เมื่อวานเป็นวันหยุดที่รื่นรมย์อีกวันหนึ่งของชีวิต เรื่องบางเรื่องกับใครบางคน มีโอกาสได้ “เปิดใจ” กันอย่างไม่คาดคิด หลังจากเก็บงำกันมาเสียนาน
ช่วงเช้าของวันเสาร์ ขณะที่นั่งรถไปยังขอนแก่น ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งอย่างตรงไปตรงมา และคุยกันอย่างสนิทแน่น เรียกได้ว่าเปิดเปลือย “ใจ” เล่าและเปิดเปลือย “ใจ” ถามตอบกันอย่างไม่บิดเบือน
เด็กหนุ่มท่านนี้ อยู่ในองค์กรเดียวกับผม แต่อยู่คนละสายงาน น้อยนักที่เราจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง แต่สำหรับสัมพันธภาพแล้ว เราต่างมีเมตตาจิตต่อกันและกัน อาศัยและพึ่งพิงกันมาเป็นเวลานาน
การสนทนากันครั้งนี้ ร้อยทั้งร้อยเป็นเรื่องการงานทั้งสิ้น เขาเองเคยแคลงใจถึงเหตุผลของการก้าวลงมาจากเก้าอี้ของผม หรือแม้แต่การสงสัยว่า สายงานใหม่ที่ผมกำลังสร้างขึ้นนั้น รองรับเฉพาะงานหรือความฝันของผมเองสถานเดียว หรือรองรับความเป็นองค์กร กันแน่
เป็นคำถามเปิดเปลือยแบบตรง ๆ ซื่อ ๆ และจริงใจมาก ซึ่งผมก็ชื่นชอบในสไตล์เช่นนี้ เลยถือโอกาสเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือกเลยว่า งานที่ผมแยกออกมาทำอยู่นี้ คืองานภาพรวมขององค์กรของเราทั้งหมด มิใช่เป็นงานเล็ก ๆ .. หากแต่ผมพึงใจที่จะใช้คนจำนวนน้อย ๆ เพื่อสร้างงานใหญ่ เป็นการแยกตัวออกมาเพื่อมิให้ติดกับดักอยู่ในระบบมากจนเกินไป ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพของการสร้างงาน –
เกี่ยวกับงานพัฒนานิสิตนั้น ผมไม่ได้เล่าให้ฟังมากมายนัก เพียงแต่บอกกล่าวในทำนองว่า งานพัฒนานิสิต คือ พันธกิจหลักขององค์กรของเรา แต่เท่าที่ผ่านมา เรายังย่ำเน้นอยู่กับเรื่องกิจกรรม ทั้ง ๆ ที่กิจกรรมเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนานิสิตเท่านั้น ยังไม่มีการ “รุก” ออกมาสร้างกระบวนการพัฒนานิสิตอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น การแตกตัวออกมาของผม จึงมีเป้าหมายชัดเจนของความเป็นองค์กร มิใช่มาสร้างแผ่นดินใหม่ มิใช่มาสร้างบารมีตัวเอง และสถาปนาประวัติศาสตร์กิจกรรมเพื่อตนเองอย่างที่หลายคนแคลงใจ
เกี่ยวกับการพัฒนานิสิตนั้น ผมเกริ่นแบบคร่าว ๆ ว่า ผมต้องการให้มีหลักสูตรว่าด้วยการพัฒนานิสิตที่ถูกต้อง กำหนดเป็นรายวิชาให้นิสิตได้เลือกเรียน หรือแม้แต่บังคับให้เรียนกันทุกคน ..รวมถึงการพัฒนาระบบ “ทรานสคริปชีวิต” ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และนั่นยังหมายรวมถึง การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนานิสิตในบริบทขององค์กร ซึ่งเราไม่เคยหยิบเรื่องนี้มาพูดกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นอกจากเรื่องพัฒนานิสิตอันเป็นกลไกสำคัญขององค์กรแล้ว ผมยังกล่าวโยงไปถึงเรื่องระบบสารสนเทศและการประชาสัมพันธ์ที่ผมดูแลอยู่ว่าเป็นมาอย่างไร ? และมีทิศทางอย่างไร ? ... เพราะเรื่องนี้ก็เป็นภาพรวมขององค์กรด้วยเช่นกัน มิใช่ตั้งมาเพื่องานใดงานหนึ่งอย่างที่หลายคนเข้าใจ (ทั้ง ๆ ที่อธิบายและแถลงมาแล้วนับสิบครั้ง)
งานสารสนเทศนั้น หลัก ๆ ที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องเกิดขึ้นให้ได้ก็คือ “ห้องสมุดกิจกรรม” หรือ “ห้องสารสนเทศกิจกรรม” เพราะวิถีที่เราเป็นอยู่นั้น ก่อเกิดและดำเนินมายาวนานนัก แต่กลับไม่มีการจัดเก็บข้อมูลใด ๆ ไว้บ้างเลย เราไม่มีต้นทุนเชิงประวัติศาสตร์ของเรามากนัก หลายคนมุ่งไปสู่อนาคตมากจนไม่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบต่าง ๆ ของแต่ละวัน เสมือนการมุ่งหน้าไปเพื่อตนเอง แต่ไม่คิดที่จะจัดเก็บอะไรต่อมิอะไรไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้า ..ความรู้และเอกสารหลายอย่างติดตัวไปกับบุคคล แต่กลับไม่ทิ้งดอกผลใด ๆ ไว้ให้องค์กร พอมีคน หรือองค์กรภายนอกมาเยี่ยมยามถามข่าวในเรื่องเหล่านี้ ทุกคนก็โยนมาที่ผม ทั้งที่ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น - คนธรรมดา ๆ ที่ฟั่นเฟือนสืบค้นและจัดเก็บเรื่องราวขององค์กรมาอย่างเดียวดาย ...
นั่นคือเหตุผลหลักอีกประการที่ทำให้ผมตัดสินใจก้าวถอยออกมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง และหากเกิดขึ้นตามที่วาดหวัง สิ่งนี้ก็จะกลายเป็นส่วนที่ใคร ๆ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สายธารของการพัฒนานิสิตในยุคสมัยต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมเสียที
และสุดท้าย. ผมก็ชวนคุยถึงงานประชาสัมพันธ์และนวัตกรรมที่ผมกำลังแบกรับอยู่กับทีมงานนั้น เป็นงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ “ทุกคน” และเพื่อ “ทุกภาคฝ่าย” เป็นงานที่เกิดมาเพื่อเป็นกลไกให้ฝ่ายต่าง ๆ ทำงานได้ง่ายขึ้น. สะดวกขึ้น. และมีผลผลิตที่เป็นรูปธรรม มิใช่ทำ ๆ แล้วไม่มีผลผลิตในเชิงประชาสัมพันธ์ออกมาจัดแสดง ซึ่งนั่นต้องเข้าใจว่า ที่ผ่านมาเราทำงานกันหนักมาก แต่เรากลับไม่มีกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์อย่างเป็นรูปธรรม จนใคร ๆ ก็กล่าวถึงเราในทำนองว่า “วัน ๆ เราไม่มีอะไรทำ..”
แต่บัดนี้ ต้องยอมรับว่า งานประชาสัมพันธ์และนวัตกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ กลายเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังสำหรับเรา ตอนนี้ใคร ๆ ก็รับรู้และเห็นสื่อในมิติต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เราผลิตงานต่าง ๆ สื่อสารออกไปสู่สาธารณะ อย่างมีเอกลักษณ์ และสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นนั้น ก็ได้รับการติดต่อจากภาคส่วนต่าง ๆ ในการนำไปต่อยอด หรือขยายผลอย่างน่าภาคภูมิใจ ซึ่งเราเองก็กล้าพอที่จะบอกว่า ชิ้นงานที่สร้างขึ้นนั้น ไม่ขี้เหร่ หากแต่ดูดี ดูเก๋ ..ไม่แพ้หน่วยนวัตกรรมโดยตรงเลยทีเดียว
กระทั่งปิดประเด็นด้วยประโยคที่ว่า การทำงานในแต่ละครั้ง เจ้าของงานไม่จำเป็นต้องทำกระบวนการประชาสัมพันธ์เองเลย ส่งงานมาที่ผม เพื่อให้ผมกับทีมงานเป็นคนผลิตงานให้ โดยการผลิตนั้น ก็เริ่มตั้งแต่ประชาสัมพันธ์ก่อนงาน – ระหว่างงาน – สรุปงานเป็นสื่อต่าง ๆ สุดแท้แต่ความต้องการของเจ้าของงาน มิใช่ให้เจ้าของงานมาวิ่งทำทุกเรื่อง เพราะไหนตัวเองจะต้องบริหารจัดการในเรื่องนั้น ไหนจะมาทำเรื่องเหล่านี้ด้วย แทนที่งานจะดำเนินไปด้วยดี แต่อาจจะกลับลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย และที่สำคัญ แต่ละคนต้องยอมรับว่า ตนเองไม่ถนัดเรื่องสื่อและการประชาสัมพันธ์ การส่งมอบมายังทีมของผม จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ..ดีสำหรับบุคคล และดีสำหรับองค์กรอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม .. ด้วยความที่เกรงว่าเขาจะไม่เห็นภาพเกี่ยวกับวิถี หรือกรอบงานที่ผมและทีมงานรับผิดชอบนั้น ผมก็เลยยกตัวอย่างให้ฟังแบบตรง ๆ ว่า ... สมมติว่าตอนนี้ทุน กยศ. ของนิสิตกำลังทยอยเบิกออกมา แทนที่งานทุนจะนิ่งเงียบทำแค่เรื่องสัญญาเท่านั้น แต่ควร “รุก” มาคิดเรื่องรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้นิสิตเห็นคุณค่าของเงินทุน..มีจิตสำนึกที่ดีต่อการใช้เงินทุนให้เกิดประโยชน์อย่าง “รู้ค่า” ...และมีกระบวนการของการติดตามเรื่องนี้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน มิใช่นั่ง ๆ อยู่กับโต๊ะ ตรวจเอกสาร เปิดเว็บดูรายละเอียดของงานไปวัน ๆ ....
สิ่งเหล่านี้ พวกเขาอาจไม่สันทัดทั้งการผลิตสื่อ. การกำหนดประเด็น การกำหนดวาทกรรมให้ชวนอ่าน สะดุดตา สะดุดใจ ... แต่ผมและทีมงานนี่แหละ คือ ..กลุ่มคนที่เกิดมาเพื่อรองรับและเติมเต็มงานของพวกเขา มิใช่ให้เขาไปแบกรับ และทำ ๆ ไปอย่างปราศจาก “เสน่ห์” และ “จินตนาการ”
และนั่นคือตัวอย่างที่ทำให้เขาเข้าใจอย่างแจ่มชัด และยังยืนยันว่า กลับไปจะเข้าหารือกับหัวหน้า เพื่อขับเคลื่อนงานให้ครบวงจรกว่าที่เป็นอยู่ โดยมีผมและทีมงานเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยขับเคลื่อน และไม่วายเอ่ยชื่นชมกิจกรรมพฤหัสสกัดความรู้ที่ผมและทีมงานร่วมใจจัดขึ้นนั้นว่าเป็นกิจกรรมที่ดี , (อยากให้งานของเขา ได้ทำแบบนี้บ้าง)
ผมไม่รู้จะบอกกล่าวเรื่องนี้อย่างไร จึงได้แต่พูดสั้น ๆ แต่เพียงว่า “อยู่ที่ใจ..ทุกอย่างอยู่ที่ใจล้วนๆ”
......
สวัสดีครับ พี่แผ่นดิน
เรียนท่านแผ่นดิน หากองค์กรไปรอด องค์Gu ก็ไปรอดครับ
ให้กำลังใจค่ะ
ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้น่ะ
แต่ทำได้รึเปล่า อีกเรื่องนึง
ให้กำลังใจนะครับคุณพนัส..
เรื่องดีๆ คนดีๆ และทำเพื่อสังคม ขอให้พลังของทุกท่านมีเหลือเฟือนะครับ
สู้ๆครับ
-----------------------------------------------------
ปูเสื่อ ไว้รอ หากเหนื่อยพักเสียก่อนสักครูแล้วเดินทางต่อครับ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
* ...
ดูเหมือนว่า ทุกลมหายใจเข้าออก ของคุณแผ่นดินคือ งาน
งาน และ งาน ... นึกถึงคำ ช่วงอยู่ที่ทำงานเก่านะคะ
work .. work .. work and work (alcohol) ic 5 5
* ...
* เป็นกำลังใจให้ค่ะ ... วันนี้วันครอบครัว พักผ่อนให้มีความสุขนะคะ ก่อนจะต้องไป work work อีก พรุ่งนี้ ...
... ชอบสะพานไม้ ? นำมาฝาก แม้จะเล็กไปหน่อย ...
สวัสดีครับ
บางครั้งความคิดก็ต้องบวกความกล้าด้วยครับ
และบางครั้งอีกแหละครับที่ความคิด+ความกล้าแล้วกลับถูกมองว่า"บ้า" สำหรับผม ผมคิดว่าถ้าไม่มีตรงนี้โลกนี้คงไม่มีนวัตกรรมหรอกครับ
ผมได้กำลังใจจากคนแนวเดียวกันครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ครูโย่ง
สวัสดีครับ ท่าน อ. JJ
ตอนนี้ ทีมพฤหัสสกัดความรู้ กำลังเชื่อมโยงงานและความเป็นองค์กรเข้าด้วยกัน เราต้องการความเป็น "ทีม" และการจัดเก็บขุมความรู้ของแต่ละคน เพื่อนำไปสู่การต่อยอดของแต่ละคนอีกครั้ง
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ.sarah
สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอบคุณในมิตรภาพและความเข้าใจอันแสนงาม ...
งานหนัก ๆ ทำให้ตัวเราเองรู้สึกว่าเรามีค่า และการทำงานท่ามกลางเพื่อนพ้องน้องพี่ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ยิ่งกลายมาเป็นพลังชีวิตที่ดีสำหรับเรา.
G2K เป็นเสมือนเสื่อผืนงามและแสนวิเศษ . นั่งพักแล้วเกิดพลังชีวิตและจินตนาการอันกว้างไกล และสำคัญก็คือ ..เป็นพื้นที่ทางปัญญาที่ควรค่าต่อการน้อมเคารพ.
...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ. คุณปู . poo
ขอบคุณที่นำภาพสะพานมาฝาก .. ดูโปร่งโล่ง เหงา ๆ ยังไงพิกล แต่ในอีกมุมก็ดูคลาสิกมาก
พรุ่งนี้. มีภาระกิจใหญ่ ๆ ให้บริหารจัดการ ...
เหนื่อยแต่ก็มีความสุขมากเลยทีเดียว
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ.Mr. Kraton Pai
เมื่อครู่ ผมเข้าไปอ่านบันทึกเกี่ยวกับถนนเด็กเดิน ยังขอให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างมีพลังนะครับ ..เป็นกำลังใจให้
เช่นกัน
ผมเองก็เชื่อในทำนองเดียวกันว่า ถ้าเราไม่กล้าที่จะบ้า.. เราก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากกรอบ หรือขนบบางอย่างได้ และเมื่อไม่หลุดออกไป เราก็ย่อมไม่อาจพบเจอมุมมองใหม่ ๆ สำหรับชีวิต และการงาน
ขอบคุณครับ