เรื่องของ...


บางครั้งผู้ใหญ่ก็ทำสิ่งต่างๆให้เด็กและเป็นห่วงเด็กมากเกินไป จนลืมคิดไปว่าเด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆในยุคสมัยที่เขากำลังเติบโตขึ้นมาได้ดีกว่าผู้ใหญ่

ตอนที่ 1

สวัสดีค่ะ หนูชื่อจีนเป็นเด็กผู้หญิงสี่ขวบครึ่ง ป้าบอกให้หนูเขียนเรื่องเล่าลงในบล็อกที่ป้าทำกับเพื่อนๆ ที่จริงหนูยังเขียนหนังสือไม่เป็น แต่ป้าบอกว่าจะช่วยเขียน หนูก็เลยตกลง เพราะปกติหนูก็เป็นเด็กหัวค่อนข้างอ่อนอยู่แล้ว เลยเชื่อตามป้า

ป้าบอกว่าแรงจูงใจครั้งสำคัญที่ทำให้ป้าอยากให้มีเรื่องเล่าของหนูลงบล็อก เพราะในการไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องเกี่ยวกับเด็กครั้งหนึ่ง ขณะที่ป้ากำลังบรรยายถึงเด็กในช่วงขวบปีแรก ที่ค่อยๆมีความสามารถต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆหลังเกิด และพอเริ่มคืบคลานหรือเดินได้ เด็กๆก็อยากทำอะไรหลายอย่างที่เคยเห็นคนอื่นๆเขาทำกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดลิ้นชักตู้ การหยิบจับของหลายอย่างที่ไม่เคย การเดินไปมา แต่ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะคอยบอกว่าเด็กซน ทั้งๆที่เด็กๆไม่รู้หรอกว่าซนคืออะไร แล้วในที่สุดก็ค่อยๆรู้เพราะได้ยินผู้ใหญ่พูดบ่อยมากๆ ป้าบอกว่าที่ป้าบรรยายแบบนี้เพื่ออยากให้ผู้ใหญ่ได้เข้าใจเด็กตั้งแต่เล็กๆ ลองมองในมุมของเด็กบ้าง แต่ในวันนั้นขณะที่ป้ากำลังบรรยาย ก็มีคนลุกขึ้นถามว่า เด็กเขามีสิทธิ์ที่จะคิดหรือทำอะไรเองด้วยหรือ ป้าบอกว่าป้าถึงกับอึ้งชั่วขณะเพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีคำถามแบบนี้จากคนที่มาฟัง ก่อนจะพยายามค่อยๆอธิบายว่าเด็กทุกคนมีความสามารถในการรับรู้เรียนรู้ และค่อยๆเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวตั้งแต่เกิด เขาก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะคิดและทำอะไรในด้วยตัวเองบ้าง หลังจากวันนั้นป้าก็คิดว่าสงสัยต้องเริ่มทำอะไรเพื่อเด็กๆจากประเด็นเรื่องสิทธิเด็ก เพราะป้าจำได้ว่าหนูเคยสงสัยและถามป้าหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่า ทำไมอะไรๆก็มีแต่ของผู้ใหญ่ ของในบ้านหรือนอกบ้านก็มีแต่ที่เป็นขนาดของผู้ใหญ่ หนูอยากช่วยหั่นผักทำกับข้าวก็ทำไม่ได้ อะไรๆก็ผู้ใหญ่ทำได้แต่เด็กทำไม่ได้ ซึ่งความคับข้องใจทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็มักจะมีแต่คำอธิบายที่เป็นของผู้ใหญ่ว่า เด็กยังเล็ก ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นอันตราย พอโตขึ้นก็ค่อยๆทำได้เหมือนผู้ใหญ่เอง ฟังผู้ใหญ่อธิบายหรือห้ามหลายๆครั้ง เด็กๆอย่างหนูก็เริ่มชิน แล้วก็เลิกสงสัยไปเอง

ป้าบอกว่าสังคมโลกโดยรวมในปัจจุบันมีแต่เรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นมากมาย ที่นับวันจะทำให้คนคิดถึงแต่ตัวเอง เพราะแค่เรื่องของตัวเองก็จะเอาตัวไม่ค่อยรอดกันซักเท่าไหร่แล้ว เรื่องสิทธิของเด็กจึงเป็นเรื่องที่พูดกันอยู่แต่ในห้องประชุมหรือเป็นแค่ตัวหนังสือในกระดาษเท่านั้น ถ้าผู้ใหญ่ในโลกนี้คิดถึงอนาคตของเด็กที่กำลังเติบโตขึ้นมา คงไม่ช่วยกันทำให้โลกอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆอย่างที่เห็นๆกันอย่างทุกวันนี้ ป้าโม้ให้หนูฟังว่าป้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องเด็ก และอยากเห็นเด็กมีโอกาสพัฒนาอย่างมีความสุข ก็เลยต้องหาทางกับเพื่อนๆช่วยกันทำบางอย่างเล็กๆน้อยๆ เผื่อจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยก็ในสังคมไทย ซึ่งที่จริงก็มีข้อดีหลายอย่าง แต่ข้อที่ขัดขวางการพัฒนาของเด็กอย่างยิ่งคือการที่อยู่ในระบบอุปถัมภ์อย่างเหนียวแน่น (หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไร) ทำให้ดูคล้ายมีความเอื้ออาทรต่อกันจนมองไม่ออกว่าเป็นการบั่นทอนการพัฒนาของเด็กในบางครั้ง ป้าบอกว่าผู้ใหญ่ในสังคมไทยชอบทำให้เด็ก หลายคนอาจคิดว่าเด็กเป็นสมบัติของพ่อแม่หรือครอบครัว ที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่เท่านั้น บางครั้งผู้ใหญ่ก็ทำสิ่งต่างๆให้เด็กและเป็นห่วงเด็กมากเกินไป จนลืมคิดไปว่าเด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆในยุคสมัยที่เขากำลังเติบโตขึ้นมาได้ดีกว่าผู้ใหญ่ เด็กซึมซับและปรับตัวได้มากกว่า แต่ผู้ใหญ่หลายคนที่เข้าใจผิดว่าตัวเองอาบน้ำร้อนมาก่อนและรู้มากกว่าทุกเรื่อง จึงไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เด็กได้คิดตัดสินใจ ได้ลองทำบางอย่าง ที่จริงๆแล้วอาจเหมาะกับยุคสมัย หรือเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกนี้มากกว่า ป้าเชื่อว่าสังคมไทยคงไม่พัฒนาไปถึงไหนถ้าเราไม่มีคนรุ่นใหม่ที่ดีและเก่งกว่าคนรุ่นปัจจุบัน

ป้าสรุปทิ้งทายเรื่องยากๆของวันนี้ว่า ตอนนี้ป้าแค่อยู่ในช่วงวัยกลางคน ป้ายังรู้สึกหลายครั้งว่าป้าคิดอะไรได้ช้าลง ทำอะไรที่เป็นทักษะใหม่ๆของคนในยุคสมัยปัจจุบันได้ไม่คล่อง มีหลายเรื่องที่ป้ามั่นใจว่าคนที่เป็นลูกศิษย์และรุ่นน้องๆทำได้ดีกว่า และป้าก็ปล่อยให้เขาทำ ซึ่งหลายครั้งเขาก็ทำได้ดีกว่าป้าจริงๆ แต่ที่ป้าอดเป็นห่วงไม่ได้ก็คือ เห็นคนรุ่นใหม่ที่มีไฟหลายคนเริ่มเหนื่อยล้ากับการที่ต้องทำอะไรๆหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และชักเริ่มมีประสิทธิภาพถดถอยเหมือนจะเริ่มเข้าสู่วัยกลางคนคล้ายๆป้ายังไงไม่รู้ ป้าหวังว่าแนวโน้มเหล่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในระบบที่ป้าทำงานอยู่ คนอื่นๆที่อยู่ในระบบที่มีกฎเกณฑ์น้อยกว่า คงจะมีคนรุ่นใหม่ที่ทำงานอย่างกระตือรือร้นและสร้างสรรค์มากกว่า เพราะถ้าคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มเป็นอย่างที่ป้าเห็น ป้าจะอดเป็นห่วงอนาคตของชีวิตหนูไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ป้าเคยเชื่อว่ายังไงๆหนูก็คงปรับตัวและอยู่ในโลกนี้ได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีเรื่องที่ทำให้ต้องห่วงบ้าง ป้าก็ยังคงยึดมั่นหลักการการช่วยให้หนูสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้นทุกๆวันทีละเล็กทีละน้อย พร้อมๆไปกับการมีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการมีชีวิตในอนาคต เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าที่ป้าไม่อยู่ด้วยแล้ว หนูเป็นคนที่ต้องคิดตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร

หมายเลขบันทึก: 191265เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2008 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท