ชีวิต "คิดถึงบ้าน"


ความคิดถึงที่เต็มไปด้วยพลัง..ไม่สิ้นหวังต่อการดำรงอยู่

 

ผมไม่ได้เดินทางมากรุงเทพฯ เสียนาน 
ถ้าไม่หลง ๆ ลืม ๆ  ก็น่าจะนานร่วมครึ่งปีเลยทีเดียวแหละ -

 

ครั้งนี้มีโอกาสได้มาราชการที่กรุงเทพฯ  
ตลอดการเดินทางดูเหมือนชีวิตจะเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย  เพราะค่ำคืนก่อนการเดินทางนั้น  มีมีกิจกรรมที่ต้องรับผิดชอบมากโข  กว่าจะหอบพาสังขารกลับไปล้มพับบนที่นอนได้ก็ในราว ๆ ตีสองเศษ ๆ เลยก็ว่าได้

 

ระยะสองถึงสามปีหลังนี้  ผมรู้สึกแปลกเปลี่ยวกับกรุงเทพฯ เป็นที่สุด  ผมชอบการเดินทาง  แต่กลับเหว่ว้าเหลือทนกับการใช้ชีวิตในมหานครอันเป็นที่รักแห่งนี้

 

ถึงแม้ระยะเวลาเพียงไม่กี่ห้วงคืนในกรุงเทพฯ  นั้นดูน้อยนิดมาก    แต่ความรู้สึกภายในของผม  กลับกลายทุรนทุรายเป็นที่สุด  บ่อยครั้งผมเองก็อดที่จะออกอาการหงุดหงิดกับตัวเองไม่ได้  รวมถึงการร่ำรำคาญตัวเองที่ทำตัวเป็นคนบอบบางต่อห้วงยามอันแปลกเปลี่ยวเช่นนี้

 

กรุงเทพ ฯ
ผมไม่คุ้นชินกับการไปโน่นไปนี่นัก   หลายคนแนะนำสถานที่ผ่อนพักชีวิตให้ผมได้ ฆ่าเวลา  แต่ผมกลับเลือกที่จะใช้ชีวิตในโรงแรม  หรือไม่อย่างนั้น  ก็ท่องสัญจรไปขลุกอยู่กับร้านหนังสือแถว ๆ จตุจักร  หรือร้านหนังสือเล็ก ๆ  แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ก็เป็นอีกที่ที่เยียวยาความแปลกเปลี่ยวให้กับผมได้เป็นอย่างดียิ่ง  และปิดท้ายด้วยการเก็บตัวนอนพักอย่างอ่อนแรงในห้องหับอันเย็นฉ่ำของโรงแรม

 

 

ผมมีพรรคพวกเพื่อนฝูง และน้องนุ่งในกรุงเทพฯ เยอะพอสมควร  และหลายคนก็พร้อมที่จะออกมาพบปะกับผม  แต่ก็แปลก  ผมกลับเลือกที่จะมากรุงเทพฯ อย่างเงียบ ๆ 

 

และนั่นคือส่วนหนึ่งที่หลายคนทักเสมอมาว่า  ผมเป็นคนแปลกแยกกับสังคม  มีโลกส่วนตัวสูง  และที่สำคัญก็คือ  ผมมีทักษะในการเข้าสังคมค่อนข้างน้อย  ซึ่งทั้งปวงนั้น  ผมก็ไม่ปฏิเสธ  เพราะดูแล้ว  ตัวผมเองก็ออกจะเป็นไปในทำนองนั้นจริง ๆ

 

 

ในทุกครั้งที่มากรุงเทพฯ  ..
นอกจากการเดินเล่นตามร้านหนังสือแล้ว  สิ่งหนึ่งที่ผมมักถือฏิบัติเป็นเนืองนิจเสมอ  นั่นก็คือ  การนั่งกินข้าวตามร้านริมทางเท้าหน้าโรงแรม   และร้านเหล่านั้นก็เป็นร้านอาหารอีสานที่มีอาหารอันคุ้นชินให้ชีวิตได้เลือกทานอย่างไม่เคอะเขิน   ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ  ข้าวเหนียวร้อน ๆ  ลาบน้ำตก  คอหมูย่าง  ซุบหน่อไม้  ....

 

แต่ที่ผมไล่เรียงมานั้น  ก็ใช่ว่าผมจะทานเสียทุกอย่าง  เพราะความเป็นจริงแล้ว  อย่างมากผมก็มักนิยมสั่งแต่เฉพาะข้าวเหนียว คอหมูย่าง และซุปหน่อไม้เท่านั้นเอง  จากนั้นก็นั่งทอดอารมณ์เบ่งมองชีวิตหลากชีวิตที่สัญจรผ่านไปมาอย่างไม่รู้เบื่อ

 

 

กรุงเทพฯ  เป็นเมืองใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยชีวิตอันหลากวิถี  ท้องถนนดูเหมือนไม่เคยร้างคนสัญจร  กลางวันและกลางคืนดูมีม่านมายาอันท้าทายให้เปิดค้น  -

 

ผมมีความสุขเสมอที่ได้นั่งทอดอารมณ์ในร้านอาหารรถเข็นริมทางเท้าเช่นนี้
เพราะอย่างน้อยก็ได้ทานอาหารอีสาน ๆ ....
อย่างน้อยก็ได้พูดอีสานกับแม่ค้าและเด็กเสิร์ฟ

ได้ฟังเรื่องจิปาถะของคนอีสานในเมืองใหญ่
ได้ฟังความหลังบนแผ่นดินเกิดในชนบทของแม่ค้า
บางครา  ก็ได้ฟังเพลงลูกทุ่งหมอลำผ่านเครื่องเล่นซีดีอย่างสมถะ ๆ  ..

 

ห้วงเวลาเช่นนั้น  ดูเหมือนจะเป็นห้วงยามที่ชีวิตผมรู้สึกไม่แปลกเปลี่ยว   - คิดถึงบ้านด้วยความรู้สึกอันไม่อ้างว้าง   หากแต่เป็นความคิดถึงที่ฉาบเต็มไปด้วยความหวัง และพลังของชีวิตอย่างบอกไม่ถูก

 

ผมมีความสุขที่ได้บอกกล่าวกับแม่ค้าว่า  ตอนนี้แถว ๆ บ้านของตนเองฝนฟ้าเป็นเช่นไรบ้าง ?
และถ้าโชคดีแม่ค้าเป็นคนจังหวัดเดียวกัน   การสนทนาของเราก็ยิ่งออกรสออกชาติ  บางคราเมื่อว่างเว้นจากแขก  เด็กเสิร์ฟ  หรือแม้แต่เจ้าของร้านก็มักจะมานั่งร่วมโต๊ะกับผม  พร้อม ๆ  กับการพูดคุยหลากเรื่องราว  ราวกับการระบายความอัดอั้นที่ต้องพลัดถิ่นออกมา  และการระบายความในใจนั้น  ก็เป็นประหนึ่งน้ำที่กำลังทะลักออกจากสันเขื่อนก็ไม่ปาน

 

นั่นคือความรื่นรมย์ของชีวิตในเมืองอันแปลกเปลี่ยวของผม
หลากเรื่องราวที่ผมได้รับรู้และรับฟังจากการร่ำระบายของพวกเขา  มันทำให้ผมปลอบโยนตัวเองเสมอมาว่า  ในพื้นที่แห่งชีวิตนั้น  ยังคงมีคนพลัดถิ่นที่โชคร้ายยิ่งกว่าผม  หากแต่พวกเขาทั้งหลายนั้น กลับเป็นผู้ที่ซึ่งหนักแน่นและเข้มแข็งกว่าผมหลายร้อยเท่านัก

 

ผมเรียนรู้การต่อสู้ชีวิตอย่างอดทนจากพวกเขา ..
ผมเรียนรู้การมีความหวังจากพวกเขา
ผมเรียนรู้เหตุผลอันร้าวลึกของการพลัดถิ่นจากพวกเขา.
ผมเรียนรู้การรับมือความคิดถึงที่มีต่อบ้านเกิดจากพวกเขา
และอื่น ๆ อีกมากมายก่ายกอง
และทั้งปวงนั้น  ก็ยืนยันได้ว่า  ผมยังโชคดีกว่าใครอื่นอีกหลายคน

 

เหนือสิ่งอื่นใดนั้น
ท่ามกลางเรื่องเล่าอันหลากหลายที่ผมได้สัมผัส    ร้านอาหารริมทางเท้าในเมืองใหญ่เช่นนี้  กลับมีสิ่งหนึ่งอันเป็นหนึ่งเดียวที่ผมค้นพบอย่างยิ่งใหญ่เลยก็คือ ....ทุกชีวิตคิดถึงบ้าน ..  และความคิดถึงที่ว่านั้น  ก็เป็นความคิดถึงที่ไม่รู้จบ  และที่สำคัญก็คือ  เป็นความคิดถึงที่เต็มไปด้วยพลัง..ไม่สิ้นหวังต่อการดำรงอยู่  (ด้วยหวังว่า  สักวันหนึ่ง  จะคืนกลับสู่อ้อมกอดของบ้านอย่างถาวร)

หมายเลขบันทึก: 196657เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2008 11:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา พระองค์ท่านได้สละเวลาส่วนพระองค์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการและประชาราษฏร์ทั่วทั้งแผ่นดิน คือพระองค์ทรงเสด็จลงเกี่ยวข้าวในนาที่ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เมื่ออดีตที่ผ่านมา ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาที่มีต่อพสกนิกร ชาวนาซึ่งเป็นคนของแผ่นดินที่สร้างผลผลิตให้คนทั้งโลกได้กินกัน จึงนำเอาบทกวีมาให้ได้อ่านกันเพื่อเฉลิมพระเกียรติของพระองค์ท่านที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผุ้เปี่ยมล้นด้วยทศพิธราชธรรม

  • พระเสด็จ           จากฟ้า              สง่าศรี

  • สัมผัสดิน            ทุกถิ่นที่            เป็นศรีสง่า

  • พระเสด็จ            จากชั้น             สวรรคา

  • สัมผัส                 ทุกทั่วหน้า        ประชาชี

  • ชาวนาไทย         ขัดสน               ทนทุกข์ร้อน

  • เกษตรกร             อ่อนด้อย          น้อยศักดิ์ศรี

  • ไทยทอดทิ้ง         ทุ่งนา               สู่ธานี

  •  เคยปลูกข้าว       เขียวขจี           ก็จากจร

  • พระเสด็จ             จากฟ้า             สู่นาข้าว

  • ทรงโน้มน้าว         สำนึกไทย        ที่ไถ่ถอน

  • ประเทศไทย          เป็นประเทศ      เกษตรกร

  • ไทยทอดทิ้ง          แผ่นดินดอน     อยู่หนใด

  • กว่าแปดสิบปี        ในหลวง          ของปวงราษฎร์

  • ไทยทั้งชาติ          ได้ชื่นชม         สมสมัย

  • ภาพที่เห็น             เด่นชัด             ถนัดใจ

  • กษัตริย์ไทย          ทรงปกเกศ        เกษตรกร   

  •                  

ขอให้มีความสุขกับทุกที่ที่เราไปค่ะ อย่างน้อยเรายังได้กินส้มตำใน กทม คงทำให้หายคิดถึงบ้านได้บ้าง

พระอาทิตย์ตอนฟ้าสางสวยงามเหมือนบ้านเราเลยนะคะ

ตอนเช้ามืดอากาศบนโรงแรมสูงๆสดชื่นเหมือนกันค่ะ

                    

กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ

P

* ....  สาธุ  ...  ขอบพระคุณเจ้าค่ะ
 ....
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
* ...
* ปูสังเกตุหลายๆ บันทึก เวลาคุณแผ่นดินไปกทม.
* จะเขียนบันทึกได้เยอะ ๆ และ คิดถึงบ้าน เสมอเลยนะคะ
* .... น่าชื่นใจ ... สำหรับ คนที่รอ รัก และ รัก รอ เรา ที่บ้านนะคะ
* ....
เป็นความคิดถึงที่เต็มไปด้วยพลัง..ไม่สิ้นหวังต่อการดำรงอยู่  (ด้วยหวังว่า  สักวันหนึ่ง  จะคืนกลับสู่อ้อมกอดของบ้านอย่างถาวร)
* ....
* เคยคุยกับใครๆ หลายๆ คน ทั้งรู้จัก และ ไม่รู้จักนะคะว่า
* ... ล้วน ปรารถนา ให้ กทม. เป็นเพียงทางผ่าน เพื่อสู่ปลายทางแห่ง บ้าน ที่อบอวล ด้วยกระไออุ่น รัก ทั้งนั้นเลยนะค ....
* ....
*
* ขอบคุณค่ะ ... เป็นกำลังใจให้ภารกิจ ราบรื่น นะคะ ....

สวัสดีครับ

  • สักวันหนึ่งจะได้กลับบ้าน....

ผมก็คิดถึง "ปาย" บ้านของผมเช่นกันครับ มี blogger หลายท่านไปเที่ยวมาทำให้ความรู้สึกคิดถึงเท่าทวีคูณ

วันนี้ผมมีนัดเจอกัลยาณมิตรคอเดียวกันที่สวนรถไฟ ไปปั่นจักรยานและนั่งคุยกัน (ดร.ปุ๋ม และ วิศวกรหนุ่มดิเรก)

คงได้พูดคุยกันเต็มาที่ในบรรยากาศดีๆ

มาอีกครั้ง มาตอกย้ำ ว่า คิดถึงบ้านค่ะ

* ....

....  เพลงนี้ ให้คุณแผ่นดิน ค่ะ   ....

และทุกๆ ท่าน ที่ห่างไกล  เรือนรัก   ....

http://www.ijigg.com/songs/V2EEG00P0

ให้คุณแผ่นดิน เดินทางกลับปลอดภัย ค่ะ

สวัสดีครับพี่แผ่นดิน

"มีชีวิต คิดถึงบ้าน" ผมเคยคิดถึงคำนี้อยู่เสมอครับ เพราะผม เป็นโรค โฮมซิก อยู่บ่อย และต้องกลับไปเยียวยาเดินละครั้ง ก่อนจะกลับมาวุ่นวายกับชีวิตที่ไกลบ้าน

เรื่องของพี่มีพลังเช่นเคยครับ นึกภาพออกและผมก็เคยผ่านฉากสำคัญเช่นนั้นในเมืองหลวงของเราเช่นกันแม้เป็นเวลาสั้น ๆ แต่ผมก็ได้เห็นชีวิตผู้คนที่มาจากที่ต่าง ๆ กันรวมอยู่ที่นั้นด้วยความแออัดยัดเยียดและ คุณภาพชีวิตแสนต่ำ แต่พวกเขาก็อดทน อย่างที่สุด ก้มหน้าทำงานต่อไป แต่เมืองนั้นก็อยู่ได้เพราะพวกเขาที่ยอมใช้คุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐานเพื่อยกระดับมาตรฐานที่สูงขึ้นสำหรับผู้คนอื่น ๆ

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

  • ความไม่คุ้นเคย ทำให้เกิดความกลัว คงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้นได้กับทุกคนค่ะ
  • เป็นสิ่งที่ดีนะ ใช้ความเหงา คิดถึงบ้าน ทำให้เกิดบันทึกค่ะ
  • ขอบคุณมาก

กราบนมัสการพระคุณเจ้า tukkatummo

ผมรู้สึกเสมอ . เตือนตัวเองเสมอว่า  โชคดีเหลือเกินกับการได้เกิดเป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบารมีของในหลวง.

ผมตั้งชื่อลูกชายว่า "แผ่นดิน หรือแม้แต่ แดนไท" ...  ก็ได้แนวคิดหนึ่งมาจากเรื่องความรักต่อแผ่นดินเกิด  อย่างน้อยก็เชื่อว่า  ชื่อของเขาจะเตือนใจของเขาได้บ้างกระมังว่า ..แผ่นดินนี้ คือ แผ่นดินไทย

....

สัมผัสดิน            ทุกถิ่นที่  ....

นี่คือภาพอันงดงามและยิ่งใหญ่ที่คนไทยทั่วทั้งแผ่นดินได้ซึมซับ..รับรู้ไว้ในดวงใจเสมอมา

 

 

สวัสดีครับ พี่แก้ว. แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช

ส้มตำที่ กทม. รสชาติอาจไม่อร่อยเท่าที่เราทานเป็นประจำ  แต่ผมก็ทานด้วยความรู้สึกอันสนิทแน่น อย่างน้อยก็ "ตำ" โดยคนอีสาน ..และสื่อสารกันด้วยภาษาท้องถิ่นอันคุ้นเคย

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ.  NU 11

ผมอ่อนไหวกับเพลงที่เกี่ยวข้องกับ "บ้าน" เสมอ ...
ยิ่งโต ยิ่งเหมือนเราเดินห่างออกมาจากบ้านทุกขณะ ๆ ..
พยายามเตือนตัวเอง.  และพยายามพาตัวเองกลับไปบ้านเสมอ  แต่บางครั้งบางคราวก็ทำไม่ "ค่อย"  ได้

ดีหน่อยยุคสมัยนี้โทรศัพท์ช่วยเป็นสะพานระหว่างเรากับคนที่บ้านได้  แต่นั่นก็สัมผัสได้เหมือนกันว่า มันไม่ใช่ทั้งหมด.

...

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ.คุณปู  poo

เป็นจริงดังว่าแหละครับ  ผมมักมีบันทึกที่ออกเหงา ๆ ในยามที่ต้องออกเดินทางไกลบ้านเสมอ  ผมมีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับบ้าน.  และความทรงจำเหล่านั้นก็ล้วนเป็นต้นทุนที่ดีสำหรับผม

ผมเองตั้งใจไว้เหมือนกันว่า.

อีกสักสิบปี  จะลาออกจากราชการ ไปลงสมัครเป็น อบต. .. หรือไม่ก็กลับไปปลูกผัก เลี้ยงปลาที่บ้านเกิด . อยู่กับญาติ ๆ และวัฒนธรรมของชาวบ้าน

นั่นเป็นความสุขที่ผมรู้ และท้าทายต่อการกลับไปมาก ๆ

 

อ.แผ่นดินคะ 

หลายคนคงเต็มไปด้วยสำนึกรักและอยากคืนสู่...มาตุภูมิ....ดังที่อาจารย์กล่าวไว้.....เหนือสิ่งอื่นใดนั้น  ....ทุกชีวิตคิดถึงบ้าน ..  และความคิดถึงที่ว่านั้น  ก็เป็นความคิดถึงที่ไม่รู้จบ  และที่สำคัญก็คือ  เป็นความคิดถึงที่เต็มไปด้วยพลัง..ไม่สิ้นหวังต่อการดำรงอยู่  (ด้วยหวังว่า  สักวันหนึ่ง  จะคืนกลับสู่อ้อมกอดของบ้านอย่างถาวร)

 อ่านแล้วให้คิดถึงบ้านเช่นกันค่ะ

  • ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน
  • มากรุงเทพตอนไหนไม่ทราบเลย
  • กลับหรือยัง
  • มีโดเรมอนตัวโตมากๆ จะฝากไปให้หลานชาย

สวัสดีครับ.นมินทร์ (นม.)

ไม่ว่าเราเดินทางไกลสักแค่ไหน
ผมก็เชื่อเสมอว่า...

สักวันหนึ่งเราจะกลับบ้าน ...

....

ขอบคุณครับ

...

นี่คงเป็นอีก ความฝันหนึ่งของคุณแผ่นดิน กระมังค่ะ

- อีกสักสิบปี  จะลาออกจากราชการ ไปลงสมัครเป็น อบต. .. หรือไม่ก็กลับไปปลูกผัก เลี้ยงปลาที่บ้านเกิด . อยู่กับญาติ ๆ และวัฒนธรรมของชาวบ้าน -

... อ้าว ก็ตอนนั้นชีวิตหนุ่ม ก็เพิ่งเริ่มต้นนะสิค่ะ

เพราะเคยอ่านหนังสือ เค้าบอกว่า ผช. เริ่มต้นที่ 40 ..  ?

... เชียร์คุณแผ่นดิน เต็มที่ค่ะ สำหรับฝันนี้ มีพี่ที่เค้าทำงานด้วยกัน ตอนนี้ เค้าก็จะเกษียณ และไปลงสมัครท้องถิ่นค่ะ ... ยินดีๆ ค่ะ ๆ

สิ่งนี้ น่าท้าทาย และ เชื่อมั่นค่ะ ว่า มิยากเกินสำหรับมือชั้นคุณแผ่นดินค่ะ ...

สวัสดีครับ คุณเอก.  จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

การได้มีโอกาสพบเจอมิ่งมิตรที่รู้ใจในบริบทแวดล้อมที่ดี  ผมถือว่าเป็นกำไรชีวิต - และพลังชีวิตอย่างมหัศจรรย์ ...

ฝากความคิดถึงทั้งสองท่านด้วยนะครับ.

 

สวัสดีครับ. คุณปู. poo

เพราะบ้านคือทุกอย่างของชีวิต
เดินทางทั่วทุกทิศ. จึงคิดถึง
ใกล้ไกล - หวนหาตราตรึง
ผูกพันลึกซึ้ง. ไม่ร้างเลือน

....

ขอบคุณเพลงเพราะ ๆ  ..แต่กำลังใจอันแสนงามที่มีให้เสมอมา นะครับ

 

 

สวัสดีครับ.สุมิตรชัย

หลายชีวิตยังต้องก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่อย่างหนักเหนื่อย  เพราะมีความหวังว่าสักวันหนึ่งจะผ่านพ้นไปสู่จุดที่ดีกว่า ..

ผมว่าในความเหนื่อยหนักนั้น  เป็นความน่าชื่นชม  เพราะยังดีกว่าการทดท้อสิ้นหวัง และยอมพ่ายพับไปกับโชคชะตา

มีเคยใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ ร่วมปี  รู้สึกว่าเราไม่ใช่คนของที่นั่น  แต่ก็พยายาปรับตัวให้มีความสุขที่สุดเท่าที่เราจะทำได้  เพราะเราเองก็เชื่ออยู่ตลอดเวลาว่า "สักวันหนึ่งเราจะกลับบ้าน"

 

สวัสดีครับ พี่อนงค์ MSU-KM :panatung

ทุกครั้งที่ผมคิดถึงบ้าน  ผมปฏิเสธไม่ได้ว่า  ชีวิตดูเหงา ๆ ..พิกล  ขณะเดียวกัน  ผมกลับสัมผัสได้ว่า  พลงชีวิตก็เกิดขึ้นเท่าตัว

บ้านเป็นสถานที่แห่งชีวิตที่ผมแตะต้องสัมผัสได้ ทั้งโดยความเป็นจริงและการร่ำรำลึกถึง ...

ตอนนี้ ยังคิดว่าจะกลับไปปลูกบ้านที่บ้านเกิด .  มหาสารคาม จะเป็นเพียงบ้านหลังที่สองของผมเท่านั้น

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ  คนไม่มีราก

ทุกวันนี้บ้านเกิดเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย  แต่ยังโชคดีที่ฮีตคองเดิม ๆ  ยังมีให้ยึดปฏิบัติอยู่บ้าง  แต่ก็ต้องยอมรับว่า  วัฒนธรรมอันดีงามหลายอย่างจากจางไป  วัตถุนิยม มีพลังอย่างเหลือเชื่อ  ความสะดวกสบายกลายมาเป็นสิ่งที่ชาวบ้านถวิลหา  และนั่นก็ทำให้ชาวบ้านมีความอดทน อดกลั้นต่อการดำเนินชีวิตน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

ถึงแม่วิถีเดิม ๆ จะเปลี่ยนรูปแปลงร่างไปจากอดีต  แต่ผมก็ยังมีความสุขกับการได้กลับบ้าน  หรือแม้แต่การหวนคิดถึงบ้านในวัยเยาว์ของตนเอง   และในภายภาคหน้าของชีวิต  มันคงเลวร้ายมาก หากชีวิตจะไม่มีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง 

...

ขอบคุณครับ

 

 

สวัสดีครับ พี่สมนึก   สะ-มะ-นึก

  • ประมาณวันที่ 10 - 11  ส.ค.นี้ ผมจะไปกรุงเทพฯ อีกรอบ
  • พาวงโปงลางไปแข่งรอบชิงชนะเลิศ ฯ
  • แต่มีโอกาส คงได้พบกัน
  • มีความสุขมาก ๆ นะครับ...

สวัสดีอีกรอบ ครับ คุณปู  poo

ก่อนหน้านี้  ผมเองก็เกือบจะลาออกไปสมัคร อบต. แล้วนะครับ  แต่เมื่อทบทวนแล้ว  ได้คิดว่ายังไม่ถึงเวลา.. แต่รู้ดีว่า งานในลักษณะนั้น ถือเป็นความสุขและความปรารถนาอันแรงกล้าที่มีอยู่ในตัวตนของผม

บางที  ผมอาจไม่เล่นการเมืองท้องถิ่น  แต่อาจจะสร้างพื้นที่การเรียนรู้ของเด็ก ๆ ขึ้นในหมู่บ้านของตนเอง  ทุกสัปดาห์มีกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้ทำร่วมกัน  มีงานศิลปะให้เขียน ให้อ่าน มีละคร มีเกม ..และอื่น ๆ เพื่อพัฒนาแนวคิด จิตใจและจินตนาการ รวมถึงเรื่องสำนึกรักบ้านเกิดด้วยเช่นกัน

....

นั่นเป็นอีกความฝันหนึ่งที่ผมอยากจะทำ.

ขอบคุณครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท