"ผู้ให้อภัยง่าย ก็คือ ไม่โกรธง่ายนั่นเอง" ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะฝึกจิตให้ไม่โกรธง่าย จึงควรต้องฝึกตนให้เป็นผู้มีเหตุผล เคารพเหตุผล นั่นคือ ให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้ที่ตนอยากจะโกรธ เมื่อเห็นอกเห็นใจด้วยเหตุผลแล้วจะได้ ไม่โกรธจะได้อภัยให้ในความผิดพลาด หรือ บกพร่องของเขา กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิดเมตตาในผู้ที่ตนอยากจะโกรธนั่นเอง...
"สิ่งที่สำคัญ" คือ เรายังเป็นมนุษย์อยู่ย่อมมีความโกรธเมื่อเราถูกว่า หรือ ถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเราจึงได้โกรธ แต่เราจึงต้องระงับ ความโกรธด้วยการไม่โกรธและไม่อาฆาตพยาบาทเขา ถ้าพยายามแล้วทำไม่ได้ ก็พูดระบายออกมาบ้างก็ได้แต่อย่าไปยึดติดกับทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง และควรให้ "อภัย " กับเขาให้ได้ด้วยความจริงใจจากใจของเรานั่น...คือความสุขที่หามิได้แล้วในโลกนี้ คือ "การให้อภัย"
ตั้งรับไม่ได้สักที กับความโกรธ ยอมรับเรื่องการครองสติ ไม่นิ่ง สักที ครับ
สวัสดีค่ะคุณทศพล ผู้เขียนเองแต่ก่อนนั้นยอมรับอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง พอได้ยินอะไรหรือรู้ว่าเขาว่าตัวเรา โมโหและโกรธ ไม่สามารถระงับสติอารมณ์ตนเองได้เลยสักครั้งและไม่ยอมอะไรง่าย ๆ เพราะคิดว่าเราเองไม่ผิดทำไมต้องว่าเรา เคยเจอสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยเพราะเราเองเป็นคนที่ไม่เคยคิดร้าย อิจฉาริษยาใคร หรือทำให้ใครเดือดร้อน (แต่เราไม่ได้ว่าเราดี 100%) เราเองเป็นคนที่ปากไว ใจร้อน โมโหง่าย พอเจอเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้คือมีคนที่ไม่ชอบเราเขียนบัตรสนเท่ห์ด่าว่าเราอย่างหยาบคาย ทั้งที่มันไม่ใช่เลย? เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเขียนว่าเรา เราเองเครียดจัดโมโหโกรธแค้นจะดำเนินคดีกับเขาให้ได้ แต่เราเองไม่อยากให้สถาบันที่เราทำงานอยู่เสียเชื่อเสียง ประกอบก้บตัวเราเองเป็นคนยึดทางธรรมะ เชื่อเรื่องเวรกรรม จึงต้องยอมทุกๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง คือ "การให้อภัย" ถ้ายิ่งเราโต้ตอบและไม่ยอมก็จะมีแต่ทุกข์ใจตนเอง เราต้องชนะมารในใจเราให้ได้ แล้วมารภายนอกย่อมทำอะไรเราไม่ได้ เราก็จะสบายใจ คุณทศพลกว่าเราจะถึงวันนี้นะ...เราทุกข์ใจมามากมาย ปัจจุบันนี้นะหรือ? เราสบายใจทุก ๆ เรื่อง แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่โกรธ และโมโห เพราะเรายังเป็นมนุษย์อยู่จริงไหม? แต่ก็ต้องตั้งสติตนเอง ยับยั้งใจตนเองให้ได้และแล้วจะชนะทุก ๆ เรื่อง ให้เชื่อว่า "เวรกรรมมีจริง" และต้องอภัยให้ด้วยจากใจที่แท้จริง