ผมอ่านข่าวกองทุนต่างชาติเข้ามาไล่ซื้อที่ดินทั้งเกาะ ที่ภูเก็ต กระบี่ สมุย เพื่อพัฒนาเป็นที่พักตากอากาศหรูหรา แล้วเอาไปให้เศรษฐีต่างชาติเช่า 30 ปี นับได้ว่าเข้าสุ่ยุคถิ่นกาขาวเต็มรูปแบบแล้ว แม้ประมวลกฎหมายที่ดินของเรา จะมีมาตรการมิให้ชาวต่างชาวถือครองที่ดิน มีระเบียบกรมที่ดินคอยกำกับตรวจสอบอย่าถี่ยิบแล้ว แต่ด้วยนวัตกรรมทางการค้าในระบบทุนนิยมเสรีทางการเงิน ทางการค้า กองทุนเหล่านั้นก็เข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมาย และใช้ระบบทุนควบคุมการครอบครองที่ดินและผลประโยชน์ กอบโกยเอากำไรไปอื้อ แม้คนไทยจะได้เศษเลยจากการพัฒนาที่ดินนั้น แต่ฝรั่งมังค่าก็เข้ายึดครอง ใช้ประโยชน์ในผืนแผ่นดินอันสวยงาม ส่วนลูกหลานเราๆท่าน ก็คงได้งานทำเป็นบริกรตามโรงแรม เป็นยามรักษาความปลอดภัย และหากโชคดีก็ได้ผัวฝรั่ง/หรือผัวแขก ทรัพยากรอันสวยงามของอันดามันไทย ฝรั่งและแขกได้เข้ายึดครองโดยบริบูรณ์แล้ว ผมลอกข่าวจากประชาชาติธุรกิจ มายืนยันทุกท่านว่า... ต่อไปนี้ลูกชายของชาวไทยเสพความงามของอันดามันได้ ก็ต่อเมื่อสมัครไปเป็น รปภ. แต่หากเป็นหญิง..อาจได้อาบแดดนวดฝรั่ง (หากฝรั่งถูกใจ) -------------------------------------------------- (ประชาชาติธุรกิจ 31 กค.2551)
ทุนแขกเท2หมื่นล.เนรมิตเกาะโหลน "สมุย-ภูเก็ต"บูมกองทุนซื้อขายคึกคัก ทุนข้ามชาติเจาะ 3 เมืองท่องเที่ยว "ภูเก็ต-สมุย-กระบี่" ตั้งกองทุนพร็อพเพอร์ตี้กวาดเรียบ ล่าสุดกลุ่ม "ทัจ เอ็กโซติกา รีสอร์ตฯ" จากแดนภารตซุ่มซื้อเกาะโหลน จ.ภูเก็ต บูมสร้างเมกะโปรเจ็กต์รีสอร์ตและวิลล่าส่วนตัวหรูสุดๆ คาดมีมูลค่าถึง 2 หมื่นล้าน รอดักอัครมหาเศรษฐีโลก ดาราฮอลลีวูด ซูเปอร์ไฮเอนด์ เฮโลยึดหัวหาดภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยยินดีจ่ายไม่อั้นเพื่อซื้อที่พักบนเกาะส่วนตัวเก็บไว้พักผ่อนแหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และเกาะสมุย พบว่าทั้ง 3 แห่งเป็นทำเลทองที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนจำนวนมาก จากการสอบถามลูกค้าในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ต่างชาติเข้ามาซื้อโดยการจัดตั้งเป็นกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เป็นส่วนใหญ่ และนำหน่วยลงทุนไปซื้อขายในสิงคโปร์ เมื่อกองทุนหมดอายุก็ตั้งกองทุนใหม่มา ซื้อใหม่ ทั้งนี้กองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวต่างชาติ ครอบครองไปเกือบหมดแล้ว ล่าสุดรายงานข่าวจากกลุ่มอสังหา ริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ต เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนบริเวณจังหวัดท่องเที่ยวภูเก็ตกำลังพัฒนาไปสู่เทรนด์ใหม่ มีโครงการก่อสร้างที่พักแนวหรูหราบริการบนเกาะขนาดเล็ก 4 แห่ง ล่าสุดกลุ่มทุนโรงแรมรายใหญ่ TAJ จากอินเดีย ได้ซื้อที่ดินบริเวณเกาะโหลน ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ สุดของภูเก็ต เตรียมทยอยก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ตั้งเป้าหมายภายใน 5-7 ปีนี้ จะพัฒนารีสอร์ตหรูหราครบวงจรพร้อมโครงสร้างพื้นฐานสมบูรณ์แบบ เมื่อแล้วเสร็จจะมีมูลค่ารวมถึง 20,000 ล้านบาท การลงทุนเฟสแรกทัจเตรียมใช้เงินไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ออกแบบและก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ ทัจ เอ็กโซติกา รีสอร์ต แอนด์ สปา เกาะโหลน (TAJ EXOTICA RESORT AND SPA) ขนาด 100 ห้อง และวิลล่า 19 หลัง สร้างลักษณะพิเศษทั้งขนาดห้องพักและวิลล่าใหญ่โตโอ่โถง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ระดับโลก พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำ ไฟ ถนน อย่างดีเยี่ยม สร้างมารีน่ายอชต์ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์หรู เพื่อรองรับลูกค้าที่มีความต้องการจะเข้ามาพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวโดยไม่มีสิ่งรบกวนจากภายนอกเข้าถึงมาได้ สำหรับทัจ กรุ๊ป (Taj Group) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารลงทุนธุรกิจโรงแรม ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง บริษัท ทาทา กรุ๊ป "Jamsetjit N Tata" ตามที่ อีโคโนมิก ไทม์ส รายงานเมื่อ 7 สิงหาคม 2549 อ้างคำยืนยันจากแหล่งข่าวว่าทัจ กรุ๊ป มีแผนลงทุนในโครงการภูเก็ตเป็นโครงการนำร่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แบรนด์ "Taj Exotica" โดยใช้ Taj Asia เป็นกลไกการลงทุนในอาเซียน รวมถึง Taj Asia ได้ซื้อที่ดินบนเกาะโหลนผ่านการลงทุนของบริษัทลูกในไทยมูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท เบื้องต้นในช่วงนั้นกลุ่มทัจปฏิเสธแสดงความเห็นต่อกระแสข่าว ขณะที่บริษัทสำรวจและที่ปรึกษาอสังหา ริมทรัพย์ระดับอินเตอร์รายใหญ่บางแห่ง ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า ทัจ กรุ๊ป กำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะลงทุนโครงการ 2 ในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยว ต่างชาติเข้ามาเมืองไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไทยกำลังเป็นสถานที่ปลายทาง MICE ประชุมสัมมนา จัดนิทรรศการแสดงนานา ชาติ ที่ได้รับความนิยมสูงของเอเชีย นอกจากทัจ กรุ๊ป จะนำร่องก่อสร้างโครงการในภูเก็ตแล้ว ยังมีแผนจะเข้าไปลงทุนโครงการลักษณะเดียวกันในสิงคโปร์ ฮ่องกง และสาธารณรัฐประชาชนจีน นางสิรินี สาลิกาบุตร หัวหน้าฝ่ายสำรวจและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ คอลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในอนาคตผู้ลงทุนเกาะโหลนพุ่งเป้าพัฒนาเป็นเกาะส่วนตัว เพื่อตอบรับความต้องการลูกค้า ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้มีชื่อเสียงระดับโลก นักแสดงฮอลลีวูด อัครมหาเศรษฐีระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ บุคคลเหล่านี้รักความเป็นส่วนตัวและยินดีที่จะซื้อรีสอร์ตบนเกาะส่วนตัวที่ใดสักแห่งที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปรบกวนพวกเขาได้ ความต้องการของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเป็นแรงผลักดันให้นักพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์หลายค่ายทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อกว้านซื้อที่ดินบนเกาะเล็กๆ ส่วนตัวสะสมไว้ เมื่อสถานการณ์ทางการตลาดเหมาะสมก็ลงทุนก่อสร้าง เตรียมรองรับตลาดและกำลังซื้อมูลค่ามหาศาล สถานการณ์การลงทุนโดยรวมขณะนี้ในภูเก็ตยังมีกลุ่มทุนพัฒนาโรงแรมรีสอร์ตจากนานาชาติรายใหญ่อย่างดูไบ จูเมราห์ กรุ๊ป ซื้อที่ดินบริเวณเกาะแรด อยู่ทางด้านเหนือสุดของภูเก็ต ใช้เงินกว่า 6,000 ล้านบาท ออกแบบเกาะส่วนตัวสร้างเมกะโปรเจ็กต์ จูเมราห์ ไพรเวต ไอส์แลนด์ ภูเก็ต และมีนักลงทุนจากอังกฤษใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินบนเกาะมะพร้าว ก่อสร้าง เดอะ วิลเลจ วิลล่า คอลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเมินสถานการณ์หลังจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เข้ามาซื้อเกาะขนาดเล็กส่วนตัวตลอด แนวชายฝั่งอันดามันไว้รองรับตลาดซูเปอร์ ไฮเอนด์นั้น ในอนาคตจะเกิดเทรนด์การ ท่องเที่ยวหรูหราเชื่อมโยงระหว่างภูเก็ตไปถึงเกาะลังกาวี มาเลเซีย ซึ่งกำลังก่อสร้างมารีน่า 2 แห่ง รองรับเรือยอชต์มหาเศรษฐีได้ถึง 800 ลำ นอกจากนี้กลุ่มเดสติเนชั่นซึ่งมีความชำนาญด้านการพัฒนาสายการบินเดส ติเนชั่น แอร์ ชัตเติล ลงทุนซื้อเครื่องบินแบบสะเทินน้ำสะเทินบกซีแพลน (seaplan) เซสน่า 206 และเซสน่า 208 เปิดบริการ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวมหาเศรษฐีที่นิยมเดินทางระหว่างภูเก็ตไปยังเกาะต่างๆ ในฝั่งทะเลอันดามัน นายนิธิศ เกศางาม ซีอีโอ เดสติเนชั่น แอร์ ชัตเติล กล่าวว่า เริ่มเปิดบริการสายการบินที่สามารถจอดบนพื้นน้ำใกล้ชายหาด เป็นสนามบินนำเครื่องลงจอดเหมือนสนามบินทั่วไป บริการบินระหว่างสนามบินนานาชาติภูเก็ตไปยังเกาะต่างๆ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะยาวน้อย เกาะลันตา กระบี่ ตรัง สิมิลัน เกาะราชา เขาหลัก บินวันละ 12 เที่ยว เครื่องบินจะออกทุก 2 ชั่วโมง ใช้เวลา 13-30 นาที/เส้นทาง "เปิดบริการมาตั้งแต่เมื่อกุมภาพันธ์ 2550 นักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการสูงต่อเนื่องมาตลอด แนวโน้มธุรกิจจะยิ่งเติบโตเร็วหลังจากกลุ่มทุนโรงแรมรีสอร์ตขนาดใหญ่เข้าซื้อเกาะส่วนตัวพัฒนาเป็นที่อยู่สำหรับขายให้กลุ่มผู้มีชื่อเสียงของโลกซึ่งต้องการความเป็นส่วนตัวสูงที่จะหันมาใช้บริการซีแพลน" นายนิธิศกล่าว สำหรับบริษัท เดสติเนชั่น แอร์ จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งกิจการร่วมทุนของต่างชาติในภูเก็ต โดยมีนายแกรี่ ริชาร์ด เมอร์เรย์ เป็นเจ้าของ จดทะเบียนเมื่อ 11 ตุลาคม 2548 ด้วยทุน 37 ล้านบาท ดำเนินการให้บริการการบินและสนามบินทุกชนิด แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และเกาะสมุย พบว่าทั้ง 3 แห่งเป็นทำเลทองที่ต่างชาติเข้ามาลงทุน จากการสอบถามลูกค้าในพื้นที่ อาทิ ภูเก็ต ให้ข้อมูลว่าต่างชาติเข้ามาซื้อโดยการจัดตั้งเป็นกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เป็นส่วนใหญ่และนำหน่วยลงทุนไปซื้อขายในสิงคโปร์ เมื่อกองทุนหมดอายุก็ตั้งกองทุนใหม่มาซื้อใหม่ ทั้งนี้กองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวต่างชาติครอบครองไปเกือบหมดแล้ว
|
สวัสดีค่ะท่าน ทนายธัญศักดิ์ ณ นคร
ขอบคุณค่ะ ทำงานด้วยความสุขทั้งวันนะคะ
พี่ธัญศักดิ์
ดีใจที่เจอพี่ที่นี่ เปิ้ล เป็นทนายที่อยู่ที่เกาะสมุย เคยเจอกับพี่ที่สำนักงานที่ดินสิชลค่ะ น่าจะจำได้นะคะ เปิ้ลเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่พี่พูดมา และเข้าใจปัญหาเป็นอย่างดี เพราะสัมผัสโดยตรงกับเรื่องนี้ แต่มันก็มีอีกเรื่องที่น่าสังเกต ก็คือว่า แม้แต่อาชีพทนายความซึ่งน่าจะเป็นอาชีพที่ห้ามต่างชาติประกอบการ ก็ไม่สามารถห้ามได้ คนต่างชาติมาซื้อที่ดินเพื่อประกอบกิจการในไทย ก็ไปใช้บริการทนายต่างชาติ ที่ทำตัวเหมือนตนเองมีสัญชาตไทย แต่คิดเงินค่าบริการแบบต่างชาติ ทนายไทย ห้าหมื่นกว่าชีวิต กำลังจะอดตาย สภาทนายความทำอะไรอยู่ เหมือนกับอุ้มพวกลอว์เฟิร์มดังๆ เคยจัดสัมนาที่สุราษฎร์ เชิญทนายสัญชาติอเมริกันมาเป็นวิทยากร ต้องยอมรับว่า พวกนักลงทุนต่างชาติกลืนไทยได้ยากขึ้น หากไม่มีสำนักงานด้านกฎหมาย(บางสำนักงาน)ให้ความช่วยเหลือ เราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็น(ทนายหรือนักกฎหมายบางคน)เป็นผู้หาช่องโหว่ของกฎหมาย เมื่อกฎหมายมีช่อง ก้ต้องมีคนลอดผ่าน อยากให้ทนายความร่วมมือกันมากกว่านี้ ที่สำคัญ สภาทนายเราก่อตั้งมากี่ปีแล้ว ถามว่าได้ทำอะไรให้ทนายไทยมีศักดิ์ศรีเท่าทนายยุโรป อเมริกา บ้าง มีทนายความท่านนึง เคยพูดขณะประชุมสัมมนา ว่า " ชีวิตของทนายความไทย มีค่าเท่ากับหมาฝรั่งตัวนึงเท่านั้น "" แต่ปรากฎว่า เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ทนายท่านนั้นก็ถูกปลดจากการเป็นประธานทนาย ของจังวัดแถวบ้านเรานี่เอง
อย่าโทษ ฝรั่งเลย ถ้าหากเราไม่ยอมมันตั้งแต่ต้น ไม่มีหนึ่ง ก็ไม่มีสอง เราต้องแก้ปัญหาที่คนของเรา ..ที่สถาบันของเรา นี่อะไรได้ จัดประชุมสัมนาไร้สาระตลอด เอาเงินของเราไปถลุงทั้งนั้น
ทุกวันนี้ฝรั่งมาแต่งงานกับคนอีสาน เพื่อกว้านซื้อที่ดิน