Opensource กู้ชาติ


ปัจจุบันเราต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อสิทธิ์ในการใช้งานโปรแกรมจากต่างชาติ แต่ทำไมเราไม่สนใจจะไปใช้ของฟรีกันบ้างล่ะ...

เมื่อเช้านี้ (3 ก.ค. 51) ได้เห็นภาพข่าว ดร.วีรพงษ์ รามางกูล ออกมาแถลงให้รัฐบาลยอมรับและเปิดเผยความจริงเรื่องเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเปรียบเทียบเมื่อปี 40 เหมือนฟองสบู่แตก แต่ปี 51 จะเหมือนลูกโป่งแฟบ โดยลูกโป่งจะค่อย ๆ แฟบลงไปเรื่อย ๆ ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ราคาอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น

หรือจะพูดตามประสาชาวบ้านง่าย ๆ คือ ยุคข้าวยากหมากแพง รายได้ต่ำ รายจ่ายสูง เพราะอะไร ๆ ก็พาเหรดกันขึ้นราคาไปหมดเหลือเพียงอย่างเดียวที่ไม่ขึ้น คือ เงินเดือน

ถึงแม้รัฐหรือหลาย ๆ องค์กรจะพยายามประโคมข่าวการเพิ่มรายได้ของหน่วยงานต่าง ๆ บ้างแล้วก็เถอะ มันก็ยังเป็นส่วนน้อยอยู่ดี

(แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การขึ้นเงินเดือนก็มักจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับขึ้นตามอยู่ดี)

เหตุที่เป็นเช่นปัจจุบันเพราะทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นความจำเป็นพื้นฐานของสังคมเศรษฐกิจไปเสียแล้ว

เราคงจะไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับเศรษฐีน้ำมันได้หรอกครับ แม้ว่าจะมีคนพยายามสร้างกลุ่มผู้ค้าข้าวคล้าย ๆ กลับกลุ่มผู้ค้าน้ำมันแล้วก็ตาม ยังไงเสียจะทำนาข้าวก็ยังต้องอาศัยน้ำมันของแขกอาหรับอยู่ดีครับ หรือว่าจะมีคนเอาควายมาไถนา เทียมเกวียน เหมือนก่อนเก่า

เราสู้เรื่องน้ำมันไม่ได้เราก็ต้องหาทางประหยัดด้านอื่นกันต่อไป

แต่เราก็แก้ไขปัญหาด้วยการเปลี่ยนจากเติมน้ำมันไปเติมแก๊ซกันทำให้วงการแก๊สปั่นป่วน และผลเดือดร้อนกลับมาผู้บริโภคคือ แก๊สหุงต้มถูกจำกัดในการซื้อ และราคาส่อเค้าจะแพงขึ้นในอนาคต

ทางรัฐบาลหรือหน่วยงานเศรษฐกิจไม่ลองหันกลับมามองว่าวันหนึ่ง ปีหนึ่งประชาชนคนไทย หน่วยเศรษฐกิจของไทย ได้ส่งเงินออกไปนอกประเทศเพื่อแลกกับสินค้าอุปโภค บริโภคอะไรบ้าง

ถึงวันนั้นรัฐก็จะรู้ว่าอะไรควรจะแก้ไขก่อนอย่างจริงจังกันเสียที

สิ่งหนึ่งที่บางหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญออกมาประโคมข่าวกันเป็นพัก ๆ แต่ก็เหมือนไฟไหม้ฟาง นั่นคือ โอเพ่นซอร์ส (Opensource)

อย่าว่าแต่ให้ประชาชนนำมาใช้จนเป็นเรื่องปกติเลยครับ เพราะปัจจุบันนี้ใน Nectec เองยังคงใช้หรือสนับสนุนการใช้ระบบงานของไมโครซอฟท์ ซึ่งถ้าหากใช้งานกันจริงจังก็ต้องจ่ายเงินซื้อเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เชื่อลองเข้าไปดูในเว็บนี้ดูสิ http://www.nectec.or.th/index.php?option=com_weblinks&catid=94&Itemid=152 ยังคงมีการสอนหรือแนะนำการใช้โปรแกรมที่ต้องซื้อมาด้วยเงิน หรือไม่ก็เสี่ยงทำผิดกฏหมายลิขสิทธิ์อีกหลายรายการ

และคงไม่มีใครเถียงว่าทุกวันนี้เราจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับไมโครซอฟท์ปีหนึ่งกี่พันล้านบาท ไม่ต้องคิดมากแค่ซื้อโน๊ตบุค 1 เครื่องต้องจ่ายค่า oem ให้ไมโครซอฟท์เพื่อแลกกับกระดาษและรหัสไม่กี่หลักสนนราคาหลักพัน อย่างต่ำก็ 3 พันบาทต่อเครื่อง คิดง่าย ๆ แค่นี้ก็เยอะเอาการ

นี่ยังไม่นับรวมหน่วยงานทางธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องติดตั้งระบบราคาว่ากันเป็นล้านบาทขึ้นไปอีกหลายหน่วยงาน

เงินเหล่านี้ไปไหนครับ... ไหลออกนอกประเทศอย่างชัดเจน

แล้วเราจะแก้ได้หรือไม่...

แก้ได้แน่นอนครับถ้าเราคิดที่จะทำ แต่ช่วงแรกมันจะยากพอสมควร เพราะเราถูกฝังในสมองให้หายใจเข้าออกเป็นไมโครซอฟท์เสียแล้ว

เริ่มต้นเรียนคอมพิวเตอร์ก็ต้องรู้จัก Windows ต่อมาก็หัดใช้ MS-Word, MS-Excel และ MS-Power Point จากนั้นก็หัดใช้ MS-Outlook และโปรแกรมอะไรต่อมิอะไรบนพื้นฐานของวินโดว์ทั้งสิ้น

ครั้นเมื่อเรียนจบมาแล้วเข้าไปทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ เมื่อต้องซื้อซอฟแวร์หรือติดตั้งระบบก็จะคิดถึงผู้มีพระคุณคือ ไมโครซอฟท์ทันทีทันใด เป็นต้นว่า พัฒนาระบบเว็บด้วย asp ติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ด้วย IIS และจัดเก็บฐานข้อมูลด้วย MS-SQL Server พัฒนาระบบด้วยโปรแกรม Macromedia Dreamweaver (ไม่ใช่ของไมโครซอฟท์) ก็ต้องอาศัยพื้นฐานของไมโครซอฟท์อีกนั่นแหละ

แล้วท่านผู้อ่านรู้หรือไม่ว่าโปรแกรมที่กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อสักบาทเลยก็ว่าได้ เพราะมีโปรแกรมแบบเดียวกันสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ๆ จากอินเตอร์เน็ต แล้วติดตั้งใช้งานได้เลยมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น Linux ค่าย Redhat เช่น Fedora, CentOS ค่าย Debain ที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ Ubuntu (ผู้เขียนก็ใช้ OS นี้เช่นกัน)

แล้วโปรแกรมพวก Office ต่าง ๆ ก็มี OpenOffice โปรแกรมทำเว็บเซิร์ฟเวอร์ก็มี Apache โปรแกรมจัดเก็บฐานข้อมูลก็มี MySQL และโปรแกรมเขียนเว็บก็มีให้โหลดมากมาย

ไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องจ่ายเงินนอกเสียจากค่า ADSL

แล้วลองหลับตาคิดสิว่าถ้ารัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติให้ทุกหน่วยงานของรัฐมาพัฒนาระบบงานด้วย Opensource กันให้หมด (ส่วนไหนที่ไม่มี Opensource ทดแทนก็ยังใช้แบบเดิมไปก่อน) แล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกันไปอีกไม่กี่ปีเราก็ไม่ต้องจ่ายค่าซอฟท์แวร์ราคาแพงกันเลยใช่หรือไม่ครับ

แล้ววันนั้นเราจะช่วยชาติประหยัดเงินกันเท่าไหร่ล่ะครับ...

หมายเลขบันทึก: 191930เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2008 10:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท