tag ความลับ


ช่วงนี้ "พี่อักษร ทับแก้ว" กำลังเป็นสุขสนุกสนานกับท่องเที่ยว  ทุกคนที่น้องตุ้ม tag ไว้ ส่ง tag กันทุกคนแล้ว  ตามนี้

          1> น้องไก่  น้องสาวแสนดี ขออะไรก็ได้รวดเร็วทันใจ                                     

2>คุณอุ๊    น้องสาวที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนหันมาใส่ใจในธรรมชาติรอบตัว 

                                     

3>  พี่นาย พี่สาวร่วมสถาบันที่รู้สึกผูกพันเหลือเกิน และต้องขอ tag ชายหนุ่มบ้างนะคะ เพราะเชื่อว่าผู้ชายก็มีความลับเหมือนกัน TADA !!!!!! .......ขอ

                                   

4 > คุณครูภาษาอังกฤษคนเก่ง ครูสุค่ะ และ

                                    

5>ครูโย่ง  ครูดนตรีผู้มีความสามารถหลากหลาย

           พี่สาวรู้ช้าไปหน่อย  เลยคอยนาน    เห็นว่าเอา ๕ เรื่อง ก็พยายามหามาจนครบ
อ่านกันเล่นๆ  ก็พอนะ

เรื่องที่ ๑ อายจัง

          มีเรื่องให้อายอยู่หลายเรื่อง  
          อายเรื่องแรก  จบ ม.ศ.๓ แล้ว เข้ากรุงเทพฯ จะไปสอบต่อที่
สนามสอบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
  วันแรกที่ไปถึงญาติจะพา
ไปเที่ยวชมเมืองกรุง  ด้วยความรีบร้อนบวกกับความเสร่อเซ่อซ่า 
คว้าเสื้อสีลายสวยที่ดูใหม่สุดๆ จากกระเป๋ามาใส่ (ไม่ได้รีดหรอก)
เดินออกซอยไปก็มีแต่คนมอง  เอ๊ะ
! ชักจะไม่มั่นใจในตนเอง 
จะว่าขี้ริ้วขี้เหร่รึก็ไม่ใช่  หรือว่าหน้าตาท่าทางเรามันบ่งบอกถึง
ความเป็นบ้านน๊อก ก ก..... บ้านนอก  ม๊าก ก ก ก.......มาก เชียวรึนี่   
พอขึ้นรถเมล์มีเวลาได้สำรวจตัวเอง   ต๊าย ย ย ย.......ตาย.....ตาย
อยากจะแทรกแผ่นดิน(รถเมล์) หนี  เสื้อตัวนี้แม่ตัดให้เป็นชุดนอนนี่นา 
นั่นยังไม่เท่าไหร่หรอก  พอให้อภัยกันได้   แต่เส้นด้ายสีแดงที่เนา
ตามขอบเสื้อนี่สิ มันฟ้องอยู่โทนโท่
  
                              ดู.... ดู๊ .... ดูเธอทำ ...ทำไมเธอทำกับฉันได้

          อายเรื่องที่ ๒  มี Pen friend เป็นชาวญี่ปุ่นอยู่คนหนึ่ง
ชื่อ
Michiko Hara  อยู่ที่เมือง Fukuoka-ken  Kitakyushu City
ขยันเขียนคุยกันดีจังล่ะ  รับ-ส่งจดหมายกันแทบทุกสัปดาห์  
(เป็นการฝึกฝนภาษาอังกฤษอีกทางหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ใช้ภาษาก็
ไม่ค่อยจะแข็งแรงสักเท่าไหร่ เลยสื่อสารกันได้เข้าใจกันดี) 
วันหนึ่งเกิดนึกอยากจะจัดรวมซองจดหมายที่ได้รับให้เป็นหมวดหมู่
แยกเป็นจดหมายจากที่บ้าน  จากพี่สาวคนน่ารักที่เรียน มอ. ปัตตานี 
จาก
Pen friend คนไทย ๒ คน (จาก จ.ชลบุรี และ จ.ตรัง)  และจาก
เพื่อนๆ สตรีศรีสุริโยทัย  เก็บจวนเสร็จแล้ว พลันสายตาก็ไปสะดุด
หยุดกึกที่หน้าซองของ
Michiko ....   Oh! my god. เป็นไปได้ไงนี่ 
เราสะกดชื่อจังหวัดผิดไป  นครปฐม น่าจะเป็น
“Nakornpathom” 
กลับสะกดเป็น นครประถม มัธยม ไปโน่น ให้ Michiko เขียนเป็น
“Nakornprathom” 
มาตั้งนมนาน.....
                       โอ
! ข้าน้อย  ผิดไปแล้ว  ขออภัย ๆ

          อายเรื่องที่ ๓  เรียนจบใหม่ๆ เจ้าน้องนุ่งทั้งหลายมันยื้อยุดฉุดไว้
ไม่ยอมให้กลับบ้าน
 อยู่ว่างๆ ก็เตร่ขึ้นรถเมล์ไปไปหางานทำ 
นุ่งชุดกระโปรงซะสวยเริ่ดเชียว คนในรถก็ไม่มากนักหรอก
ก้าวเดินเข้าไปยืนด้านในเลย  กะพอให้อยู่ตรงกลางๆ ไม่งั้นแล้ว
จะได้ยินเสียงคนเก็บตั๋วรถตะโกนว่า
เพ่ๆ ชิดในเลยเพ่ ๆ ชิดในๆ  
ยืนจับราวโยกไปโยกมาสักพักก็ควักสตางค์จ่ายค่าตั๋ว 
ทันใดนั้นรถก็กระชากอย่างแรง  ตัวโซเซไปข้างหลังมือหลุดจากราวจับ
กระเป๋าร่วงตกพื้น  คิดว่าจะแค่นั้น ที่ไหนได้  เงินเหรียญที่อุตส่าห์
เก็บออมหอมรอบริบมัดอยู่ในถุงพลาสติก  มันกระเด็นออกจากกระเป๋า
แตกกระจายกลิ้งไปทั่วพื้นรถ

 

 

เรื่องที่ ๒  ความทรงจำ..ประทับใจ..ทำให้สอบเป็นครูได้

          เรียนระดับประถมศึกษามา ๗ ปี  สนุกสนานไปตามประสาเด็กๆ 
จำเหตุการณ์ชั้น ป.๒ ได้มากที่สุด เพราะได้อยู่ ๒ ห้อง กับครู ๒ คน 
ห้องแรกครูลาวัลย์  คุณครูเรียกให้เด็กๆ ออกไปเต้นรำหน้าห้องทุกเช้า 
ก่อนจะเริ่มการเรียนการสอน (เข้ากับหลักการเปิดสมอง แบบ
BBL) 
ห้องที่ ๒ คุณครูมาลีเลือกเด็กจากห้องครูลาวัลย์ ๒ คน (ครูลาวัลย์ให้
ครูมาลีเลือกเอาเอง  ครูมาลีจ้องๆ มองๆ แล้วก็เลือกเอาเด็กตัวเล็กๆ
หน้าตาน่ารักน่าชังคนนี้แหละ)  ห้องนี้ก็สนุก ครูมาลีชอบให้เด็กๆ ร้องเพลง
จึงชอบร้องเพลงของเด็กๆ มาจนป่านนี้ (เพลงอื่นๆ ร้องไม่เป็นค่ะ 
ตอนเด็กเป็นคนช่างเลือก เพลงที่มีเนื้อหาไม่ดี หรือไม่ถูกใจจะไม่ร้องเลย) 
ชั้น ป.๕-ป.๗  มีครูประจำชั้นคนเดียวกัน ๓ ปีรวด (ตามนโยบายสมัยนั้น) 
ชื่อครูพล ท่านเป็นคนไม่เรื่องมาก  สอนได้เนื้อหาสาระ กระชับ ไม่เพ้อเจ้อ
เป็นน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ตอนที่บังเอิญได้ไปสอบครู มีคำถามข้อหนึ่ง
ถามเกี่ยวกับการเรียนการสอนว่าจะสอนอย่างไรให้นักเรียนเกิดความรู้
และมีความสุขกับการเรียน  ก็นั่งมโนภาพถึงสมัยประถมที่เรียนกับครูพล
มา ๓ ปี และความเบิกบานใจสมัยเรียน ป.๒ นี่แหละบรรยายเป็นคำตอบ
ที่ทำให้สอบครูได้
(ตำราสอบครูชิดซ้ายไปเล้ย......ย)

 

เรื่องที่ ๓  ฝันสลาย

          ตอนอยู่ชั้น ป.๖  โรงเรียนมีงานแสดงอะไรสักอย่างหนึ่ง 
คุณครูก็มาเฟ้นหานักแสดง
รำตั๊กแตน  ครูก็สุ่มเลือกเอาทั้งห้องนั่นแหละ 
จนเข้ารอบชิงสิบคนสุดท้าย  ดีใจมากเลย ว่างเมื่อไรก็ซ้อมรำทุกที  
ถึงเวลาคัดเลือกตัวจริงก็พยายามร่ายรำสุดชีวิต  ผลออกมาติด ๑ ใน ๖
ที่ถูกคัดออก  เฮ้อ
! ....ฝันสลาย   ฟ้อนๆ รำๆ ก็ไม่รุ่ง     

          เรียน ม.ศ.๑ ที่โรงเรียนใหม่ได้เรียนนาฏศิลป์เป็นครั้งแรกในชีวิต 
(สุดแสนจะดีใจที่จะมีโอกาสได้สืบสานความเป็นไทยอีกครั้ง)  ตั้งอกตั้งใจ
ร่ายรำอย่างสุดความสามารถ  แต่เสียดายจังฝึกรำแม่บทได้แค่
๒ บรรทัดเพลงเท่านั้น (
เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า   สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน  
ทั้งกวางเดินหงส์บิน  กินรินเลียบถ้ำอำไพ
) คุณครูก็ลาคลอด 
เฮ้อ......ฝันสลายอีกแล้ว  จากนั้นมาก็ไม่เคยได้เรียนอีกเลย 
และจำไม่ได้ว่าตอน ม.ศ.๒
๓ ได้เรียนนาฏศิลป์หรือไม่  

          พอมาเรียนอักษร ปี ๑  มีเรียนวิชาดนตรีเบื้องต้น ก็ให้ดีใจอีกครั้ง
(แม้ว่าไม่ใช่นาฏศิลป์) ใจจริงอยากเรียนขิม หรือจะเข้  มโนภาพไว้ว่า
ในห้องดนตรีคงจะมีเครื่องดนตรีทุกประเภทวางไว้อย่างครบครันและมากมาย 
(เหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์)  แต่พอครูพามาที่ห้องก็ให้เอน็จอนาถใจนัก
ห้องดนตรีเป็นห้องชั่วคราวเล็กๆ อยู่ใต้หอพักทรงพลของนักศึกษาชาย 
เครื่องดนตรีมีประปรายพอสำหรับให้ครูสอนเท่านั้น ครูบอกว่าใครอยากจะเรียน
เครื่องดนตรีชนิดใดก็ให้เลือกซื้อเอาเอง  แล้วครูก็เอารายการสินค้าพร้อมราคา
ให้นักศึกษาเลือกสั่งซื้อ  โดยครูจะบริการติดต่อให้    พอเห็นราคาขิมและจะเข้
แล้วก็ผงะ  หมดหวัง  เฮ้อ....... ฝันสลายอีกแล้วล่ะ   
          เอาน่า
! มันต้องมีอะไรที่เหมาะกับเราสักอย่างหนึ่งสิ  
เอาเกณฑ์ความชอบไปเลือกก็หมดหวัง เพราะเด็กหอจากแดนไกล
ไม่มีเงินเหลือเฟือขนาดนั้น  เอาเกณฑ์เพื่อนๆ ก็ไม่ได้เพราะใกล้เคียง
กับเกณฑ์ความชอบ  อย่ากระนั้นเลยใช้เกณฑ์ราคาตัดสินดีกว่า 
สุดท้ายก็ได้
ขลุ่ย ราคาค่างวด ๑๕  บาท  ดูแล้วไม่มีอะไรที่ราคาถูก
กว่านี้อีกแล้ว
555  (อดข้าวแค่มื้อเดียวเอง) และมันเหมาะสำหรับเรา
เป็นที่สุดแล้ว (คิดแบบองุ่นเปรี้ยวค่ะ)  เวลาเรียนก็อยู่รวมกับพรรคพวกไม่ได้ 
ต้องระเห็จออกมาฝึกเป่าใต้ร่มไม้แถวๆ นั้น (เป่าเพลงลาวดวงเดือน
ลาวดำเนินทราย  และอื่นๆ จำไม่ได้)  มีความสุขกับการเป่าขลุ่ยไปทั้งเทอม 
แถมเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม 

 

เรื่อง ที่ ๔ พันธสัญญา

          เป็นนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ ได้รหัส ๕๑๘๐๓๖ 
ตอนเป็นน้องใหม่ เจอพี่รหัสอยู่ ๒ คน คือ ปี ๒ และ ปี ๓  
ขึ้นปีสองได้น้องรหัสมาจากโรงเรียนเดียวกัน รุ่นเดียวกันแต่คนละห้อง 
จึงกลายเป็นเพื่อนกันไปซะ  ขึ้นปีสามได้น้องรหัสเป็นผู้ชายจากชลบุรี
(ออกไปสอบใหม่เข้าเขตท่าพระ) คนสุดท้ายเป็นหนุ่มน้อยจากเมืองหลวง 
พี่สาวที่ร้างน้องรหัสมาสองรุ่นก็เห่อน้องรหัสใหม่สุดๆ เข้าไปรู้จักมักจี่
อย่างไม่รีรอ เรียกเขาว่าน้องรหัสคนสุดท้อง  พี่ปี่ ๔ น้อง ปี ๑ ก็สนิทสนม
กันโดยปริยาย  แถมพ่วงคนอื่นๆ มาช่วยงานพี่สาวอีกหลายคนแน่ะ   
ในวันรับปริญญาพี่สาว เขามาแสดงความยินดีและบอกว่าจะดูแลน้องรหัส
ทุกคนให้เหมือนกับพี่คนนี้ที่ดูแลเขา  ถ้าเขารับปริญญาจะพาน้องๆ มา
ให้ครบทั้ง ๔ คน  กำชับอีกว่าให้พี่มาแสดงความยินดีกับเขาให้ได้ 
ไม่งั้นแล้วเขาจะตามไปถึงบ้าน...  พี่สาวเจ้าต้องไปแน่นอนเพราะมีพันธสัญญา
ไว้ถึง ๖ คน เขาคอยเขียนจดหมายไปหาอยู่เรื่อยๆ  คงกลัวว่าจะติดต่อไม่ได้ 
ทุกครั้งเขาเขียนคำขึ้นต้นว่า
พี่ที่น่ารักของน้อง   ๓ ปีผ่านไป  เมื่อวันนัดมาถึง
พี่สาวเจ้าก็สุดแสนจะดีใจ  และรู้สึกชื่นชมเหลือเกินที่เขาสืบทอดเจตนารมณ์
ของรหัส ๐๓๖ได้เป็นอย่างดี  พาน้องรหัสทั้ง ๔ มาให้พี่สาวรู้จักทักทาย   
สุดท้ายเขาส่งรูปรับปริญญามาให้พี่สาว ๔ รูป  ข้างหลังภาพทุกใบก็ยังเขียนว่า
พี่ที่น่ารักของน้อง

                            

 

เรื่อง ที่ ๕ ได้ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นกลุ่มแรก


แรกที่ ๑ อาสาพัฒนารุ่นแรกของรัฐบาล
  เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง

          ช่วงหลังเหตุการณ์ ๖ ตุลา  รัฐบาลเปิดโอกาสให้นักศึกษา
สถาบันต่างๆ ได้ทำกิจกรรมบ้างแล้ว  เพื่อนชวนไปสมัครเข้าค่าย
อาสาพัฒนากัน (ร่วมกับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่
นพค.ทั่วประเทศ)  
ค่ายนี้เลือกผู้สมัคร ๖ คน เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร
จากคณะอักษรศาสตร์ ๓ คน ศึกษาศาสตร์ ๒ คน  และอีก ๑ คน จากถาปัด   
นับเป็นนักศึกษากลุ่มแรกที่ไปร่วมกิจกรรมกับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่
จ.ปราจีนบุรี หลังจากรายงานตัวที่กรุงเทพฯ แล้ว พวกเรา ๖ ชีวิต พากันนั่งรถ
ไปยังเป้าหมาย อ.วัฒนานคร โดยมีหัวหน้าหน่วยมาคอยรับอยู่ปลายทาง 
แต่ก่อนที่จะเข้าไปฐานที่มั่น  ท่านหัวหน้าหน่วยก็พาพวกเรานั่งรถชมเมือง  
และพาไปดูเขตกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา  ซึ่งถนนเส้นนั้นค่อนข้างแคบ 
ขอบถนนก็สูงชัน  ขณะที่รถกำลังแล่นไปนั้น พลันก็มีวัวตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา
จากข้างทางและเดินข้ามถนน  คนขับคงตกใจหักพวงมาลัยหลบ 
รถจึงเสียหลักกลิ้งไป ๒-๓ ตลบ นอนหงายท้องแอ้งแม้ง  เท้าพุ่งชี้ฟ้า
หันหน้าลงดิน  พอได้สติก็พากันคลานออกมาทีละคนๆ  โชคดีที่ไม่มีใคร
ถึงกับเลือดตกยางออก  มีแต่หัวโนนิดๆ หน่อยๆ 
                                             เฮ้อ
!  นึกว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งซะแล้ว 

 

          ในช่วงนั้น มีโอกาสไปดูงานในป่าของ ทหารเสือราชินี  
ผบ. ( พ.ต.ณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช,ยศขณะนั้น ) พาไปเที่ยวน้ำตกปางสีดา 
ซึ่งตอนนั้นยังอยู่ในเขตทหาร  เดินเข้าป่าไปลึกพอสมควร 
น้ำตกสวยมากทีเดียว  ผบ.บอกว่านอกจากทหารแล้ว มีกลุ่มของพวกเรา
นี่แหละเป็นกลุ่มแรกที่ได้มาเห็นน้ำตกปางสีดา
 
“The first group to be here.” Wow! Wonderful.
และสิ่งแรกอีกอย่างหนึ่งคือ ได้ฟังเพลง
จากยอดดอย เป็นกลุ่มแรก
ซึ่งท่าน ผบ.เป็นผู้แต่งเอง (เพื่อถวายสมเด็จพระราชินี ปัจจุบันเพลงนี้
ใช้เป็นเพลงประจำสถาบันมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์)
ก่อนกลับท่าน ผบ.แจกเนื้อเพลงและม้วนเทปให้มาฟังอีกด้วย 
เนื้อร้อง(เดิม) มีว่า  

          จากยอดดอยแดนไกลใครจะเห็น      ยากลำเค็ญเพียงใดใจยังมั่น

           จักปกป้องผองไทยชั่วนิรันดร          สิ้นชีวันก็ยังห่วงหวงแผ่นดิน

            ด้วยหน้าที่ชีวิตรับผิดชอบ              คือคำตอบที่รบอยู่มิรู้สิ้น

            ความภูมิใจลึกล้ำด่ำอาจิณ            รักแผ่นดินรักเกียรติศักดิ์นักรบไทย

            คิดถึงยอดหฤทัยใจจะขาด             แต่ไม่อาจตัดใจทิ้งไปได้

            ด้วยหน้าที่ศรัทธาท้าใจกาย            คงความหมายเกินค่ากว่าชีวี

            ส่งใจข้ามขอบฟ้าห่วงหาเสมอ        หวังเพียงเธอนึกถึงผู้อยู่ที่นี่

            ขอให้รอวันรุ่งของพรุ่งนี้                ฟ้าคงมีพรชัยให้กับเรา

(หลังจากนั้นมาหลายปี ทราบข่าวว่าท่าน ผบ.เสียชีวิตแล้ว ที่อเมริกา เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓)

 

แรกที่ ๒ สโมสรนักศึกษารุ่นแรก

          เมื่อบรรยากาศประชาธิปไตยเริ่มเบ่งบาน  กิจกรรมนักศึกษา
ก็เริ่มจะคึกคัก เปิดเรียนในชั้นปีที่ ๔ ก็มีเพื่อนๆ จากคณะวิดยา
(แกนนำพรรค ฝั่งทับแก้ว) มาทาบทามให้ลงสมัครร่วมทีมงาน
สโมสรในตำแหน่ง
วิชาการ  แต่ความที่ไม่เคยคิดที่จะทำกิจกรรม
อันยิ่งใหญ่เช่นนี้เลยจึงได้ปฏิเสธไป และช่วงนั้นทำงานหารายได้
พิเศษอยู่ที่สวนประทีป (ร้านอาหารของอาจารย์ภาษาอังกฤษ)
บ่ายเบี่ยงมาเรื่อย จวนเจียนจะเสียท่าจึงปื้งไอเดียขึ้นมาได้ บอกไปว่า
ขอโทษนะ ที่เราร่วมทีมด้วยไม่ได้เพราะเราเป็นหนึ่งในทีมของพรรค
ฝั่งท่าพระ
  (พูดไปงั้นๆ แหละ ไม่รู้ด้วยว่าทีมนั้นมีใคร ที่ไหน อย่างไร) 
โธ่
!  คิดว่าจะรอดตัว ทีไหนได้  วันต่อมาเพื่อนๆ น้องๆ ร่วมก๊วนพากัน
โหวตให้ลงชิงในตำแหน่งอุปนายก คนที่ ๒ (คนที่ ๑ เป็นเขตท่าพระ)
ว้า
! แย่ยิ่งกว่าเดิมซะอีก  แต่ก็ขัดมติของเพื่อนๆ ที่คอยลุ้นอยู่ไม่ได้ 
(กรรมตามสนองที่ไปโกหกเขาไว้) สรุปแล้วก็มีแข่งขันกัน ๒ พรรค 
เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้  พรรคในสังกัดชนะการเลือกตั้ง   
จำต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นเด็กกิจกรรมไปเต็มตัว 
เป็นตั้งแต่อุปนายกยันภารโรงห้องสโมสร  คอยเป็นปู่โสมเฝ้าห้อง
เพราะน้องๆ ติดเรียนกันเป็นส่วนใหญ่   กลัวว่าน้องๆ จะเสียการเรียน
และพาลกลัวงานกิจกรรมจนเลิกล้มกลางคัน   พี่ใหญ่อย่างเราจึงอาสา
ลุยทะลุอยู่คนเดียว  โชคดีที่มีเพื่อนคอยให้ยืมเลคเชอร์ไปจด
(เน็ด หาญธรรมกุล และ เพ็ญศรี เจริญสุทธิพันธุ์)
มีรูมเมดที่น่ารัก (ศิริวรรณ ศรีวิมลวัฒนา) คอยหาข้าวปลาให้กิน
กวาดห้อง เช็ดถู ปูเตียงให้นอน  มีอาจารย์ที่แสนดีคอยเป็นกำลังใจ
และเป็นติวเตอร์ให้ตลอดปี  มีเพื่อนรักต่างดาวมาเป็นที่ปรึกษา
และช่วยงานเป็นประจำ  
กิจกรรมทุกอย่างราบรื่นและสำเร็จไปด้วยดี 
กิจกรรมที่ประทับใจ เช่น ช่วยผู้ประสพภัยน้ำท่วม  เข้าค่ายที่สุรินทร์ 
งานองค์พระ ๙ วัน ๙ คืน  และโดยเฉพาะงานต้อนรับคณะนักศึกษา
จากมหาวิทยาลัยมาเลเซีย  ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเพื่อนๆ
ชุมนุมภาษาอังกฤษอย่างดีเยี่ยม (ประธานชุมนุม
: ลอรัตน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) 

          

เฮ้!  จบแล้วจ้า  น้องตุ้มจ๋า  พี่ไม่  tag  ต่อใครล่ะนะ  O.K. มั๊ย.....Yes.....เย้ววววว 

 

 

                                                   

 

คำสำคัญ (Tags): #tag#ความลับ
หมายเลขบันทึก: 193802เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2008 15:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:17 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)
  • สวัสดีค่ะ พี่นายที่คิดถึง มาถึงเมืองไทยได้อาทิตย์นึงแล้วค่ะ ไม่มีโอกาสได้ใช้เน็ตเลย
  • พอดีวันนี้มาพัทยามีโอกาสได้ใช้เน็ตที่ล็อบบี้ที่โรงแรม เลยรีบเข้ามาทักทายพี่นายก่อนเพื่อนเลยค่ะ ขอทักทายก่อนแล้วจะอ่านความลับอีกที
  • ขอบคุณที่เข้ามาเล่าความลับให้ฟังค่ะ

สวัสดีจ้ะน้องตุ้ม

  • พี่ไปอยู่ กทม. ช่วงหยุด ๔ วัน  อบรมที่โรงแรมบางกอกพาเลส  แทบแย่เลยต้องทนกลิ่นเหม็นน้ำมัน กลิ่นบุหรี่ กลิ่นทินเนอร์ทุกคืน 
  • ระหว่างทางตอนที่เดินเข้าออกห้องและรอลิฟท์ ก็แทบจะกลั้นใจตาย
  • สุดท้ายก็ได้อาการแสบจมูก ระคายคอ และมึนศีรษะเป็นของแถม 
  • อบรมวันที่ ๒ ได้ข่าวลูกชายประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล ใจแม่ก็แทบจะขาดรอนๆ อยากจะรี่กลับไปหาลูกแทบจะทันที
  • พอวันกลับก็เปลี่ยนเป้าหมายจากเชียงรายเป็นเชียงใหม่ไปหาลูกก่อน

แวะมาอ่านค่ะ เคยได้ยินเพลงจากยอดดอยเหมือนกัน คิดว่าเป็นตำรวจตระเวณชายแดน

ทำกิจกรรมน่าสนุกนะครับ เป็นประสบการณ์ที่ดี

เป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงเหมือนกันค่ะ มีเรื่องให้หน้าแตกบ่อยๆ

สวัสดีค่ะคุณ pook

  • เป็นเพลงของทหารค่ะ  แสดงถึงปณิธานอันแน่วแน่ของนักรบไทย
  • คงอนุมาณถึงตำรวจตระเวณชายแดนได้นะคะ 

สวัสดีค่ะคุณ nida

  • เป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงอยู่ ๑๐ ปี
  • เรียนจบแล้วก็กลับบ้านนอก ไม่หวนกลับอีกเลย
  • ๒๕ ปีผ่านไป return BK อีกครั้ง ก็ยังสะเหร่อเหมือนเดิม

ได้เห็นเพลงจากยอดดอยแล้วคิดถึงสมัยยังสาวๆ

ร้องประจำทุกคืน คิดถึงแฟนตัวเองเขาเป็นทหารค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ tata

  • ดีค่ะ ได้แฟนเป็นทหารรั้วของชาติที่สมาร์ทมากๆๆๆ
  • คุณพ่อเป็นทหารค่ะ เคยไปรบที่เกาหลี ได้แวะไปเที่ยวญี่ปุ่น
  • ลูกก็เลยชอบดูหนังเกาหลี  มี Pen friend เป็นคนญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะคุณต่อ

ขอโทษนะคะ ลืมคุณต่อไปได้ ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม

ประสบการณ์วัยรุ่นสนุก และประทับใจมากๆ ค่ะ

เป็นนักกิจกรรมสนุกดีนะครับ

ไม่ได้เรียนครูแต่สอบเป็นครูได้ นับถือๆ

งานค่ายอาสาพัฒนาเป็นกิจกรรมที่ให้ประโยชน์ และน่าประทับใจค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ sangthum

  • ค่ายอาสาพัฒนาให้ประสบการณ์นอกห้องเรียนได้ดีค่ะ
  • ตอนจบใหม่ๆ อยากจะเป็นพัฒนากรมาก  พอไปสอบแล้วเขาไม่เอาค่ะ  เพราะกรรมการสอบสัมภาษณ์ ดูแล้วคงประเมินว่าหุ่นไม่ให้ ตัวก็เล็กๆ ผอมๆ คงจะไม่มีเรี่ยวแรงไปพัฒนาชาวบ้าน

 

สวัสดีค่ะคุณ noname

  • คงถูกลิขิตให้มาเป็นครูน่ะค่ะ
  • อยู่กับเด็กๆ คบเด็กสร้างบ้าน ล้มเหลวมั่ง สำเร็จมั่งคละเคล้ากันไป
  • สิ่งที่ได้คือความสดใสยังคงอยู่ในใจเรา  แม้ความเยาว์จะห่างไกลไปมากก็ตาม
  • ก็จะพยายามอุตสาห์ถูลู่ถูกังเป็นครูต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง
  • ขอบคุณค่ะ
  • ตามมาขอบคุณ
  • อ่านแล้วอึ้ง ทึ่ง แต่ไม่เสียว
  • โอโห ประสบการณ์ไม่ธรรมดา
  • ดีใจที่ได้อ่าน
  • พี่รู้ไหมเนี่ย
  • เขียนหนังสือได้หนึ่งเล่มเลย
  • น้องตั้งชื่อดีกว่า
  • เรื่อง  ชีวิตข้า ป้าแจ่มใส
  • อิอิๆๆๆๆๆๆ
  • ขอบคุณนะคะที่ช่วยตั้งชื่อหนังสือให้ไว้ล่วงหน้า
  • แล้วจะให้น้องเป็นคนพิสูจน์อักษรดีมั้ย  อิอิๆๆๆ

สวัสดีค่ะ ท่าน ผอ.ประจักษ์

  • ผีเสื้อสวยจังค่ะ
  • ขอบคุณนะคะที่แวะมาดู

จำผมได้ไหมครับ เราเคยร่วมงานกันช่วงหนึ่ง

สวัสดีค่ะคุณภากร

  • ยังจำคุณได้ค่ะ  เราทำหน้าที่เดียวกันในสโมสร
  • จำได้อีกค่ะ  เคยเป็นไกด์พาคุณชมนิทรรศการอะไรอย่างหนึ่งที่วังท่าพระ แต่ก็จำสับสนว่าเป็นนิทรรศการศิลปะ หรือสถาปัตย์
  • และคุณก็พาฉันกับเพื่อนไปชมนิทรรศการที่บางมดด้วย ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ลืมชื่อเดิมมหาวิทยาลัยของคุณน่ะค่ะ
  • อยากบอกลอรัตน์ว่าได้เผลอลบเมลที่ส่งมา คลิกหาใหม่ก็ไม่เจอ
  • หากเพื่อนได้กลับมาแวะหาอีกก็ช่วยส่งมาใหม่ หรือเขียนไว้ที่นี่เลยนะจ๊ะ  ขอโทษด้วยมากๆ 
  • ดีใจมากนะที่ได้ข่าวคราวจากเพื่อน

ได้ดูสารคดีอุทยานน้ำตกปางสีดา สวยงามมาก คิดถึงจัง

ท่องเที่ยวมาเรื่อยๆ เลยแอบมาดูความลับ อิ อิ หนุกจังนะ แต่สงสัยว่าเพื่อนรักต่างดาวเป็นไงกัน งงๆ เง็งๆ

สวัสดีค่ะคุณต้อย

เป็น E.T. จากดาวใดดีล่ะ ก็มาจากสายการเรียนค่ะ วิทย์ กับศิลป์ มีอยู่คนเดียว เลยจัดเขาเป็นพวก E.T. เจ้าตัวไม่รู้หรอก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท