การพัฒนาหลักสูตร
ในการพัฒนาหลักสูตรมีผู้ศึกษาวิจัยหลายท่าน อาทิ เช่น สันต์ ธรรมบำรุง (2527 : 65) ให้ความเห็นไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การสร้างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ในการจัดทำหลักสูตร และต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย เช่น ครู ผู้บริหารการศึกษา นักวิชาการ ผู้เรียน ผู้ปกครอง ประชาชน เป็นต้น โดยต้องมีหลักการสร้างหลักสูตร ได้แก่ การใช้ข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ กล่าวคือ เป็นข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ ศึกษาวิจัย ทั้งนี้เพื่อให้ได้หลักสูตรที่เหมาะสมกับผู้เรียนและท้องถิ่น และต้องมีการประสานกันอย่างกว้างขวางระหว่างนักพัฒนาหลักสูตร ครูผู้สอน และบุคคลในอาชีพ ต่าง ๆ
สงัด อุทรานันท์ (2532 : 31 – 33) ได้แสดงความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรไว้หลายประการได้แก่
1. การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การจัดทำหลักสูตรขึ้นมาใหม่โดยไม่ใช้พื้นฐานของหลักสูตรเดิม และหมายความรวมถึงการผลิตเอกสารต่าง ๆสำหรับผู้เรียนด้วย
2. การจัดหลักสูตรมีความหมายเดียวกับการออกแบบหลักสูตร หมายถึงลักษณะของการจัดเนื้อหาสาระ และมวลประสบการณ์ในหลักสูตร
3. การสร้างหลักสูตร หมายถึง การสร้างรายวิชาโดยดำเนินการเป็น ระบวนการ
วิชัย ดิสสระ (2535 : 31) มีแนวคิดว่า การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการของการตัดสินใจเลือกอย่างเป็นระบบ ที่จะหาทางเลือกสำหรับการเรียนการสอนที่เหมาะสมและสามารถปฏิบัติได
ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์ (2539 : 109 – 110) ได้กล่าวถึงเหตุผลและความจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่นไว้หลายประการ ซึ่งขณะนั้น (ก่อน พ.ศ.2539) การศึกษาของเราใช้ หลักสูตรเดียวของกรมวิชาการทั่วทั้งประเทศ สำหรับขณะนี้ (พ.ศ. 2545) ขอนำเหตุผลมาแสดง เพียง 2 ประการ คือ ประการหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีผลกระทบโดยตรงต่อทรรศนะและการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งเมืองและชนบท จึงต้องมีหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อปรับสภาพของผู้เรียนให้สามารถรับกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายได้ เพื่อความสามารถในการดำเนินชีวิตอยู่ในท้องถิ่นได้อย่างเป็นสุข อีกประการหนึ่งคือการเรียนรู้ที่ดีควรจะเรียนรู้เรื่องใกล้ตัว การเรียนรู้จึงจะมีความหมายกับผู้เรียน จึงต้องมีหลักสูตรท้องถิ่น เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ชีวิตจริงตามสภาพปัญหา
สุดสายใจ ชาญณรงค์ (2540 : 17) มีความเห็นว่า ควรมีการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับท้องถิ่น เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ได้จริงในชีวิต
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 9 กำหนดให้การจัดหลักสูตรและกระบวนการจัดการศึกษาให้เกิดจากการมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชนและองค์การต่าง ๆ ในท้องถิ่น (มาตรา 9 วงเล็บ 6) จะทำให้ได้หลักสูตรที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ชีวิตจริงและการแก้ปัญหาของตนและท้องถิ่น
นาตยา ปิลันธนานนท์, มธุรส จงชัยกิจ,และศิริรัตน์ นีละคุปต์ (2542 : 36) ได้กล่าวถึงความคิดเห็นของ Glatthorn (1987)ว่าหลักสูตรระดับการสอน (Taught Curriculum) หมายถึง หลักสูตรที่ครูนำไปใช้จัดการเรียนการสอนจริงในชั้นเรียน ซึ่งควรเป็นหลักสูตรที่คณะของครูผู้สอนจัดทำขึ้นมาใช้เอง เพราะจะเป็นการสื่อสารให้ทราบว่า ครูรู้ว่าจะสอนอะไร สอนอย่างไร ใช้สื่อการสอนอะไร และประเมินผลอย่างไร และจะเป็นหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการ ปรัชญา ปณิธานของโรงเรียนและท้องถิ่น สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าผู้เรียนทุกคนมีโอกาสที่จะได้รับการเรียนรู้ตามมาตรฐานที่ได้วางไว้ ด้วยการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะของเขา(http://gotoknow.org/file/classroom/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.doc)
จากความหมายและความสำคัญของการพัฒนาหลักสูตรที่กล่าวข้างต้น สรุปได้ว่าการพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การออกแบบและจัดทำหลักสูตรขึ้นมาเพื่อให้มีความเหมาะสมกับวิถีชีวิต และปัญหาของผู้เรียนและสังคม
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาในต่างประเทศนั้นมีการดำเนินการมาก่อนประเทศของเรามากกว่า 40 ปี โดยนับถึงวันประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ซึ่งการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษามีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child-Centred Approaches) ซึ่งจากแนวคิดนี้ทำให้ครูมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการจัดทำหลักสูตรและมีการทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานในการวางแผนจัดทำหน่วยการเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะในรัฐวิคตอเรีย ของประเทศออสเตรเลียในช่วงปี 1960s จากการเคลื่อนไหวด้านหลักสูตรสถานศึกษานี้ จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการหลักสูตรขึ้น เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงหลักสูตร และเป็นการกระตุ้นให้โรงเรียนได้วางแผนและจัดทำหลักสูตรระดับท้องถิ่นด้วยตนเอง โดยมีการสนับสนุนและอนุญาตให้ครูหยุดสอนในวันหลักสูตร (curriculum days) เพื่อให้ครูได้วางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับหลักสูตร ต่อมาได้มีการรวมตัวกันของครูในรัฐวิคตอเรียนี้ทำให้เกิดพลังและนำไปสู่การเขียนวารสารที่ชื่อ ครูออสเตรเลีย (Australian Teacher) ซึ่งกลายเป็นวารสารที่ช่วยประชาสัมพันธ์ด้านการศึกษาและการปฏิรูปหลักสูตร ของรัฐต่าง ๆ ในออสเตรเลีย องค์กรหลักที่มีบทบาทสำคัญในปี 1970s คือ ศูนย์พัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development Centre: CDC) ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องสำคัญที่มีส่วนผลักดันการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา คือ Malcom Skilbeck ซึ่งเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการของศูนย์พัฒนาหลักสูตร ซึ่งต่อมาในปี 1977 ได้มีโครงการสำคัญ คือ โครงการ
ประเมินหลักสูตรโดยครู ภายใต้การนำของ Phillip Hughes ซึ่งจะเตรียมครูเกี่ยวกับทักษะที่จำเป็นในการประเมินหลักสูตรของตนเอง โครงการดังกล่าวสิ้นสุดในปี 1982 ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่จากการที่ครูในรัฐได้รับประโยชน์จากการเข้าประชุมปฏิบัติการและได้รับการชี้แนะเกี่ยวกับการประเมินหลักสูตรของตนเอง (Marsh et al, 1990: 7-20) ( http://ci.psru.ac.th/article/04-09-2548_21-46-28.doc)ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตัวจักรสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรและการพัฒนาการเรียนการสอน คือครู
การพัฒนาการเรียนการสอนที่ดีมีคุณภาพคนที่เป็นครู และผู้ที่เกี่ยวข้องในการให้การศึกษาจะต้องมีการศึกษาหลักสูตรในการให้การศึกษากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ถูกต้องและเหมาะสม การพัฒนาการเรียนการสอนที่ดีมีคุณภาพนั้น ควรจะต้องมีการศึกษาสภาพความเป็นจริงของผู้เรียนหลักสูตรต้องการให้อะไร
กับผู้เรียนจะมีเทคนิควิธีการในการพัฒนาผู้เรียน อย่างไร จึงจะทำให้ผู้เรียนมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพในการดำรง
ชีวิตหลักการอันสำคัญประการหนึ่งคือการพัฒนาข้าราชการครู กอบกู้คุณภาพ (http://www.moe.go.th/webtcs/Table4/Kosin12/a6.doc )
แหล่งอ้างอิง
“การพัฒนาหลักสูตรวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ศึกษาเฉพาะกรณีโรงเรียนในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ จากการพัฒนาหลักสูตรในประเทศแล้วลองหันไปดูการพัฒนาหลักสูตรในต่างประเทศบ้าง.” [ ออนไลน์ ]. เข้าถึงได้จาก: http://gotoknow.org/file/classroom/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.doc
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. “การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา: ฝันที่ยังไปไม่ถึง”. [ ออนไลน์ ]. เข้ถึงได้จาก:
http://ci.psru.ac.th/article/04-09-2548_21-46-28.doc
โกสินทร์ วรเศรษฐสิงห์. “การพัฒนาการเรียนการสอนที่ดีมีคุณภาพ ”. [ ออนไลน์ ]. เข้ถึงได้จาก:
http://www.moe.go.th/webtcs/Table4/Kosin12/a6.doc
ไม่มีความเห็น