บันทึกการเมืองไทย 21. ความเห็นของ พล. ต. อ. วสิษฐ เดชกุญชร


เอาสีข้างเข้าถู

บันทึกการเมืองไทย  21. ความเห็นของ พล. ต. อ. วสิษฐ เดชกุญชร 

คำสาบานที่ไร้สาระ

โดย วสิษฐ เดชกุญชร

คำปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 3 มีนาคมนั้น ไม่ได้มีการถ่ายทอดโดยตลอด ไม่ว่าโดยทางวิทยุโทรทัศน์หรือวิทยุกระจายเสียง ผมจึงต้องคอย และได้มาอ่านเอาในวันรุ่งขึ้น ในหนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันเสาร์ถัดมา

ที่คอยก็เพราะสนใจ โดยเฉพาะเมื่อคุณทักษิณประกาศล่วงหน้าไว้เองว่า ในการปราศรัยนั้น คุณทักษิณจะเปิดเผยความจริงให้หมด โดยเฉพาะในเรื่องที่มีคนสงสัยกันมาก

แต่ครั้นเมื่อได้อ่านคำปราศรัยนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกเสียดายที่เสียเวลาคอย เพราะ "ความจริง" ที่คุณทักษิณเปิดเผยนั้น ก็เป็นคำชี้แจงเก่าๆ หรือเดิมๆ ที่เคยได้ยินมาแล้ว แต่ไม่ทำให้กระจ่างหรือหายสงสัยได้ในความโปร่งใสของกรณี หรือในจริยธรรมของคุณทักษิณ

เช่น อย่างเรื่องการขายหุ้นของชินคอร์ปนั้น คุณทักษิณก็ยืนยันแต่เพียงว่า ก่อนคุณทักษิณจะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คุณทักษิณไม่มีหุ้นในมือแม้แต่หุ้นเดียว เพราะได้โอนให้แก่ลูกชายซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และแม้จะเคยถูกหาว่าซุกหุ้น แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินแล้วว่าคุณทักษิณไม่ผิด

เกี่ยวกับเรื่องหุ้นที่คุณทักษิณนำไปจดทะเบียนไว้กับบริษัท แอมเพิล ริชฯ ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น คุณทักษิณอธิบายเหมือนกับที่เคยอธิบายมาแล้วว่า ทำเพราะ "ต้องการนำหุ้นไปตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ" และ "เป็นเรื่องปกติของบริษัทที่จะไปค้าในต่างประเทศ บริษัทอื่นก็ทำ"

คุณทักษิณไม่พูดหรือชี้แจงเลย ถึงเรื่องการที่แอมเพิล ริชฯ ไม่ได้นำเงินของ (ลูก) คุณทักษิณไปลงทุนใน "ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ" แต่กลับขายหุ้นให้แก่ลูกชายและลูกสาวของคุณทักษิณในราคาถูกเหลือเชื่อ จนกระทั่งสามารถเอาไปขายต่อให้เทมาเส็ก ของสิงคโปร์ ได้กำไรมากว่าเจ็ดหมื่นล้านบาท

คุณทักษิณเน้นอีกเรื่องความถูกกฎหมายของการทำธุรกรรมของชินคอร์ป และดูเหมือนคุณทักษิณจะมิได้ตระหนักว่าคนอื่นเขาไม่ได้ติดใจเรื่องนั้นแล้ว แต่เขายังสงสัยต่างหากว่า ถ้าคุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ชินคอร์ปจะสามารถทำธุรกรรมได้ตามกฎหมายอย่างถูกต้องเหมาะเหม็ง และกฎหมายจะเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าของ ชินคอร์ป (ทั้งเก่าและใหม่) ได้ถึงเพียงนั้นหรือไม่

คุณทักษิณไม่ชี้แจง หรือมิฉะนั้นก็ตั้งใจไม่ชี้แจงว่าความสัมพันธ์ระหว่างชินคอร์ป (ก่อนขาย) กับ (ลูก) คุณทักษิณนั้น เป็นการหาและได้ประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interests) หรือมิใช่

คุณทักษิณยืนยันว่ารัฐยังเป็นเจ้าของสัมปทานวงจรดาวเทียมและคลื่นความถี่ และ "เอกชนเป็นเพียงคู่สัญญาของรัฐที่เข้ามาลงทุนและขายบริการ" แต่คุณทักษิณก็ไม่ได้อธิบายเหมือนกันว่า การที่เอกชน (คือบริษัทสิงคโปร์) กล้าเสี่ยงเข้ามา "ลงทุนและขายบริการ" นั้น ก็เพราะ "สัมปทาน" ที่ชินคอร์ปได้ไปก่อนด้วยอภิสิทธิ์ และถ้าไม่มี "สัมปทาน" นั้นเป็นทุนอยู่ก่อนแล้ว คงไม่มีบริษัทโง่ที่ไหนคิดจะมาซื้อชินคอร์ปไปดำเนินการต่อ

ตอนหนึ่งที่จัดว่าใหม่ และ dramatic (แปลว่าเหมือนละครหรือหนัง หรือตึงตังและสะดุดตาก็ได้) ที่สุดในการปราศรัยของคุณทักษิณนั้นคือ ตอนที่คุณทักษิณอ้างถึงปูชนียวัตถุและปูชนียสถานที่คนไทยเคารพบูชา คือ วัดพระแก้ว ศาลหลักเมือง และพระบรมมหาราชวัง

ผมไม่แน่ใจว่าคุณทักษิณอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เพราะคุณทักษิณยืนพูดอยู่ใกล้ๆ ในท้องสนามหลวง จึงเผอิญมองเห็นวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ศาลหลักเมือง และพระบรมมหาราชวัง จึงพูดเพราะปากพาไปหรือไม่

ตามประเพณีโบราณนั้น การสาบานคือการกล่าวคำปฏิญาณ โดยเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานนั้น จะต้องทำโดยดื่มน้ำพระพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนต์ หรือดื่มสุราผสมเลือดที่ผู้ร่วมสาบานกรีดให้หยดลงไปในสุราด้วย

ถ้าคุณทักษิณตั้งใจ (ไว้ก่อน) ว่าจะอ้างอานุภาพของพระแก้วมรกต หรือหลักเมือง หรือพระบรมมหาราชวังให้เป็นพยานความสุจริตของตน คุณทักษิณก็น่าจะให้เจ้าหน้าที่เตรียมตั้งโต๊ะและเครื่องบูชาไว้บนเวที หันหน้าไปทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น จุดธูปเทียน คุกเข่าลงกราบ แล้วดื่มน้ำมนต์ หรือน้ำเทพมนต์ หรือสุราที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และเพื่อนร่วมสาบานคนอื่นๆ ของคุณทักษิณกรีดเลือดให้หยดลงไปในสุราถ้วย (หรือขัน) นั้นก่อน แล้วจึงกล่าวคำสาบานว่าอย่างนี้

"ข้าพเจ้าขอสาบานว่า หากข้าพเจ้ามีเจตนาทุจริตคิดมิชอบต่อแผ่นดิน ใช้ตำแหน่งหน้าที่หาหรือรับประโยชน์อันมิชอบ เพื่อตนเอง หรือเพื่อญาติ หรือเพื่อมิตรสหายสมัครพรรคพวก หรือเพื่อผู้อื่นใดก็ตาม ขอให้น้ำพระพุทธมนต์ (หรือน้ำเทพมนต์ หรือน้ำสาบานที่ข้าพเจ้าดื่มนี้) จงบันดาลให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป อย่าได้มีความสุขความเจริญ ประกอบธุรกิจใดๆ ก็ขอให้มีแต่ความขาดทุนและพินาศฉิบหาย ขอให้ข้าพเจ้าประสบเคราะห์ร้ายและภัยพิบัติอุปัทวันตราย แม้หากจะถึงที่สุดแห่งชีวิต ก็ขอให้เป็นไปด้วยอาการอันน่าทุเรศ และด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสเถิด"

น่าเสียดายที่คุณทักษิณเพียงแต่ "สาบาน" ว่าไม่โกหก แล้วก็ยกมือไหว้ครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง
การใช้สิทธิเลือกตั้ง ปฏิเสธเผด็จการทักษิณาธิปไตย


คำสำคัญ (Tags): #การเมือง
หมายเลขบันทึก: 19633เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2006 17:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท