เมื่อกล่าวถึงส้มโอต้องนึกถึงส้มโอขาวแตงกวา เพราะว่ามีรสชาติที่กลมกล่อมจนเป็นที่เลื่องลือถึงความอร่อยที่เป็นเลิศกว่าส้มโอสายพันธุ์อื่น แต่ว่าถ้าไปปลูกในถิ่นอื่นก็ยากนักที่จะผลิตให้รสชาติเหมือนกับปลูกที่จังหวัดชัยนาท อาจจะเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศ สภาพของดินในจังหวัดชัยนาท และความชำนาญการปลูกของเกษตรกรที่บ่มเพาะความรู้ความสามารถมายาวนาน
จากความสำคัญของส้มโอขาวแตงกวา สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท จึงจัดคัดกรองความรู้การผลิตส้มโอขาวแตงกวา จากเกษตรกรต้นแบบผู้มีความชำนาญการผลิตส้มโอ โดยคัดเกษตรกร 9 คนจากอำเภอเมืองชัยนาท มโนรมย์ และ สรรคบุรี ประกอบด้วยนายสว่าง อ่อนศรี นางทองหยิบ นิยมธรรม นายอุดม สุขนาม นายชัชชัย ทับทอง นายวินัย ขำกล่ำ นายแหวน เอี่ยมฉ่ำ นายสุชิน เนียมทอง น.ส.สุธิสา ชื่นสันต์ นางสมนึก อ่อนศรี โดยมีเกษตรจังหวัดชัยนาท (นายรังสรรค์ กองเงิน) เป็นผู้อำนวยการจัดเวที พอสรุปความรู้ได้ดังนี้
แรกเริ่มถ้าจะคิดปลุกส้มโอขาวแตงกวาจะต้องมีใจรักก่อน แหล่งน้ำ แหล่งน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นน้ำบาดาลที่มีสนิมเหล็กจะต้องมีแหล่งพักน้ำไว้ไม่ต่ำกว่า 3 วัน ดิน ควรเป็นดินร่วน ไม่เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมขัง และควรนำดินวิเคราะห์เพื่อทราบชนิด และธาตุอาหารในดิน
การเตรียมดิน จะต้องปรับสภาพดินให้เรียบสม่ำเสมอเพื่อสะดวกแก่การระบายน้ำ ไถตากดินทิ้งให้แห้ง ก่อนเตรียมแปลงปลูกตามสภาพของพื้นที่หรือประเภทของสวน พื้นที่ลุ่ม ปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างด้วยปูนตามค่าวิเคราะห์ดินหรือประมาณ 500 กก./ไร่ หว่านให้ทั่ว ยกร่องกว้าง 6-8 เมตร ร่องน้ำลึก 1 เมตร กว้าง 1-1.5 เมตร บางรายปล่อยน้ำให้ท่วมแปลงทิ้งไว้ 10 วัน เพื่อกำจัดศัตรูพืช และให้เม็ดดินประสาน พื้นที่ดอน ไม่ต้องยกร่องเพียงทำทางระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมขัง
การปลูก หลังจากเตรียมกิ่งพันธุ์ที่เลือกกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ ตรงตามพันธุ์ ปราศจากโรคและแมลงที่จะระบาดต่อไปในอนาคต ควรเลือกซื้อในส่วนที่เชื่อถือได้ เตรียมหลุม โดยพูนดินปลูกทำเป็นโคกสูง 20-30 ซม. ย่อยดินให้ละเอียด หากเป็นกิ่งตอนที่ตัดมาใหม่ ๆ ควรตัดกิ่งให้มีจำนวนน้อยลง เอาใบอ่อนออกครึ่งหนึ่ง กิ่งตอนเหล่านี้ควรมัดรวมกันจุ่มน้ำให้มิดต้นทิ้งไว้จนฟองอากาศหมด ตั้งกิ่งให้ตุ้มแช่น้ำทิ้งไว้ 1 ช.ม. นำขึ้นไปพักรอปลูก แต่ไม่ควรเกิน 4 วัน และต้องจุ่มแช่น้ำทุกวัน นำไปปลูกตรงกลางแอ่งที่ทำไว้บนโคกให้ระดับของดินอยู่เหนือตุ้มกาบมะพร้าวของกิ่งตอนประมาณ 5 ซ.ม. ข้อสำคัญอย่าลืมแกะเอาเชือกหรือตอกและผ้าพลาสติกที่หุ้มตุ้มตอนออกด้วย แต่ถ้าเป็นกิ่งตอนที่ชำแล้วให้วางต้นกล้าส้มโอลงหลุม กรีดถุงพลาสติกดึงออกอย่าให้ดินแตกกลบดิน รดน้ำทันทีเพื่อให้เม็ดดินกระชับราก การค้ำกิ่งต้องปักหลักเอียง 45 องศา 1-3 หลักเพื่อป้องกันลมพัดโยก ควรใช้เชือกก้านกล้วยและหมั่นตรวจเสมอ ป้องกันขาดก่อนหรือแน่นเกิดไป จนกว่ากิ่งจะมีรากยึดลำต้นลมไม่สามารถโยกลำต้นได้จึงปลดออก และควรให้น้ำสม่ำเสมอ โดยสังเกตความชื่นในดิน แต่ไม่ควรแฉะเกินไป
การดูแลรักษา การใส่ปุ๋ย ขึ้นอยู่กับสภาพดินและอายุของต้นส้ม ส้มปลูกใหม่ใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1 ขีด ต่อต้น ประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง สังเกตลักษณะของส้ม ส้มโอยังไม่ให้ผล (อายุ 1-3 ปี) ใช้ปุ๋ยสูตรเสมออัตรา 200 กรัมต่อต้น เพิ่มปริมาณขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของทรงพุ่มส้มโอ หลังปลูก 1 เดือนใส่ปุ๋ย 25-7-7 อัตรา 50 กรัม/ต้น ส้มโอที่ให้ผลผลิตแล้ว (อายุ 4 ปีขึ้นไป) ใส่ปุ๋ยเคมี 2 ช่วงคือ
หลังเก็บเกี่ยวผล เมื่อตัดแต่งกิ่งเสร็จใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอต้นละ 1 กก. ขึ้นไป และปุ๋ยอินทรีย์ 5 กก./ต้น หว่านให้ทั่วทรงพุ่ม
- เมื่อส้มโอติดผล ผลอายุ 2 เดือน ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ สูตร 16-16-16 หรือ15-15-15 อัตราต้นละ 2 กก. ขึ้นไป และใส่ปุ๋ยปรับปรุงบำรุงผลผลิตเพื่อเพิ่มความหวานให้ส้มโอสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 อัตรา 2 กก./ต้น หว่านรอบทรงพุ่ม การให้น้ำนั้นไม่ความให้ขณะพื้นดินแฉะน้ำ ควรปล่อยให้พื้นแห้งแล้วจึงให้น้ำพอชื้นก่อนใส่ปุ๋ย และรดน้ำพอชุ่มอย่าโชกเกินไป และควรใส่ควบคู่กับปุ๋ยอินทรีย์โดยเฉพาะขี้ค้างคาวจะมีสภาพดีมากในส้มโอ เนื่องจากมีฟอสฟอรัสและโพแทสเซี่ยมสูงทำให้รสชาติดีมาก
- การให้ปุ๋ยทางใบ สามารถให้เป็นระยะ ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของส้มในแต่ละพื้นที่ เช่น แคลเซี่ยม โดยใช้สลับกับธาตุอาหารเสริม ฉีดพ่นช่วงแตกใบอ่อน ไม่ควรฉีดพ่นบ่อยสังเกตใบ ใบเหลืองเส้นใบเขียว ใบด่าง แสดงอาการขาดธาตุสังกะสี (Zn) ปีละไม่ควรเกิน 4 ครั้ง ดูที่อาการใบเป็นหลัก
โรคและแมลงศัตรูพืช โรครากเน่าโคนเน่า ใช้เชื้อราไตรโครเดอร์ม่าใส่ลงดินเพื่อป้องกันโรครากเน่า โรคแคงเกอร์ จะระบาดมากในช่วงต้นฤดูหนาวใช้สารเคมีกำจัดหนอนชอนใบ ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันโรค ในส่วนของแมลงศัตรูพืช ที่สำคัญ คือ เพลี้ยไฟ ไรแดง หนอนชอนใบและเพลี้ยหอย ใช้สารเคมีฉีดพ่นป้องกัน-กำจัด
การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวผลส้มโออายุ 7-8 เดือน หลังออกดอก
การตัดแต่งกิ่ง ถ้าตัดแต่งกิ่งดีจะออกดอกดี ถ้าตัดแต่งกิ่งไม่ถูกต้องแล้วจะไม่ออกดอกในฤดูถัดไป ควรควบคุมพุ่มทุกระยะ ตัดกิ่งกระโดงภายในทรงพุ่มให้หมด ในส่วนกิ่งแขนงในทรงพุ่มต้องเก็บไว้บ้างเพื่อให้ออกดอกในฤดูถัดไป การตัดควรตัดชิดลำต้นหรือกิ่งหลัก หลังตัดต้องมีการใส่ปุ๋ยและรดน้ำ
ชอบกินแต่ไม่ชอบปลูก...อิอิ
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
ขอให้ประสบความสำเร็จทุกาอย่างที่คุณต้องการ