คืนแห่ง jazz ที่ Bangkok Convention Center (improv)


ค่อย ๆ รัวโน้ตกระชั้นขึ้น เหมือนกับอสูรกายที่ถูกปลุกขึ้นมา

เวลา 19.45 ไฟทั้งห้องดับพร้อมกัน ร่างของ Pat ก้าวจากความมืดขึ้นมาบนเวที ในเครื่องแต่งตัวสบาย ๆ ตามแบบฉบับ คือกางเกงยีน เสื้อสีขาวลายทาง อยากตะโกนถามว่าเป็นตัวเดียวกับที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อ 10-20 ปีก่อนหรือเปล่าครัาบ เพราะเหมือนเดิมไม่มีผิด

Pat เล่นกีตาร์ baritone สองเพลงคล้าย ๆ จะอุ่นเครื่อง เพลงแรกใช้ pick สลับกับ finger picking ส่วนเพลงที่สองพ่อคุณตี stroke ทั้งเพลง รวม ๆ แล้วทั้งใสและกังวานตามแบบฉบับ พอระบายจนสะใจแล้วเธอก็เปลี่ยนเป็นกีตาร์สายไนล่อน รวมเอาเพลงเก่า ๆ หลาย ๆ เพลงเข้ามาเล่นด้วยกันเป็นตับ เป็นตับที่นุ่มและหวานใช้ได้ทีเดียว

แต่เพลงถัดมานี่สิครับ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าคนดูคือกีตาร์สามคอชื่อ Pikasso (ได้ชื่อนี้มาเพราะว่ามันมีหลายคอพาดซ้อนกันในตัวเดียว เหมือนรูปเขียนของ Picasso) ซึ่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับให้ Pat ใช้คนเดียว วิธีที่แกเล่นคือใช้มือซ้ายเดินเบส แล้วมือขวาเที่ยวไปป่ายตวัดสายเปิดของคออื่น ๆ วุ้ย อธิบายยาก แต่เสียงออกมากระหึ่มเหมือนกับมหกรรมนานาชาติ ทั้งขิมทั้งจะเข้ปนกับกึตาร์วุ่นไปหมด ใครไม่ได้มาเห็นกับตารับรองจะไม่เชื่อว่าเสียงทั้งหมดนี่เล่นคนเดียว

Pikasso

แล้วก็ถึงคราวที่สมาชิกวงทริโอที่เหลือขึ้นมาแจมบนเวที Pat เปลี่ยนมาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า เข้าใจว่าเป็น Ibanez PM100 ต้องบอกว่าวงเข้าขากันดีมาก ๆ โดยเฉพาะมือเบส Christian McBride นั้นความสามารถล้นเหลือ จนอยากจะยกนิ้วทั้งยี่สิบให้ ส่วนมือกลองเป็นชาวเม็กซิกัน ลีลาแกเผ็ด ๆ ดุ ๆ แบบว่าไปเล่นแถว ๆ วง Santana ก็น่าจะไม่เลว รายได้ก็คงดี

Pat Metheny Trio

เวลาที่เล่นทั้งวงนี่เสียงจะออกมาเป็นแนวหนักแน่น และดนตรีสอดประสานออกสำเนียงแจ๊สชัดเจน ไม่ได้เน้นเสียงที่ใสกังวานของกีตาร์แต่อย่างเดียว แต่มีลูกเล่นเยอะแยะ ตั้งแต่เบา ๆ แบบจิบเบียร์ไปฟังไปได้ จนถึง improvise กันสุดฤทธิ์สุดเดช รัวแทบหูดับตับไหม้ชนิดที่ว่าตายกันไปข้างหนึ่ง

ระหว่างกลางเพลงช่วงจังหวะที่เบสกำลัง improvise อยู่ ผมเห็น Pat สลับกีตาร์ก็เลยเดาเอาว่า น่าจะเป็น Roland G-300 กีตาร์ซินเธอไซเซอร์ นึกในใจว่ารอฟังเสียงนี้อยู่นานแล้ว ก็ปรากฏว่าใช่จริง ๆ ใช่เลย เพราะทันทีที่เขากรีดนิ้วลงไปมันก็ดังแปร๋นออกมาเสียงคล้าย ๆ ทรัมเปต (แต่ไม่เหมือนทรัมเปตนะครับ) อันนี้เป็นเสียงเอกลักษณ์ของเขาจริง ๆ เขาค่อย ๆ รัวโน้ตกระชั้นขึ้น เหมือนกับอสูรกายที่ถูกปลุกขึ้นมาฟาดงวงฟาดงา เสียจนระเบิดเถิดเทิง คนดูหลายคนทนไม่ไหวลุกขึ้นมายืนปรบมือเหยง ๆ อารมณ์สุดใจขาดดิ้น แต่ยังครับ เพลงยังไม่จบ (โดนหลอก) กลับค่อย ๆ ช้าลง แผ่วลง ผ่านไป และผ่านไป จนเลือนหายไปเหมือนใบไม้ปลิวไปในสายลม โอ้โฮ เงียบไปพักหนึ่งคนดูถึงปรบมือแบบงง ๆ เหมือนถูกตีหัวแรง ๆ แล้วลูบหลังน่ะครับ (ถอนใจ) อันนี้นับเป็น climax ของคอนเสิร์ทอย่างไม่ต้องสงสัย (แล้วตอนจบเป็นยังไง?)

คำสำคัญ (Tags): #ดนตรี
หมายเลขบันทึก: 19872เขียนเมื่อ 20 มีนาคม 2006 16:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 14:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท