สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างบ้าน และ สถานศึกษาด้วยอินเทอร์เน็ต


เป็นเรื่องดีนะครับ ที่รัฐบาลผลักดันให้ทำงานผ่านทางอินเทอร์เน็ต ถ้าเป็นได้จริงอยากให้นักเรียนมาเรียนแค่ 3-4 ชั่วโมงก็กลับบ้านได้แล้ว เหมือนที่อเมริกา ทำไมเขาถึงทำได้

           อินเทอร์เน็ต ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ มี คนเป็นจำนวนมากที่จะต้องเข้าไปใช้งานและบริการต่างๆในอินเทอร์เน็ตเป็นประจำ และวันใดที่ว่างเว้นการใช้อินเทอร์เน็ตไป จะรู้สึกหงุดหงิดมาก วงการศึกษาของเราก็มีความตื่นตัวในเรื่องนี้มากเช่นกัน สถานศึกษาหลายๆแห่ง ได้พยายามพัฒนาศักยภาพด้าน IT ตามกำลังความสามารถและงบประมาณอันจำกัดเท่าที่มีอยู่ จนสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของสถานศึกษา เข้ากับเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เพื่อส่งเสริมในด้านการเรียนการสอนและบริการให้นักเรียนเข้าไปใช้ประโยชน์ ในการติดต่อสื่อสาร สืบค้นแหล่งความรู้และแหล่งบันเทิง บนเครือข่ายนี้ และ แนวโน้มของสถานศึกษาที่ดำเนินกิจกรรมอินเทอร์เน็ตในลักษณะนี้ จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในเวลา 4 ปีนี้ จะดำเนินการให้สถานศึกษาทุกแห่ง สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด
          สถานศึกษาที่มีความพร้อมด้าน IT จะมีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้สอนนักเรียนในวิชาคอมพิวเตอร์ตามหลักสูตร มีการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสอนให้นักเรียนรู้จักการเข้าเว็ป (Web) สร้างโฮมเพจ (Home page) ใช้ เครื่องมือค้นหา (Search Engine)   ความรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และรู้จักการเรียนการสอน แบบ e – learning  เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งสถานศึกษาบางแห่งอาจจะมีคอมพิวเตอร์ ติดตั้งในห้องสมุด ให้นักเรียนได้ สืบค้นข้อมูล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ตได้ด้วย
          อินเทอร์เน็ต กับการนำมาใช้เพื่อการเรียน การสอน นั้นได้มีพัฒนาการและการประยุกต์ การใช้งานมาโดยลำดับ จนเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังมีแนวทางอื่นๆอีกหลายแนวทางที่ สถานศึกษาสามารถพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายอินเทร์เน็ต มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการเสริมสร้างประสิทธิภาพทางการศึกษา ซึ่งแนวทางที่ผู้เขียนมีความสนใจในขณะนี้ คือการนำไปใช้เพื่อลดช่องว่างระหว่างบ้านซึ่งในที่นี้ คือ ผู้ปกครองนักเรียน กับ ทางสถานศึกษา ซึ่งประกอบด้วยครู/อาจารย์ และผู้บริหาร ให้มีความใกล้ชิดกัน เพื่อจะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ดูแลและพัฒนา นักเรียนให้ประสบผลสำเร็จในการศึกษาสูงสุด ลดปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนหรือเยาวชนของชาติที่มีมากมายในขณะนี้
ช่องว่างระหว่างบ้านและสถานศึกษา
 
          ช่องว่างระหว่างบ้านและสถานศึกษา หรือผู้ปกครองและครูนั้น นับวันช่องว่างนี้จะขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อวงการศึกษามาก เช่น ปัญหานักเรียนหนีเรียน ทะเลาะวิวาทกัน และที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนี้คือปัญหายาเสพติด ตามที่ได้รับทราบจากสื่อสารมวลชน หรือ บางครอบครัวกำลังเจอกับตัวเองในขณะนี้ ในสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผู้ปกครองส่วนใหญ่ มักจะคร่ำเคร่งกับการประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ในแต่ละวัน จึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะให้ความดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิดได้ และผู้ปกครองบางท่านอาจจะมีโอกาสไปสถานศึกษาปีละครั้ง ในวันมอบตัวนักเรียนในเทอมแรก หรือไปในโอกาสที่ทางสถานศึกษาเชิญไปรับทราบความผิดของนักเรียน ซึ่งเป็นปลายเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว นอกจากโอกาสดังกล่าวแล้ว ผู้ปกครองอาจจะไม่มีโอกาสไปสถานศึกษาพบปะกับครูอาจารย์อีกเลย อีกประการหนึ่งเวลาว่างของผู้ปกครองและของครู/อาจารย์อาจจะว่างไม่ตรงกัน จึงทำให้โอกาสที่จะได้พบกันนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะทราบ ผลการเรียนของนักเรียน และพฤติกรรมของนักเรียน จากเอกสารรายงานผลการเรียนที่ทางสถานศึกษาฝากนักเรียนหรือส่งตรงมาให้ผู้ปกครองรับทราบ หากข่าวสารที่ทางสถานศึกษาส่งมาให้เป็นข่าวสารในทางลบของตัวนักเรียนเอง และนักเรียนมีความจงใจที่จะไม่ให้ผู้ปกครองรับทราบข่าวสารดังกล่าว นักเรียนก็สามารถทำได้หลาย ๆ วิธีด้วยกัน เพื่อไม่ให้ข่าวสารนั้นถึงมือผู้ปกครอง และสุดท้ายผู้ปกครองก็จะไม่ได้รับข่าวสารของลูกหลานจากทางสถานศึกษาเลย สำหรับผู้ปกครองที่มีลูกหลานอยู่ในวัยรุ่น และเห็นเขาไปสถานศึกษาทุกวัน ก็ประเมินด้วยตนเองว่าเด็กในปกครองของตนขยัน หมั่นเพียรดี จึงไม่อยากจะสอบถามเกี่ยวกับการเรียนมากนัก เพราะลูกหลานที่เป็นวัยรุ่นเหล่านี้ส่วนใหญ่เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบให้ใครมาจุกจิกจู้จี่ สอบถามในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะกับการที่ผู้ปกครองจะมาสอบถามบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องการเรียน ความประพฤติ และการคบเพื่อนฝูงในสถานศึกษา 

          นักการศึกษาได้ให้ความสนใจและเห็นความสำคัญเรื่องนี้มาก ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการประสานสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและครูอาจารย์ว่าจะมีค่อนข้างใกล้ชิดกันมากอย่างเห็นได้ชัดในชั้นอนุบาล กับประถมศึกษาตอนต้น เนื่องจากในวัยนี้เด็กยังเล็กอยู่มากและต้องการความดูแลและเอาใจใส่จากทุกๆฝ่าย และแล้วความสัมพันธ์ใกล้ชิดดังกล่าวมีท่าทีที่ค่อย ๆ เบาบางและจางหายไป จนในที่สุดผู้ปกครอง และครูส่วนใหญ่ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และ เลยไปถึงระดับมหาวิทยาลัย อาจจะไม่รู้จักกันเลย กลายเป็นคนแปลกหน้า เมื่อพบกัน เนื่องจากมีการติดต่อสัมพันธ์กันน้อยมาก ประเด็นนี้เป็นปัญหาที่น่าห่วงมากในสังคมไทยเพราะเด็กในวัยตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาขึ้นไปเป็นวัยรุ่น ที่ค่อนข้างจะมีปัญหามากกว่าเด็กวัยอื่นๆ ดังนั้นทางบ้าน และ สถานศึกษา ควรจะมีความใกล้ชิดกัน เพื่อร่วมกันวางแนวทางแก้ปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
          การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อลดปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นระหว่างบ้านและสถานศึกษา น่าจะเป็นแนวทางที่น่าสนใจอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนมองเห็นว่า ศักยภาพ ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และการเลือกนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม น่าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ ระหว่าง บ้าน และ สถานศึกษา ที่ กำลังขาดหายไป ให้กลับมาใกล้ชิดและร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น.
สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างบ้าน และ สถานศึกษาด้วยอินเทอร์เน็ต
         
           ด้วยศักยภาพของ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระดับโลกสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายทั่วโลกให้ติดต่อถึงกันได้ ทำให้โลกนี้เป็นโลกไร้พรมแดน(Globalization) ทุกคนที่เข้ามา เครือข่ายนี้สามารถ ติดต่อถึงกันได้ สามารถค้นหาข้อมูลได้ จากที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้อินเทอร์เน็ตจึงได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานมากมายในหลากหลายวิทยาการ รวมทั้งในด้านการศึกษา ซึ่งมีการนำมาใช้ในหลายรูปแบบ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ด้วยศักยภาพของอินเทอร์เน็ตนี้จะขจัดปัญหาเรื่องของความห่างไกลของระยะทางระหว่างบ้านของนักเรียนแต่ละคนกับสถานศึกษาได้ และสร้างความใกล้ชิดติดต่อประสานสัมพันธ์กันบนเครือข่ายนี้
          การติดต่อสื่อสารกันด้วยคอมพิวเตอร์ระหว่างบ้านและสถานศึกษา โดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น ในปัจจุบันนี้มีโอกาสเป็นไปได้มาก เนื่องจากแนวโน้มของผู้ปกครองส่วนใหญ่โดยเฉพาะที่อยู่ในเมือง จะมีความคุ้นเคยและใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำทั้งที่ทำงาน บ้าน หรืออาจจะไปใช้ตามร้านบริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่มีการเปิดบริการกันมากมายในขณะนี้ สิ่งที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้ปกครองทางบ้าน ที่พร้อมจะติดต่อผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์มายังสถานศึกษาได้ตลอดเวลา มาถึงขั้นตอนนี้วงการศึกษาคงจะต้องตั้งคำถามถามตัวเองแล้วกระมังว่า สถานศึกษาของเรามีความพร้อมเพียงใดสำหรับการเปิดประตูติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองทางบ้าน

การเตรียมการสำหรับสถานศึกษา
          สถานศึกษาที่มีความก้าวหน้าทันสมัยในการนำ IT มาใช้ในการเรียนการสอนในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกระดับการศึกษาทั้งที่เป็นสถานศึกษาในสังกัดของรัฐบาล และเอกชน สถานศึกษาเหล่านี้มีความพร้อมทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ดังนั้นหากสถานศึกษาเพิ่มการบริหารจัดการอีกเพียงเล็กน้อยก็จะช่วยให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างบ้านและสถานศึกษาได้ สำหรับการเตรียมการดังกล่าวของสถานศึกษาคงจะมีดังต่อไปนี้
          1.   สถานศึกษาต้องกำหนดรหัส e-mail ประจำตัวของครูอาจารย์ทุกคน และประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้ปกครองรับทราบบริการนี้ของสถานศึกษา นอกจากนั้นสถานศึกษาจะต้องขอทราบรหัส e-mail ของผู้ปกครองด้วย เพื่อจะได้ติดต่อส่งข่าวสารกัน
          2.   ฝึกอบรมความรู้พื้นฐานด้าน IT ให้กับครูทุกคน เพื่อให้สามารถสร้างโฮมเพจของตัวเองได้ สามารถติดต่อสื่อสารด้วย e-mail หรือ ICQ ได้ นอกจากนั้นสถานศึกษาอาจจะเตรียม Dial-up Network อำนวยความสะดวกให้ครู/อาจารย์สามารถติดต่อกับ server ของสถานศึกษาโดยผ่านทางสายโทรศัพท์   เพื่อครู/อาจารย์จะได้ตอบ e-mail ให้ผู้ปกครองหรือปรับปรุงโฮมเพจทางวิชาการของตนเองในขณะที่มีเวลาว่างอยู่ที่บ้าน
          3.   กำหนดเป็นนโยบายของสถานศึกษาให้ครูอาจารย์ ติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครอง ผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่นการใช้ e-mail หรือ ICQ ครูอาจารย์จะต้องตรวจดู e-mail เป็นประจำและจะต้องตอบ e-mail ของผู้ปกครองทุกฉบับอย่างรวดเร็ว
          4.   สถานศึกษาจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาความปลอดภัย ของเครือข่ายด้วย เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาทำลายข้อมูล หรือทำความเสียหายกับเครือข่าย เช่น การกำหนดรหัสผ่านสำหรับผู้ปกครองหรือบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาสืบค้นข้อมูล สารสนเทศต่างๆในโฮมเพจของสถานศึกษา
          5.   สถานศึกษาจะต้องเตรียมข้อมูลและสารสนเทศทั้งของสถานศึกษาและตัวนักเรียนเอง เช่น
                   ตารางจัดกิจกรรมของนักเรียน และสถานศึกษาในแต่ละสัปดาห์
                   ฐานข้อมูลของนักเรียน ทั้งผลการเรียน ความประพฤติ เป็นต้น
                   รายชื่อครูอาจารย์ พร้อม e-mail ของแต่ละคน
                   ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลเด็ก จิตวิทยาของเด็กที่ผู้ปกครองควรทราบ
                   การแนะแนวทางการศึกษา
                   เชื่อมโยง (Link) โฮมเพจที่พิจารณาเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับผู้ปกครองไว้ที่โฮมเพจของสถานศึกษา เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้ของผู้ปกครอง
                       เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เตรียมไว้เพื่อบริการให้ผู้ปกครองเข้ามาสืบค้นหา และดูข้อมูลได้
          6.   บริการที่ทางสถานศึกษาจัดขึ้นเพื่อการติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองนั้น สถานศึกษาควรเปิดให้เครื่อง server บริการการติดต่อผ่านทางเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเข้ามาสืบค้นข้อมูลที่โฮมเพจของสถานศึกษาได้ตลอดเวลา
          7. หากเป็นไปได้สถานศึกษาควรสนับสนุนให้ครู/อาจารย์ สามารถมีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเองเพื่อใช้ที่บ้านได้ โดยสถานศึกษาที่มีความพร้อมอาจจะมีบริการให้ครู/อาจารย์สามารถกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือไม่คิดดอกเบี้ยเลย ในการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ของครู/อาจารย์ และคาดหวังว่าครู/อาจารย์จะได้ใช้เป็นเครื่องมือในการเตรียมการสอน และร่วมกิจกรรมนี้กับทางสถานศึกษาได้อย่างเต็มที่
ผลประโยชน์ที่ผู้ปกครองคาดหวังว่าจะได้รับ         
          หากกระผมเป็น ผู้ปกครองของนักเรียน และในแต่ละวันมีภาระกิจ การงานมาก ไม่ค่อยมีเวลาสอบถามผลการเรียนของลูกหลาน และไม่ค่อยมีโอกาสไปสถานศึกษาเพื่อพบกับ ครู/อาจารย์ ที่สถานศึกษา มากนัก เมื่อได้รับทราบบริการติดต่อสื่อสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครอง กระผมจะมีความสะดวกที่จะใช้ คอมพิวเตอร์จากที่ต่างๆเช่น ที่บ้าน สำนักงาน ร้านอินเทอน์เน็ตคาเฟ่ หรือที่ใดก็ได้ที่มีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และกระผมมีความคาดหวังว่าบริการนี้น่าจะช่วยให้ผู้ปกครองได้รับประโยชน์ ดังต่อไปนี้
          1. สามารถติดต่อสื่อสาร ทาง อีเมล์ หรือ ICQ กับครูประจำชั้น อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ประจำวิชา และผู้บริหารสถานศึกษา ของสถานศึกษาที่ลูกหลานกำลังศึกษาอยู่ได้ เพื่อจะได้ทราบผลการเรียน และ ทราบความเป็นไปของลูกหลานในสถานศึกษาและ ในชั้นเรียน
          2. สามารถ เข้าไปสืบค้นดูข้อมูล ผลการเรียนของลูกหลาน จากฐานข้อมูล ผลการเรียน ที่ทางสถานศึกษาได้จัดเตรียมไว้แล้ว เพื่อจะได้ทราบว่าลูกหลานของเขา
               เก่ง / อ่อนในวิชาใด.
               สอบแก้ตัวครบทุกวิชา แล้วหรือไม่
               มี คะแนนเฉลี่ย คะแนน GPA และ PR ในแต่ละชั้นปี อยู่ในระดับใด
เป็นต้น           
          3. สามารถเข้าไปสืบค้นดูรายชื่อเพื่อนร่วมชั้น และเพื่อนสนิทของ ลูกหลาน ตัวเองได้ โดยผ่านการสืบค้นข้อมูล จากฐานข้อมูลนักเรียนรายชั้นเรียน ซึ่ง ข้อมูลของเพื่อนร่วมชั้นนี้ จะเป็นประโยชน์ กับผู้ปกครองมาก ในการติดตามสอบถาม ความเคลื่อนไหว ลูกหลาน ของตนได้ เมื่อมีความจำเป็น
          4. ในกรณีลูกหลานเป็นเด็กเล็กอาจจะอยู่ในระดับ Nursery ผู้ปกครองมีความห่วงกังวลกับลูกหลานมาก เขาก็น่าจะสามารถ คุย สอบถาม พี่เลี้ยงทาง อีเมล์ หรือ ICQ เป็นระยะๆ และหากมีกล้อง วิดิโอติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องเลี้ยงเด็กด้วย ผู้ปกครองก็สามารถเห็นภาพพฤติกรรมของลูกหลานที่เป็นเด็กเล็กได้ตลอดเวลา
          5. สามารถใช้เป็นเส้นทาง รับ - ส่ง เอกสาร โดยตรงกับ ครูประจำชั้น เช่น
               ส่งใบลา ของนักเรียน
               เอกสาร แจ้งผลการเรียน ของนักเรียน
               เอกสารรายงานความประพฤติของนักเรียน
          6. สามารถเข้าไปเรียกดู ข่าวสาร ที่เกี่ยวกับ การจัดกิจกรรมของสถานศึกษาในแต่ละสัปดาห์ เช่น กิจกรรม กีฬา ลูกเสือ ร.ด. ทัศนศึกษา เป็นต้น เพื่อผู้ปกครองจะได้ทราบกิจกรรมดังกล่าวล่วงหน้า และสามารถตัดสินใจได้ทันทีเมื่อลูกหลานขออนุญาต กลับบ้านช้า หรือ ขออนุญาต ไปร่วมกิจกรรม ของสถานศึกษา
          7. หากทางสถานศึกษา ต้องการสำรวจความคิดเห็น หรือขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง เพื่อปรับปรุง กฎระเบียบ ของสถานศึกษา หรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ สถานศึกษาสามารถ ส่งแบบสำรวจผ่านทาง web และ ผู้ปกครองสามารถตอบกลับได้ทันที สำหรับการตอบแบบสอบถามผ่านทาง Web นี้ จะอำนวยความสะดวกมากในการประมวลผลของการสำรวจได้ทันที ตามโปรแกรมคอมพิวเตอร์
          8. สามารถชำระ ค่าเล่าเรียน หรือ ค่าธรรมเนียม อื่น ๆ ให้กับสถานศึกษา โดย ชำระในระบบ Online บนเครือข่ายนี้.
          การนำศักยภาพของอินเทอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คงจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างบ้านและสถานศึกษาให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยสถานศึกษาเพียงแต่เพิ่มกระบวนการจัดการ การใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การฝึกอบรมครู/อาจารย์ให้มีความรู้ด้าน IT สามารถใช้ e-mail ติดต่อกับผู้ปกครองได้ และการเตรียมสารสนเทศในโฮมเพจของสถานศึกษาให้พร้อมและสมบูรณ์สำหรับการไปสืบค้นข้อมูลของผู้ปกครอง ซึ่งหากพิจารณาถึงการลงทุนที่สถานศึกษาจะต้องดำเนินการเพิ่มเติมจากทรัพยากรที่มีอยู่นั้น ก็จะลงทุนเพิ่มเพียงเล็กน้อย แต่ผลที่ได้จะคุ้มค่าเนื่องจากจะช่วยส่งเสริมการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพได้สูงขึ้น
แหล่งข้อมูลประกอบการศึกษา
http://www.ibm.com/solutions/education/learningvillage
http://schools.moe.edu.sg/oss 
 

หมายเลขบันทึก: 191897เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2008 07:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท