ท่ามกลางกระแสโลก เรายังอยากขึ้น"สวรรค์" หรือลง"นรก"อยู่หรือเปล่า?
ช่วง อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้รับ Fw. เมลล์ จากลูกศิษย์ โดยเขาเขียนว่า “Heaven & Hell” good to know. เหมือนเป็นการบอกต่อว่า คนส่วนใหญ่คิดว่า ได้ขึ้นสวรรค์ ถ้ามีสิ่งเหล่านี้ หรือ ตกนรก ถ้ามีสิ่งเหล่านี้ เป็นความจริงหรือไม่? สิ่งเหล่านี้มาอิทธิพลต่อชีวิตคนเรา ถึงขนาดบอกว่า เราท่านได้อยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้า หรืออยู่ในนรกอเวจี หรือครับ ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ ท่านคิดว่าเรื่องเหล่านี้ เป็นสวรรค์ หรือนรก จริงหรือครับ.......
> > HEAVEN is .......... when you have:
> > : AMERICAN salary,
> > : GERMAN car,
> > : CHINESE food, and
> > : THAI wife.
> >
> >
> > HELL is .................. when you have:
> > : AMERICAN wife,
> > : GERMAN food,
> > : CHINESE car, and
> > : THAI salary.
ส่วนผม ลองพิจารณาดูแล้ว เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เมื่อ มี รถเยอรมันขับเล่นกินลม หรือไปทำงาน เช่น ได้ขับเบนซ์ ความรู้สึกของคนขับที่หัวใจคับพองโต เพราะปรารถนามานานแล้วที่จะได้ขับเบนซ์ การได้นั่งรถเบนซ์ ซึ่งอาจจะเก่าจากที่อื่นมาบ้าง ก็ทำให้ความรู้สึก เหนือกว่าคนอื่นยังมีอยู่ครับ แต่ไม่แน่เสมอไปครับ... ก็อาจจะใช่ถ้าฝันนี้เกิดตอนที่ น้ำมันราคายังไม่แพงขนาดนี้ คุณหล่ะครับ คิดอย่างที่ผมคิดหรือไม่ครับ?......
การได้ทานอาหารจีนเลิศรส ก็เป็นความรู้สึกที่เหนือคำบรรยาย เปรียบเหมือนได้รับทานอหารจากสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน ก็อาจจะใช่ แต่ ถ้าเราต้องทานเปาฮื้อน้ำแดง (ที่เก็บมาจากทะเลจีนใต้ที่มีสารพิษ สารโลหะหนักสะสมในตัวหอยเปาฮื้อเหล่านั้น) ก็ไม่คุ้มกับการที่จ่ายแพงแล้วไม่ได้การคุ้มครองชีวิตเหมือนกันคนทานหอยแครงจากเพชรบุรี ละก็ ผมก็ไม่ขอขึ้นสวรรค์ครับ.....
การมีภรรยาเป็นคนไทยก็เหมือนกัน ที่ผ่านมาผมไม่ได้มีอคติกับภรรยาคนไทยนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตครอบครัว และที่ผ่านมาผมไม่เคยมีภรรยาเป็นอเมริกัน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ อาจจะเพราะผมเป็นคนมีโลกแคบก็ได้จึงไม่ได้รับความสุขเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์ได้ครับ....แต่ถ้าผมเปิดใจให้กว้างก็ไม่แน่ครับ เพราะภรรยาคนไทย อย่างน้อยคุยกันด้วยภาษาไทยเข้าใจกันง่ายกว่าคนภาษาอื่น ๆ อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมยังบ้างานมากกว่าครอบครัว คงต้องรอปรับสมดุลชีวิตอีกนิดหนึ่ง ผมคงสร้างครอบครัวที่ดีได้ครับ
ส่วนเรื่องเงินเดือน ผมไม่แน่ใจครับ แต่คิดว่าเราทำงานเมืองไทย ได้เงินเดือนระดับเมืองไทย พอสมเหตุสมผล ก็พอแล้วครับ ชีวิตบางครั้งก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ ครับ ถ้าเราทำงานเพื่องาน ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเดือนเราก็คงมีความสุขตามอัตภาพครับ......
ความเห็นผมก็อาจจะไม่ตรงเสียทีเดียวเพราะผมอาจจะไม่เข้าใจโลกพอ หรือไม่พยายามเสพโลก เพราะว่า การเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับเรื่องเหล่านี้มาก ทางพระท่านสอนว่าอย่าไปเสพติดครับ( เงิน,รถยนต์,อาหารและภรรยา) เนื่องจาก สิ่งเหล่านี้ถ้าเราอยู่กับเขาอย่างมีความรู้ ความเข้าใจน่าจะอยู่ได้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้ครับ อย่างน้อยก็ หนึ่งในสี่ของสวรรค์ทั้งหมด ผมคงทำได้ครับ....แล้ว คุณหล่ะครับ คิดอย่างไร? ปฏิบัติอย่างไร? ครับ
ความเห็น (2)
ปัจจุบันผมนั่งรถคันเก่า
กับครอบครัวที่อบอุ่น
สิ่งที่ต้องการคือความมั่นคงในชีวิต
อนาคตอยากเรียนรู้ว่าตัวเรานี้คือใคร?
ถึงคุณ ร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง ครับ
จากคำนิยมของสังคม ถ้าสวรรค์ คือเงินเดือนอเมริกัน รถเยอรมัน อาหารจีน และภรรยาคนไทย (แบรนด์ดังครับ)และนรกเป็น ภรรยาอเมริกัน รถจีน อาหารเยอรมัน และเงินเดือนไทย คงเป็นการนำเอา 4 ประเทศมาเปรียบเทียบครับ เหมือนทุกประเทศมีดี และมีเสียอยู่......
แต่ของคุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง ...น่าจะเป็นสัญญลักษณ์อีกแบบ คือ รถเก่า ครอบครัวอบอุ่น .....สิ่งที่เป็นกำลังใจของคนในยุคปัจจุบันน่าจะเป็นความอบอุ่นในครอบครัว(พ่อแม่ลูกครับ)ให้ความมั่นคงที่มั่นคงของครอบครัว และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแล้ว คุณร่มไม้มีความมั่นคงอยู่กับตัวเองแล้ว.....จนผมต้องอิจฉา(อิสสา)เป็นสิ่งไม่ดีครับ ไม่สมควรเกิดในใจครับ......
ส่วนตัวเรานี้คือใคร....? ผมคงให้คำตอบไม่ได้ครับ แต่ถ้าอยากรู้ว่าเราเป็นใคร ให้ถามตัวเองก่อนว่า พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เราเกิดที่ไหน? เพื่อบอกชาติ ,ถามศาลนาเพื่อให้รู้ว่าเราเกิดมาทำไม? เพื่อบอกว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไร?(ทั้งชีวิต),ถามตัวเองว่าเราทำหน้าที่ต่อ ทิศทั้ง ๖ ดีแล้วหรือยัง? (ตั้งแต่ ประเทศชาติ,ศาสนา,พระมหากษัตริย์,พ่อแม่,ภรรยาสามี,ลูกหลาน,เพื่อนพ้อง,ลูกจ้างและคนที่ต่ำกว่า)หรือยัง .....ถ้ายังไม่รู้จักตัวเอง ก็ให้ใช้หลัก ถอยไปตั้งหลัก คือ
Back to the source (คืนสู่ธารชีวิต)
Back to the roots (คืนสู่รากฐานขีวิต)
Back to the basic (คืนสู่พื้นฐาน)
Back to the nature (คืนสู่ธรรมชาติ)
ถ้ายังตอบไม่ได้ว่า เราคือใคร? ผมก็ต้องบอกว่าคุณร่มไม้ใกล้ทาง ต้องรอไปอีก จนกว่าจะถึงเวลาที่สมควรคุณก็จะรู้เองว่า เราคือใคร?ครับ