เช้าวันที่ 9 มีนาคม 2551 เราตั้งนาฬิกาปลุกกันเจ็ดโมงเช้า ล้างหน้าแปรงฟัน กินกาแฟและขนมปังปิ้งกันคนละ 2 ชิ้น(ไม่แน่ใจว่า วันนี้เขาจะพาเราไปไหนกัน) เตรียมผัดข้าวผัดไปกินกลางวันด้วย (เมื่อคืนวาน ข้าวเหลืออยู่)
ออกเดินทางจากบ้านที่วิบเช่าไว้มาหามิเชล เกือบสี่โมงเช้า แล้วเราก็เดินไปตลาดเฉพาะวันอาทิตย์ ไม่น่าเชื่อว่าที่เมืองนอกมีตลาดเปิดท้ายด้วย (เขาเรียกว่า Second Hand Market)
ตลาดมือสองทีหมู่บ้านเพนกวิน
วิบบอกว่า ที่นี่เรียกว่า PENGUIN MARKET เราเดินดูด้วยความแปลกใจว่าที่นี่เขามีกันด้วยหรือ แต่ไม่ได้อะไรเพราะของมันใหญ่ขนกลับเมืองไทยไม่ได้แน่ ที่ติด ๆ กันกับตลาดเปิดท้ายมีสิ้นค้าใหม่ ๆ มาขายด้วย เราเดินดู เลือกซื้อได้มาหลายอย่างเหมือนกัน ที่นี่มิเชลซื้อสบู่ให้เราอีกแล้ว รู้สึกเกรงใจจัง (นึกในใจว่าเวลามิเชลไปเมืองไทยเราก็คงต้องบริการให้ดีกว่านี้)
หลังอาหารกลางวัน มิเชลพาเรากับพี่อุไรไปนั่งรถดูวิวชายทะเลซึ่งมีถนนทอดยาวไปตามชายหาด สวยมากแต่ว่าแดดแรงจนไม่กล้าเดินตามชายหาด ต่อจากชายหาดก็นั่งรถเข้าเมืองไปแวะห้าง (Woolworld , Coles Chickenfeed ฯลฯ) เรากับพี่อุไรก็ได้ของมาอีกหลายอย่าง เริ่มกังวลน้ำหนักของกระเป๋ากันแล้ว)
เย็นวันนี้มิเชลจะทำอาหารเลี้ยงเรา มีผักสำหรับทำสลัด ปลา กุ้ง หอย มันฝรั่ง วันนี้เรากินอาหารของมิเชลแล้วรู้สึกว่าอร่อยมาก (สงสัยเราปรับตัวได้แล้วมั๊ง) กินเสร็จก็นั่งดูโทรทัศน์ที่ไม่รู้เรื่องเลย จนเกือบสามทุ่มจึงกลับมานอนกับพี่อุไร
10 มีนาคม 2551
เช้าวันที่ 10 มีนาคม 2551 ตื่นกันแต่เช้ารีบแต่งตัว วางแผนกับพี่อุไรไว้ว่าจะออกไปเดินถ่ายรูปกันก่อนกลับ (เพราะมองเห็นต้นแอบเปิลสีแดงอยู่ระหว่างทางเข้าบ้าน) หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว พี่อุไรบอกวิบว่าจะออกไปเดินถ่ายรูป วิบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มาแล้วถามเบอร์พี่อุไร (เขากลัวเราหลง) พี่อุไรบอกว่าไม่ต้องห่วงเราจะกลับให้ทันเวลานัด
ต้นแอปเปิลแดง มีลูกหล่นเกลื่อนกลาดน่าเสียดายจริง ๆ
ต่อจากนั้นเราก็ย้ายรถมานั่งรถมิเชลโดยมีพี่อุไรตามมานั่งด้วย ขับรถมาเรื่อย ๆ จนถึง ANVERS CHOCOLATE FACTORY เป็นโรงงานเล็ก ๆ ที่ทำช๊อคโคแลทด้วยมือ เมื่อเดินเข้าไปก็มีประวัติการทำช๊อคโคแลท วิธีการทำ ที่น่าสนใจมาก
ที่นี่เราสั่งช๊อคโคแลทเย็น(ปกติกินร้อน) พอบริกรเอามาให้ต้องร้องโอ้โห้ ........จะกินหมดหรือนี่ ถ้วยใหญ่มาก เลยพูดว่า (ภาษาไทย) กินที่นี่อิ่มไปถึงเมืองไทยเลย แกรมถามพี่อุไรว่าเราพูดอะไร พี่อุไรแปลให้ฟัง ทั้งมิเชล วิบ แกรมหัวเราะกันใหญ่(ไม่รู้เข้าใจความหมายของเราหรือเปล่า) ทั้งเราและพี่อุไรกล้ำกลืนฝืนทนกินกันจนหมดแก้ว มิเชลหันมาบอกว่า “Arom ! another one ? ” เรารีบบอกว่า “No,Thank you so much”
หลังจากอาหารมื้อนี้แล้ว เรากับพี่อุไรก็แยกกัน เรานั่งรถมิเชลเดินทางกลับบ้าน เราเดินทางย้อนทางเดิมจนมาถึง John Temple Gallery มิเชลหันมาถามว่าจำได้ไหม เราก็ตอบ Yes
มิเชลก็ขับรถมาเรื่อย ๆ จนมาถึง Beauty point ก็แวะเข้าไปรับเดวิท เรากับครอบครัวมิเชลกินอาหารกลางวันกันที่นี่ (สงสัยจะแพงน่าดู) แล้วเราก็เดินทางกลับบ้านมิเชลด้วยความปลอดภัย สิ้นสุดวันหยุด.......ที่สนุกสนาน ขอบคุณในความเอาใจใส่ของมิเชลและครอบครัว
เมืองที่ว่านี้ อ่านว่าอะไรแล้วอยู่ในประเทศอะไรเหรอครับ
ขอบคุณครับคุณครู
ทำให้ผมรู้สึกว่า ควรต้องตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ครับ