ่าน ได้สัมผัสละอองเย็นของสายฝน มองเห็นฝูงเป็ดเริงร่ากลางสายฝน เห็นท้องฟ้าฉ่ำฝนที่พร้อมจะกลั่นเป็นหยดน้ำมาหล่อเลี้ยงผืนนา หล่อเลี้ยงผู้คนอย่างต่อเนื่อง ช่างสวยงามสงบสุขเสียจริง
ถือเป็นวันทำงานที่มีความสุขในเมืองหงสาอีกวันหนึ่งครับ
แอบมาดูก่อนนะครับ เดี๋ยวมาใหม่
สวัสดีคะคุณเปลี่ยน
เห็นบรรยากาศท้องทุ่งสีเขียว งามมากคะ สดชื่นหัวใจนะค่ะ
เมื่อไรจะเข้ามาดงหลวง
สวัสดีค่ะ อาวปาลี
ช่วงนี้ป้าแดง ไม่ได้เข้าเนตเลย งานยุ่งและเหนื่อย
นี่ก็เหมือนจะเป็นไข้
รูปเถียงนา สวยมากเลย(ชอบเถียงนาอยู่แล้ว) หากว่าจัดภาพให้ท้องฟ้าเยอะกว่าด้านล่าง น่าจะชวนให้น่าสนใจมากขึ้น
รูป set ข้างบน มุมมองภาพสวย แต่ว่าระวังเรื่องภาพเอียงอีกนิดนึงจะงามมากๆๆเลยละ
นอนและ
สะบายดี
วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ได้มาอ่านบันทึกงามๆ เช่นนี้ยิ่งรู้สึกว่าดียิ่งขึ้นค่ะ
ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังนะคะ
สวัสดีครับคุณ paleeyon
การนำเสนอความสุขของคุณที่มีต่อธรรมชาติในป่าเขา ท้องนา ด้วยรูปภาพและวลี ผ่านระบบอินเตอร์เนตโลกาภิวัฒน์
ความสอดคล้องสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและเทคโนโลยีในเมือง
คุณรักธรรมชาติและความพอเพียง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเทคโนโลยีและผู้คนภายนอก
คุณช่างจัดสมดุลให้กับชีวิตได้ลงตัวดีทีเดียว
สวัสดีครับ ขอบคุณที่เข้ามาทักทายพร้อมคำแนะนำคำชื่นชมครับ
ที่น่าหว่งใยสำหรับในไร่นาเมืองหงสาคือ การเริ่มเข้ามาแพร่ระบาดของหอยเชอรี่ กับ "ปูไทย" โดยเฉพาะรายหลังนี่เขาว่ากัดต้นข้าวเก่งนัก ตัวก็โต แต่กลับกินไม่อร่อย เอาไปทำน้ำปูก็ไม่ดำ แต่ไม่ต้องกังวลครับ ปีนี้ในแปลงนาที่ผมไปแนะนำให้ใช้น้ำหมักชีวภาพจากหอยเชอรี่ และปูนานั้นข้าวงามจนเลื่องลือกันทั่ว ปีหน้ารับรองหมดแน่ครับเจ้าสองตัวนี้ อีกอย่างผมเห็นฝูงเป็ดเต็มทุ่งนา ผมว่านี่ก็สามารถช่วยกำจัดศัตรูพืชได้อีกทางครับ
พี่ paleeyon ครับ
คิดถึงบรรยากาศที่บ้านเราเมื่อ ยี่สิบกว่าปีที่แล้วนะครับ
คิดถึงพี่มากครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
รพี
ทิวทัศน์งามอีหลีอ้าย
อยากไปจัง
สวัสดีครับพี่เปลี่ยน