[จากเสียงสะท้อน !!! หรือความจริงแล้วการสอนของอาจารย์เป็นการทำร้ายพวกเธอ ]


ในชีวิตการทำงานจริง เราไม่สามารถเลือกคนที่จะร่วมงานได้ แต่เราสามารถ"พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของเราได้หรือไม่"

ถึงนักศึกษาทุกท่าน

 

หลังจากที่อาจารย์ได้มอบหมายงานกลุ่ม โดยการจับกลุ่มแบบคละกันโดยการนับเลข

 

เริ่มจากการจับกลุ่ม อาจารย์คอยสังเกตุพวกเธอ และหวังว่า พวกเธอจะมีความซื่อสัตย์ แม้ในเรื่องเล็กๆ แต่สิ่งที่อาจารย์เห็นคือ คนบางกลุ่ม แอบย้ายตัวเอง เปลี่ยนตัวเอง ไปอยู่กับเพื่อน (และคิดว่าอาจารย์ไม่รู้)

 

หลังจากนั้น มีการโทรหาอาจารย์เพื่อต่อรองการขอย้ายกลุ่ม เพราะอยากทำงานกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน ซึ่งอาจารย์ได้ให้เหตุผลไปแล้วว่า..

          เวลาคุณทำงานคุณไม่สามารถเลือกคนที่จะมาทำงานกับคุณได้ นอกจากคุณเป็นเจ้าของบริษัท  หรือไม่คุณก็ต้องลาออกเมื่อทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้

 

และมาถึงวันนี้ มีเสียงสะท้อนใน Blog ว่าอาจารย์ทำให้พวกคุณเกิดความแตกแยกมากกว่าความสามัคคี ซึ่งอาจารย์ก็รู้สึกเสียใจที่การสอนของอาจารย์ทำให้พวกคุณคิดแบบนี้

 

จุดประสงค์ของอาจารย์คือ

1.     การให้คุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ (เพราะพวกคุณอยู่ปี 1 )

2.     การให้คุณรู้จักการปรับตัว การยอมรับความคิดเห็นของเพื่อน

3.     ความรับผิดชอบต่อการทำงาน (ซึ่งข้อนี้เป็นจุดที่สะท้อนให้อาจารย์กลับมาคิดว่า ความต้องการสอนของอาจารย์เป็นการทำให้พวกคุณแตกแยกจากการ กินแรงเพื่อนและการขาดความรับผิดชอบในการทำงาน)

4.      การแก้ไขปัญหาทั้งปัญหาที่เกิดจากการทำงานร่วมกัน ปัญหาที่เกิดจากเรื่องส่วนตัวและส่งผลกระทบมาถึงงานกลุ่ม

5.     การช่วยกันเรียน และต่างรู้จักหน้าที่ของตนเอง รับผิดชอบงาน แบ่งหน้าที่กันทำ รู้จักจัดการกับงานที่ได้รับมอบหมาย

 

จากเหตุการณ์หลายๆกลุ่มที่เกิดขึ้น กับนักเรียนกว่า 600 ชีวิตที่อาจารย์ดูแลพวกคุณ ทำให้อาจารย์ต้องกลับมาทบทวนถึงความต้องการสอนกับความต้องการในการรับของนักศึกษา หรือสิ่งที่อาจารย์พยายามให้คุณเรียนรู้ก่อนจะออกไปเจอกับสังคมการทำงานจริง มันยังเร็วเกินไป และกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายพวกคุณ

 

อาจารย์ศัชชญาส์  ดวงจันทร์

 

คำสำคัญ (Tags): #dusit#ethic#itsdu
หมายเลขบันทึก: 194621เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2008 19:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

ในความคิดผมคิดว่าอาจารย์พูดถูกนะ อีกอย่าง ผมคิดว่า การที่ นศ แยกกันอยู่แล้วในตอนแรก อาจเป็นเพราะว่าไม่ชอบกันอยู่แล้ว จึงอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ส่วนคนที่ทำตัวแบบที่อาจารย์พูดไป เค้าคงได้รับผลกระทบตัวเค้าเองแหละคับ ในอนาคตน่ะ!

สวัสดีครับ

นี้คือบทหนึ่งที่อาจารย์ต้องรับมือกับนักศึกษา และอาจารย์มีเหตุผล ทำต่อไปครับ เพื่อการเรียนรู้

แต่ นักศึกษาตั้ง 600 ชีวิต อาจารย์ มีทีมช่วยเหลือไหมครับ นักศึกษามากจัง

เครียดมาก สำหรับรายวิชานี้...นักศึกษา

ผมว่าตอนนี้มีเรื่องดวงเข้ามาเกี่ยวข้องถ้าใครดวงดีได้กลุ่มที่ดีก็ได้ A ไปส่วนใครที่ดวงตกในระยะนี้ได้กลุ่มทีต่างคนต่างไม่สนใจงานก็ได้ F ไปชื่นชม จาก...คนกลุ่มน้อยที่ทุกคนไม่เข้าใจความรู้สึก

ก็เข้าใจอาจารย์นะคะ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้

แต่ในเมื่อไม่ลงรอยกันอย่างนี้ก็ควรจะปรึกษาภายในกลุ่ม

ไม่ควรนำเรื่อง "ส่วนตัว" มาปนกับ "งาน"

ดิฉันแต่ก่อนก็เคยเจอปัญหานี้เช่นกันค่ะ

เข้าใจว่าที่อาจารย์จัดกลุ่มโดยการนับเลข

คืออยากให้นักศึกษาทำความรู้จักเพื่อนๆในห้องเดียวกัน

และภายในกลุ่ม และก็อยากให้มีความสามัคคีกัน

แต่ปัญหาคือนักศึกษาบางคนอาจไม่ยอมรับอีกฝ่าย

ก็เห็นใจอาจารย์คะ เพราะดิฉันก็ไปปรึกษาอาจารย์ในเรื่องนี้เหมือนกัน

ก็ขอขอบคุณอาจารย์มากๆเลยนะคะที่ให้คำปรึกษา

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นค่ะ

 

อาจารย์พยายามแก้ไขปัญหาของพวกเราทุกกลุ่ม โดยการเปิดใจ รวมทั้งบางกลุ่มก็อาจมีการเรียกมาคุยกันพร้อมหน้า เพราะอาจารย์อยากให้พวกเราพูดกันตรงๆ ไม่อยากฟังความจากใครคนใดคนหนึ่ง

 

สิ่งที่อาจารย์ไม่ให้พวกคุณแยกกลุ่มกันตั้งแต่แรก เพราะ เรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัว พวกคุณเอามาปนกัน อาจารย์มีความตั้งใจอยากให้คุณปรับตัวเข้าหากัน

 

พวกคุณยังอยู่ปี 1 มีเวลาอีก 3 ปีที่ต้องอยู่ร่วมกัน กลับเกิดการแตกกันตั้งแต่เริ่ม start ยังไม่ทันจะได้เรียนรู้นิสัยกันด้วยซ้ำไป ก็ก่ออคติในใจปิดรับเพื่อน แล้วความเป็นเพื่อน เป็นพวกพ้องกัน จะสร้างได้อย่างไร

 

ทั้งนี้ในแต่ละ class เรียนเราคงต้องมาคุยกันถึงวิธีการสอน หากต้องปรับเปลี่ยนอาจารย์ก็ยินดีค่ะ และหากมีความเห็นร่วมกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว อาจารย์ก็ขอให้ทุกคนยอมรับในเงื่อนไขนั้นด้วย เหมือนก่อนที่อาจารย์เคยถามพวกคุณในห้องแล้วเรื่องการทำ Blog ว่าจะตั้งกลุ่มใหม่ไหม ซึ่งพอยังไม่เกิดปัญหา deadline ที่ต้องส่งงาน ก็ต่างเป็นเสียงเดียวกัน ว่า ขอทำงานร่วมกลุ่มเดิม

 

อ่านแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจ กับนักศึกษา นี่แค่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ยังเหลืออีก 3 ปี กว่าที่พวกคุณจะเป็นบัณฑิต แล้วพวกคุณอยากจะเลือกเป็นบัณฑิตอย่างมีคุณภาพ (ที่มีความภูมิใจเพราะจบมาด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง) หรือ จบมาอย่างบัณฑิตที่ไม่มีคุณภาพ (จบมาเพราะความช่วยเหลือจากเพื่อน ขาดความรับผิดชอบในการเรียน) ... คุณจะเลือกภูมิใจแบบไหน ... พวกคุณน่าจะกำหนดได้ด้วยตัวเอง

เรื่องของเรื่องเกิดจากตัวนักศึกษาเอง ที่จะไม่ยอมไปรวมกลุ่มกับคนอื่นที่ตนเองยังไม่รู้จัก แต่ชีวิต ต่อไปนี้ อีก3ปี อยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่ยอมเปิดใจ ร่วมมือกันกับคนอื่น

ทั้งในเรื่องของการเรียน และ การทำกิจกรรมต่างๆ คนเราต้องรู้จักปรับตัวเข้าหากันไม่ใช่มาแตกแยกกัน ที่สุดแล้วผลเสียจะตกอยู่ที่ตัวนักศึกษาเอง

เป็นเพียงความเห็นของผมครับ

ขอบคุณครับ

ผมว่าการสอนแบบนี้เป็นผลดีกับตัวนักศึกษาเอง เพราะเมื่อนักศึกษาที่ยังไม่เคยพบปัญหาการทำงานเป็นทีมหรือทำงานร่วมกับผู้อื่น จะได้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าครั้งแรกๆ หลายๆคนจะแสดงความรู้สึกออกมามาก แต่พอผ่านไป ทุกคนจะเริ่มคิดได้ และเริ่มปรับตัวข้าหากันใหม่เพราะต่างรู้ถึงจุดประสงค์ของสิ่งที่ทำกันอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาเนื่องจากต่างคนต่างพึงเคยเจอกัน บางคนพึ่งได้คุยกันตอนเริ่มงานเลย ผมเชื่อจริงๆว่า เมื่อมีงานลักษณะแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นของอาจารย์เองหรืออาจารย์ท่านอื่น ทุกคนก็จะค่อยๆพัฒนาวิธีการของตัวเองขึ้นมาเพื่อทำงานร่วมกันได้

ผมว่าบางครั้งการสอนด้วยการสร้างประสบการณ์ มีประโยชน์กับตัวนักศึกษาเองมากน๊ะครับ เพียงแต่ว่าจะหาวิธีการแบบไหนให้นักศึกษาเข้าใจในวัตถุประสงค์และสิงที่ได้รับนอกจากคะแนนเมื่องานเสร็จสมบูรณ์แล้วครับ

การเรียนรู้ ไม่ได้มีอยู่เฉพาะในหนังสือ การทำงานร่วมกัน การทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เข้าใจการทำงานอย่างเป็นระบบ และทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตอาจนำประสบการณ์เหล่านี้มาปรับใช้ได้นะคะ เพียงแต่ว่าบางคนอาจต้องทำความเข้าใจกันอีกสักหน่อย เปิดใจกว้างขึ้น แล้วจะเรียนรู้ได้เองว่าเราทุกคนก็คือเพื่อนกัน ปัญหาเกิดขึ้นได้กับทุกคน เว้นแต่ว่าเค้าจะแก้ปัญหากันอย่างไร เพื่อให้เป็นบทเรียนที่จะสอนตัวเองได้

คนที่ได้กลุ่มที่ดีก็พูดได้ลองมาอยู่กลุ่มคนที่มีปัญหาบ้าง จะเข้าใจความรู้สึกว่างานกลุ่มที่ต้องการทำเป็นกลุ่มแต่ไม่มีใครสนใจเลย แม้แต่เรื่อง Blog สมาชิกในกลุ่มบางคนยังไม่รู้เลยเลยว่าอาจารย์ให้ทำ Blog แล้วในการทำงานกลุ่มที่ต้องช่วยกันทำแล้วจะทำยังไง คนที่อยากทำงานแต่ดันไปเจอกลุ่มที่ไม่สนใจเลยต้องรับกรรม คาดว่าน่าจะได้ไ F ไปฝากพ่อแม่แน่ ๆ เลย

ถึงนักศึกษาทุกคน

 

อาจารย์อยากให้ใช้ สติมากกว่า อารมณ์  ไม่ใช่อะไรก็ F แน่นอน F ชัวร์ F อาจารย์เป็นคนผิดที่จับกลุ่มแบบนี้ อาจารย์ไม่รู้จักตามใจนักศึกษา F เพราะอาจารย์ไม่ยอมให้คะแนน

แสดงว่าถ้าอาจารย์ให้เธอ F จากการไม่ยอมทำงาน เพราะเพื่อนในกลุ่มไม่มีใครทำ เลยนักศึกษาเลยไม่ทำด้วย เพราะเดี๋ยวเพื่อนได้คะแนน

 

จากกรณีดังกล่าว ถือว่า อาจารย์เป็นคนผิด ถ้าอาจารย์ไม่ยอมให้คะแนน อาจารย์จะเป็นต้นเหตุให้นักศึกษาได้ F ใช่ไหมคะ

 

อาจารย์อยากให้นักศึกษาลองพิจารณาอีกทางเลือกหนึ่งคือ

 - การที่เพื่อนในกลุ่มไม่ยอมทำงาน แต่เราเลือกที่จะทำงานนั้นต่อ   แล้วแจ้งปัญหาที่มาให้อาจารย์ทราบ

อย่างน้อยสิ่งที่คุณได้คือ ทักษะ ในการใช้เครื่องมือของ blog ที่เราไปสร้าง ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ที่อาจารย์อยากให้นักศึกษ IT มีความรู้นอกจากการ chat

 

อาจารย์ศัชชญาส์  ดวงจันทร์

 

 

จากที่อ่านมา และตั้งแต่เริ่มเรียนมา ผมเข้าใจอาจารย์ดีว่ารู้สึกและหวังยังไง เพระผมเคยเป็นเด็กปี1มาก่อนเข้าใจครับ

แต่เหมือนนักศึกษาจะไม่เข้าใจอาจารย์เท่าที่ควร จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างงี้ สาเหตุมันเยอะแยะเลยครับ

ยกตัวอย่างนะครับ

1.ราชภัฏ เข้าง่าย เลยลากเพื่อนมาเรียนด้วยกันเยอะ ทำให้เกิดอาการติดเพื่อนไม่กล้า ที่จะไปคุยหรือคบกับเพื่อนใหม่ๆ กลายเป้นการปิดกั้นตัวเอง

2.เวลาเรียนที่พบกันน้อยเกินไป วันนึงเรียนแค่ 1 วิชา อย่างมาก 2 แต่ที่เรียน 2 วิชาก็แค่วันเดียว หรือ2วัน SEC อื่นๆผมไม่รู้ และ ใน 1วิชา เรียน3ชั่วโมง แต่พอเวลาผ่านไป 1.30 ชั่วโมง - 2.30 ชั่วโมงอาจารย์ก็ปล่อย มีน้อยวิชามากที่จะเรียนจนครบ จึงทำให้ไม่รู้จักกันมากพอ

3.พื้นที่ห้อง และจำนวนนักศึกษา แออัดกันเกินไป อันนี้ตอนผมอยู่มหาลัยเก่า ห้องกว้างและนักศึกษาเยอะกว่านี้มากครับ ก็จะแบ่งเป้นกลุ่มที่รู้จักกัน ย่อยๆ กลุ่มละ 7-10กว่าคน และในกลุ่มจะมีตัวคอยเดินสายเป็นเพื่อนกับกลุ่มๆอื่นๆ และซักพักมันก็จะรู้จักกันเอง เหมือนแบ่งเป้นหมู่บ้านและแต่ละหมู่บ้านก็จะมีผู้นำหรือเลขา คอยคิดต่อกลุ่มอื่น

แต่ที่นี่ ห้องนึงเยอะมากครับ เกือบ 100 คน ที่นั่งแทบไม่มี ห้องก็เล็ก คุยนิดนึงเสียงก็ดังแล้ว นักศึกษาจึงไม่สามารถรู้จักกันได้

ข้อ 3 อาจารย์ต้องยอมรับนะครับ เพราะส่วนหนึ่งที่นักศึกษา หรือนักเรียน ตั้งแต่อนุบาล ยัน มหาลัย จะรู้จักกันก็ตอนนั่งเรียนเนี่ยล่ะ

4.มหาลัยเพิ่งจะเปิด นักศึกษาบางคนยังติดความเป็นนักเรียนอยู่ ปรับตัวไม่ทัน ทั้งๆที่โตแล้วน่าจะคิดกันได้ว่า อยู่มหาลัยแค่4ปีนะ จบแล้วต้องไปทำงานเจอคนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่พวกหน้าเดิมๆในมหาลัยแน่ๆ แต่ก็ยังทำกันไม่ได้

สุดท้ายนี้ผมคิดว่าการสอนของอาจารย์ดีแล้วครับ แต่ลงไม่ถูกเวลา ถ้าหากอาจารย์สอนเทอม2ด้วยแล้วล่ะก็ กิจกรรมพวกนี้ ลงเทอม 2 ผมคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้นะครับ

ฝากถึงเพื่อนๆที่ได้อ่านกระทู้นี้นะครับ

คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า คนจะดี ดีที่จรรยาใช่ตาหวาน

คนจะเก่งเก่งความรู้ใช่"อู้งาน" อยากเรียนนานก็อู้งานกันเข้าไป

มีคนคนนึงบอกกับผมก่อนที่ผมจะลาออกแล้วมาเรียนที่นี่ว่า

"ราชภัฏเข้าง่าย เรียนง่าย แต่อย่าหวังว่าจะจบง่าย"

ผมไม่เข้าใจ ทำไมนักศึกษา มาตอบกันเยอะแยะ แต่ไม่กล้า แม้แต่จะเดเผยชื่อ หรือระบุตัวตน

ทำไมล่ะครับ กลัวว่าพูดไปไม่เข้าหูอาจารย์แล้วอาจารย์จะหมายหัวไว้หรอคับ

การที่คุณทำอย่างนี้ มันเป็นการไม่ให้เกียรติท่านอาจารย์ และตัวพวกคุณเลยนะครับ

หากคุณกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น

ทำไมคุณไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนของคุณล่ะครับ

ขอบคุณนักศึกษา ภาณุพงศ์ ศุภานุสนธิ์

                อาจารย์ไม่ติดใจการไม่โพสชื่อของนักศึกษาที่แสดงความคิดเห็น เนื่องจากอาจจะอย่างที่นักศึกษายกตัวอย่างมาก็คือ กลัว ว่าอาจารย์จะหักคะแนน

 

แต่อาจารย์ขอยืนยันไว้ตรงนี้ว่า การโพสข้อความของนักศึกษาในกระทู้นี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคะแนนค่ะ

ทั้งนี้อาจารย์ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากนักศึกษาบางท่านที่โทรมาคุยกับอาจารย์ (ซึงอาจารย์ก็ไม่ได้ถามชื่อไว้ เพราะเหตุผลเดียวกัน คือไม่มีผลกับคะแนน ) อาจารย์ไม่ต้องการเอาคะแนนมาเป็นตัวล่อ ให้นักศึกษาบิดเบือนจากความจริง

 

ขอเรียนว่า

การที่อาจารย์แบ่งกลุ่มให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์ตรงในการที่จะได้เข้าไปมีบทบาทต่อสังคมในจุดประสงค์ใด จุดประสงค์หนึ่งนั้น ผมว่าเป็นสิ้งที่ควรแก่การปรบมือ และถือว่าเป็นสิ่งที่สอนนักศึกษาได้เห็นผลกว่าการนั่งท่องจำจากในห้องเรียน

นักศึกษาหลาย ๆ คนอาจจะยังมีปัญหาในเรื่องของการจัดกลุ่ม และขออ้างถึง คุณ ภาณุพงศ์ ศุภานุสนธิ์ ที่เสนอได้อย่างตรงประเด็น หลายคนมาเรียนตามเพื่อน หลายคนมาเพื่อหาเพื่อน และอยู่ในภาวะติดเพื่อน แต่หากลองย้อนมองซักนิดว่า การที่คุณได้เดินมาสู่สถานศึกษา "มหาวิทยาลัย" นั้น แสดงว่าคุณมีวัยวุฒิและคุณวุฒิเพียงพอต่อการศึกษา และคาดว่ามีเหตุและผลเพียงพอ

หากการที่คุณกำหนดการคบเพื่อน ก็เหมือนคุณปิดกั้นประสบการณ์ใหม่ ๆ จากเพื่อนใหม่ ๆ ที่อยู่ในหลายสถานที่และอาจต่างวัฒนธรรม คุณจะไม่ลองเปิดใจที่จะสัมผัสสิ่งใหม่และความคิดใหม่ ๆ ให้กับตัวเองหรือ

แน่นอนการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น ย่อมเหนื่อยกว่าการเรียนในระดับมัธยม ทุกวิชาที่สอนนั้นย่อมเน้นให้เราได้ปฏิบัติจริง สิ่งที่คุณบอกว่ายาก เพราะคุณยังไม่ได้ลงมือทำและดำเนินการแก้ปัญหาอย่างถูกจุดเมื่อเกิดปัญหา การที่คุณเอาแต่โทษคนโน้น โทษคนนี้ และโยนความผิดมาให้อาจารย์ผู้สอนในเรื่องการจับกลุ่มทำงาน ผมว่าไม่ยุติธรรม

ผมมีหลักในการทำงานกลุ่มซึ่งพวกผมก็ประสบความสำเร็จมาให้พิจารณา ซึ่งเป็นหลักโดยทั่วไป

1. รับฟังความเห็นของคนอื่น

2. รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง (แม้ว่าคุณจะได้กลุ่มของเพื่อนที่ไม่เอาใจใส่ หากแต่คุณทำหน้าที่ของคุณดีแล้ว ผมว่า อาจารย์น่าจะเห็นในสิ่งที่คุณทำ ลองมาปรึกษาอาจารย์ก่อน ผมไม่อยากให้คุณท้อใจ และปล่อยปะเรื่องเรียนไป)

3. ขอโทษเป็น และอภัยเป็น

4. แบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบและครอบคลุม

ผมว่าแค่สี่ข้อ ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาของคุณได้ หากแต่พวกคุณลองหันหน้าเข้าหากัน

และที่ผมเน้นย้ำที่สุดคือ หากคุณมีปัญหาในเรื่องกลุ่ม ลองเข้ามาขอคำปรึกษาจากอาจารย์ ผมว่าคุณจะได้คำตอบที่คุณพอใจอย่างแน่นอน

IT 51 1A

พวกเราก็เห็นใจอาจารย์นะครับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่มันก็ไม่ใช่ความผิดอาจารย์หรอกครับอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดมันห้ามไม่ได้หรอกครับทุกอย่างมีทั้งดีและไม่ดีครับฉะนั้นการที่บางกลุ่มไม่มีความสามัคคีกันมันก็อาจมีบ้างนะครับแต่ถ้ามองในแง่ดีแล้วมันอาจจะดีก็ได้นะครับเพราะว่าเราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์จากข้อบกพร่องของเราและเราก็ยังสามารถนำเอาข้อเสียต่างๆไปปรับปรุ่งให้ทุกอย่างดีขึ้นครับ 600 คนที่อาจารย์ดูและแน่นอนครับว่าการที่จะดูแลคนตั้ง600 มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่พวกเรามีความเชื่อว่าอาจารย์มีความสามารถที่จะดูแลพวกเราได้อย่างสมบรูณ์ พวกเราขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

หวังว่าจากกำลังใจดวงเล็กๆของกลุ่มเรา และตอนเรียน ZA คงทำให้อาจารย์มีกำลังใจสู้ต่อไปนะครับและหวังว่าเพื่อนๆทุกตอนเรียนก็เป็นกำลังใจให้อาจารย์ด้วยกันหมดทุกคนครับ

51 SP IT CLUB สาขาวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ(โครงการพิเศษ)

 อาจารย์ขอขอบคุณนักศึกษาตอนเรียน ZA นะคะ ของคุณ. กณธร โรจนบุญฤทธิ์ ที่ได้มีการนำเสนอข้อคิดไว้อาจารย์ขอนำไปโพสไว้ในอีกกระทู้เพื่อให้เพื่อนได้อ่านนะคะ

ถึงท่านที่อ่านทุกท่าน เรื่องการเรียนการสอนของอาจารย์ ดิฉันคิดว่าดีอยู่แล้ว การจับกลุ่มทำงานเป็นแนวทางที่ทำให้เราได้แรกเปลี่ยนประสบการณ์ งานทุกอย่างล้วนมีอุปสรรค์แล้วแต่ว่าเราจะมีทางแก้ปัญหาอย่างไร ส่วนคนที่มีปัญหาในการทำงานกลุ่ม ถ้าคุณลองหันหน้าเข้าหาสมาชิกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ้าง หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างก็ดีนะ และอีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วงปรับตัว ก็ควรให้เวลากันบ้าง  แต่เพื่อนบางคนก็หยิ่ง (ความจริง)เวลาเพื่อนพูดด้วยก็จะทำเป็นไม่สนใจคิดว่าตัวเองสวย/หล่อ จะคบแต่คนที่ดูดีเช่นกัน นิสัยอย่างนี้แย่มากฝากแก้ไขด้วยละกันและดิฉันได้อ่านความคิดเห็นของคุณภานุพงศ์ แต่มีประเด็นขัดแย้ง เขาบอกว่าราชภัฏเข้าง่าย ซึ่งส่วนตัวดิฉันคิดว่าไม่ง่ายเลยสำหรับนักศึกษาที่ผ่านระบบแอดมิดชั่นอยางดิฉัน ดิฉันต้องพยายามแค่ไหนกว่าจะสอบเข้าได้ ต้องสอบทั้ง o-net a-net วิชาเฉพาะ แล้วยังต้องทำคะแนน6เทอมให้ดีอีก มันไม่ได้ง่ายเลยนะ อาจจะใช่กับที่อื่น แต่ที่นี่ไม่ใช่อย่างนั้น คุณคิดว่าความง่ายของคุณคือการเข้าราชภัฏ แล้วคนอื่นที่ที่มีมความพยายามเหมือนกับดิฉันละมีอีกตั้งแยอะ  ดฉันว่าคุณภานุพงศ์ควรคิดดูซะใหม่นะ  แล้วดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่บินเดี่ยว มาที่นี่คนเดียวโดยไม่มีเพื่อน คุณคิดว่าคุณทำถูกต้องแล้วหรอคุนภานุพงศ์ที่ลากเพื่อนเข้ามา  ดิฉันก็ขอฝากกระทู้นี่ไว้ให้หลายๆคนที่มีรุ่นน้องที่จะเข้าเรียนต่อป.ตรีฝากเทคเขาสักนิด อย่าคิดว่าราชภัฏจะเข้าง่ายเสมอไป

นักศึกษา ภาณุพงศ์ ศุภานุสนธิ์

อาจารย์ขอลบความเห็นของนักศึกษานะคะ

สำหรับประเด็นที่ว่า ราชภัฏเข้าง่ายหรือยากนั้น

อาจารย์มองว่าขึ้นกับการเข้ามาของแต่ละบุคคล

ต่างคนต่างมีที่มาที่แตกต่าง และอยากให้นักศึกษายอมรับความแตกต่างนั้นด้วย "ความเข้าใจ"

อาจารย์คิดว่าประเด็นอยู่ที่ว่า

 

เมื่อเราเข้ามาแล้วจะสะสมประสบการณ์และความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองอย่างไรให้ไม่น้อยหน้าบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอื่นมากกว่าค่ะ

 

 

สุภัทร์ คาวีเสถียร

เรียนท่านอาจารย์

การที่อาจารย์ออกมาพูดในลักษณะนี้ก็มีบางส่วนที่กระคิดเห็นว่าเป็นความจริงในบางส่วนเพราะ

อาจารย์หวังดีที่จะให้นักศึกษาที่ยังไม่รู้จักกันให้ทำความรู้จักกัน

ในการที่เราทำงานกับบุคคลอื่นเราที่ยังไม่รู้จักนั้นอาจยากเป็นพิเศษกว่าการทำงานกับคนที่เราทำงานมาด้วยแต่เมื่อเราอยู่ในระดับอุดมศึกษาแล้วสมควรฝึกให้เป็นนิสัยสามารถทำงานร่วมกับบุคคลอื่นได้เป็นอย่างดีนี่สิก็การท้าทายความสามารถของนักศึกษาเพราะในการทำงานเราอาจต้องทำงานกับบุคคลที่หลากหลายหลายองค์กรด้วยกัน

แต่ผมเรียนรู้จากการทำงานกลุ่มที่ผมเคยเจอมาถึงเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยทำงานกันมานานก็มีปัญหาในการทำงานอยู่ดี 

เพื่อนบางคนพอโยนงานมาเราแบกระทันหันแบบส่งวันพรุ่งนี้ไม่บอกเราแต่เนินๆเราก็ทำทั้งวันทั้งคืนกลับว่ามันเยอะเกินไปเราอุตสาห์ทำงานมาอย่างดีแต่กลับไม่เอามันซะเนี่ยเพื่อนไม่ทำแล้วก็ยังมาติงานเราที่ทำมาทั้งวันทั้งคืนอีกสาเหตุเนื่งจากข้อมูลที่เราทำให้ลงhi5ไม่ได้เพราะบันทึกแล้วจะเป็นร้อยบันทึกแล้วกระผมถามว่าทำไม่ทำบล๊อกแบบอื่นเพื่อนตอบว่าทำไม่เป็น เหมือนสะท้อนว่าโทษเราว่าไม่เป็นทำบล๊อกซะเองล่ะหาข้อมูลเราเยอะทำไมเราก็อยากตอบไปงานระดับอุดมศึกษาแล้วมันจะทำแบบลวกๆได้อย่างไงกระผมเองก็ต้องรับผิดชอบงานกลุ่มวิชาอื่นเหมือนกันเพราะเพื่อนในกลุ่มไม่ค่อยช่วยงาน  แทบไม่เวลานอนแล้วด้วยเป็นโรคประจำตัวด้วยอาการทรุดลงมากทางบ้านเห็นแล้วไม่สบายใจเลย

อย่างไรก็ดีผมชินแบบนี้แล้ว

อาจารย์เป็นคนที่ผมยอมรับว่าสอนดีครับแต่เวลาเรียนนั้นสิเป็นปัญหาในการเรียนการเสมอไม่ว่ายุคใดสมัยไหนก็ตาม

นักศึกษาก็มีจำนวนมากเลยเป็นอุปสรรคในการสอนด้วย

ก็ขอกรุณาอาจารย์ว่างานกลุ่มครั้งหน้าขอเป็นกลุ่มย่อย2-4คน

เพราะสะดวกในการทำงานมากกว่าคนเยอะปํญหาที่ตามมาก็เยอะตามด้วย

ถึงแม้จะภาระหนักที่อาจารย์ที่ต้องตรวจงานทั้งหมด

ขอความกรุณารับฟังความคิดเห็นด้วยนะครับถ้ามีถ้อยคำไหนที่บุคคลท่านใดเห็นว่าไม่เหมาะหรือไม่ดีอย่างไรก็กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยจะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป

 

 

 

นักศึกษาที่บังเอิญมาเข้าที่นี่

คุณ กณธร โรจนบุญฤทธิ์

ความเห็นคุณแจ่มมากมาย อยากรู้จักจัง

คุณ ภาณุพงศ์ ศุภานุสนธิ์

คุณท่าทางมั่นใจตัวเองจัง แสดงว่าคุณต้องไม่ธรรมดา น่าเสียดายไม่ได้อ่านที่คุณโพสอันที่2

คุณ นักศึกษาบ้านนอก

หากคุณ"ดิฉันคิดว่าไม่ง่ายเลยสำหรับนักศึกษาที่ผ่านระบบแอดมิดชั่นอยางดิฉัน ดิฉันต้องพยายามแค่ไหนกว่าจะสอบเข้าได้ ต้องสอบทั้ง o-net a-net วิชาเฉพาะ แล้วยังต้องทำคะแนน6เทอมให้ดีอีก มันไม่ได้ง่ายเลยนะ"

ผมอ่านแล้วตลกมากเลยครับ ถ้าการที่คุณต้อง ทำถึงขนาดนี้ คุณไม่ไป มหาลัยรัฐบาลชั้นนำล่ะครับ มาทำไมที่นี่ ก่อนพิมพ์คิดบ้างไหมเนี่ย แล้วพิมพ์เสร็จแล้ว อ่านแล้วอายมั่งไหม

การที่คุณบอกว่าทำคะแนน 6เทอม แสดงว่าคุณต้องอยู่สายสามัญไม่ใช่สายอาชีพ

แล้วเด็กสายสามัญเท่าที่ผมเจอๆมา ตั้งแต่มันขึ้น ม.4กัน ก็ไม่มีใครหรอกคิดว่าจะจบมาแล้วเข้าราชภัฏ คุณเนี่ยนะ ตลกจัง แล้วที่คุณไปบอกว่า ภาณุพงศ์ นั้นลากเื่พื่ือนเข้ามา อ่านๆดู ไม่เห็นเค้าบอกว่าเค้าลากเพื่อนมาเลยนะ

ส่วนอาจารย์ ผมอยากจะบอกว่า sec B ที่เอารุ่นพี่มาคุมสอบอะ มันหยิบชีสมานั่งลอกกันหมดเลย ส่วน Sec A หลังห้องก็เดินกันจ้าละหวั่น

ถ้ายังไง SEC B อาจารย์มาคุมสอบเองดีกว่นะครับ ผมอยากจะเห็นการสอบที่มันวัดคุณภาพมากกว่านี้

พิมพ์มาซะเยอะ หวังว่า คงไม่ไปเกะกะลูกกะตาของ คุณนักศึกษาบ้านนอก คุณภาณุพงศ์ และอาจารย์นะครับ

เอ่อถ้าคุณภาณุพงศ์ได้อ่าน ผมลองไปอ่านที่คุณโพสงานเดี่ยวอะนะครับ ผมว่าคุณคงเก็บกดมากนะครับ ฮะฮะ

อาจารย์ครับ

ผมบังเอิญผ่านมาอ่านเจอเข้า

ขอให้กำลังใจกับอาจารย์ครับ

ผมเป็นอาจารย์พิเศษ คณะวิศวฯ หลายๆที่ ทั้ง ของรัฐ ราชภัฏ และเอกชน

สิ่งหนึ่งที่ผมพบคือ นักศึกษาน่าส่งสารทุกคนครับ เค้าเป็นผู้ที่เราจะต้องหยิบยื่นเอาความรู้ไปใส่ให้เค้า จะมากจะน้อยก็สุดแต่กำลังเค้าจะรับได้

แต่ พึงท่องไว้เสมอครับ ว่าเราจะสอน เราจะถ่ายทอด สิ่งที่เรารู้ เพื่อเป็นการทดแทนคุณแผ่นดิน ไม่หวังอะไรมากไปกว่าความสุขที่เกิดจากการถ่ายทอดของเรา

เหมือนจะโดนพาดพิงแฮะ ชมหรือว่า หว่าเหอะๆแต่พูดตรงๆผมก็เก็บกดอะนะ โพสเสร็จเพิ่งนึกได้ว่ามีคะแนนฮากร๊ากเลย

ผลสอบจะเป็นไงเน้อ TT_TT

ถึงคุณ นักศึกษาที่บังเอิญมาเข้าที่นี่

คุณรู้มั่ยว่าที่อาจารย์เค้าสร้าง blog อ่ะ มีไว้เพื่ออะไร

ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกให้ อาจารย์เค้ามีไว้ให้นักศึกษามาเเสดงความคิดเห็นนะครับ

ถ้าคุณไม่พอใจกับการคอมเม้นของคนบางคนคุณก็ไม่ควรจะมาแสดงออกทางนี้

มันไม่สมควรครับ <มันเป็นสิทธิส่วนบุลคลนะครับ> ความคิดใครความคิดมัน

อย่าหาว่าผมก้าวก่ายเลยครับ ส่วนไอ้เรื่องการลอกข้อสอบนั้น ผมไม่เข้าใจว่า

คุณจะพยายามให้มีการสอบใหม่หรือเพราะว่าคุณทำไม่ได้ หรือว่าเหตุผลอันใด

ที่ต้องมาทำให้ทั้งอาจารย์และนักศึกษามานั่งปวดหัวกับความเห็นของคุณ

สงสารอาจารย์ กันมั้งซิครับ ท่านมีเเต่ให้ความรู้ ยังมาทำให้ท่าน ปวดหัวอยู่ได้

ถึงนักศึกษา คนที่โพสต์กระทู้ที่ว่านักศึกษาลอกข้อสอบกัน

 

อยากถามคุณต่อว่า ที่คุณมาแสดงความคิดเห็นแบบนี้เพราะคุณสอบไม่ได้ใช่หรือไม่ ? แล้วคุณอยากลอกเพื่อนแล้วเพื่อนไม่ให้ลอกหรือเปล่าคุณเลยโวยวาย แล้วที่คุณว่า Sec A หลังห้องก็เดินกันจ้าละหวั่น ผมเป็นนักศึกษาห้อง A1 ผมไม่เห็นใครเดินเลยที่เค้าลุกขึ้นเดินเพราะเค้าทำข้อสอบเสร็จแล้ว เค้าเลยเดินไปส่งข้อสอบ ตอนนั้นคุณงง หรือเปล่า

 

ถ้าสอบใหม่ อย่างเคืองอะ เรื่องลอกผมว่ามันก็มีอยู่แล้วล่ะนะ น่าจะรู้ๆกันอยู่

ผมอยู่ SEC A นะ แต่ก็ไม่เห็นเดินกันมากมาย เหมือนที่ คห.26 บอก

ส่วนมากเดินส่งงานกัน เอาเป็นว่าถ้าสอบใหม่จริง มันคงจะวุ่นวายกว่าเก่าแน่นอน

พอแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวเลยเถิด

ปล. คห.22.นักศึกษาที่บังเอิญมาเข้าที่นี่ ใช่เด็ก มสด. จิงป่าวหว่า หรือมาป่วน??

เอ่อถึงคุณ Sec A 2 ท่านด้านบน พอรู้มั้ยครับทำไม ENG ถึงไม่ค่อยสอน

อัญญารัตน์ อักษรดิษฐ

การเรียนยาก หรือง่ายขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ว่าเราจะขยันและตั้งใจมากแค่ไหน การทำงานกลุ่มก็คือการปรับตัวเข้าสังคมก็เป็นส่วนเล็กๆแคบๆที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน สิ่งนี้แหละที่เราจะสามารถนำมาใช้ในการทำงาน เพราะบางคนอาจไม่เคยทำงานร่วมกับคนอื่นเลยไม่ได้สนใจ ต่างคนต่างความคิดแต่ถ้าเรามาทำงานร่วมกันนั่นก็หมายถึงเราต้องฟังความคิดคนอื่นบ้าง มีข้อเสนอแนะอะไรก็ควรพูดคุยกัน เราเลือกให้ทุกคนทำตามเราไม่ได้เสมอไปหรอกค่ะ แต่เราเลือกที่จะปรับตัวเข้าหากันได้มากกว่า บางคนพยามยามหนักหนาที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับเพื่อนได้ แต่บางคนกลับหลีกเลี่ยงที่จะพบจะพูดคุยกับเพื่อน ก็คงเหมือนกับที่อาจารย์บอกในชั่วโมงแรก เราเข้ามาเรียนด้วยกันเราควรช่วยเหลือกัน แล้วมิตรภาพดีๆจะเกิดขึ้นเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท