ความในใจของครูผู้สอนที่ต้องทำ“โปรแกรมระบบบริหารสถานศึกษา” (SMIS)


“ถ้าผู้บริหารไม่ตระหนัก ครูประจำชั้นไม่ตระหนัก แล้ว คนทำข้อมูลจะทำสำเร็จได้อย่างไร??”

ในการจัดทำข้อมูลของสถานศึกษา "โปรแกรมระบบบริหารสถานศึกษา" (SMIS) เป็นโปรแกรมซึ่งมีทั้งระบบงานสถานศึกษา    ระบบงานนักเรียน    ระบบงานบุคลากร    โรงเรียนทุก ๆ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  จึงต้องจัดทำข้อมูลโดยใช้ข้อมูล  10  มิถุนายน  ของทุกปี  และหากจะถามว่าทำไปทำไม??    ก็ต้องเข้าใจว่า  ยุคนี้เป็นยุคของไอที  ดังนั้นข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญ   สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  จึงต้องมีการดำเนินการจัดการข้อมูลสารสนเทศให้ถูกต้อง แม่นตรง และรวดเร็ว ตั้งแต่ระดับสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และส่วนกลาง เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ   โดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้กับนักเรียนในโรงเรียน  แต่ก่อนนั้นการรายงานข้อมูลนักเรียนจะรายงานเป็นเอกสาร  เป็นกระดาษ  ทำให้ข้อมูลไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง  เพราะจะเกิดเด็กผีเกิดขึ้นเพราะเด็กแต่ละคนจะเป็นฐานการคำนวณ  งบประมาณ  ที่ทางหน่วยเหนือจะจัดสรรให้โรงเรียน  เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามา  จึงได้หันมาใช้   "โปรแกรมระบบบริหารสถานศึกษา"  (smis)  เริ่มแรกนั้นเรียก "obec"   ถ้าถามว่าดีไหม?  ก็ต้องตอบว่าดี  แต่หากถามใจคนทำก็ต้องตอบว่าเหนื่อยมาก  เพราะครูผู้สอนเป็นผู้ทำ  ทำไมล่ะ?  โรงเรียนจะต่างกับสำนักงานเขตพื้นที่  เพราะเจ้าหน้าที่บนเขตทำงานด้านเดียว  เขาจะนั่งทำนั่งคีย์ข้อมูลทำไปพักไป  เล่นไป  ไม่เครียดใช่ไหม?  แต่ครูล่ะ!     ต้องสอน  ต้องทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทั้งงานพิเศษและงานประจำ  เมื่อต้องทำงานจัดทำข้อมูลบริหารสถานศึกษาหรือที่เรียกว่า "smis"   เพิ่มขึ้นโดยมีกรอบเวลาเป็นตัวกำหนด  ครูผู้สอนจึงเครียดและเหนื่อยมาก

            ผู้บริหารเคยเข้าใจหรือเห็นใจครูผู้สอนที่ต้องทำเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า?  หรือทราบแต่เพียงว่าเมื่อถึงเวลาตามที่เขตพื้นที่กำหนด  โรงเรียนก็มีงานส่ง  เราไม่ได้ปฏิเสธงาน  เต็มใจและพอใจที่จะทำงานให้โรงเรียนเสมอ  แต่การจัดทำข้อมูลนักเรียนนี้  ครูประจำชั้นต้องเก็บข้อมูลนักเรียนให้ตามแบบกรอกข้อมูลตามความต้องการของโปรแกรม  เพราะถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป  โปรแกรมก็จะปฏิเสธไม่บันทึกข้อมูลให้  แต่ครูประจำชั้นไม่ให้ความสำคัญกับข้อมูล  ผู้บริหารก็เพิกเฉย  แล้วเราจะเอาอะไรไปจัดทำล่ะ!  เมื่อไปทวงถามก็จะมีอาการไม่พอใจและก็ทำให้แบบขอไปที  คนทำเครียดมากต้องแก้ปัญหาตลอดเวลาที่คีย์ข้อมูล  เราต้องการที่จะทำให้ข้อมูลสมบูรณ์ที่สุด  เพื่อประโยชน์ของโรงเรียนซึ่งจะเกิดกับเด็ก  เมื่อถึงชั่วโมงสอนก็ต้องสอนผู้บริหารไม่เคยสนใจว่าเราจะทำอย่างไร?  สอนเด็ก  คีย์ข้อมูล  บางครั้งต้องทำงานธุรการ  รับส่งเอกสารระบบe-office ลงทะเบียนนักเรียน  นักเรียนย้ายเข้า  ย้ายออก  บางวันเหนื่อยมากกลับถึงบ้านถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง  วันนี้เป็นวันที่  25  มิถุนายน  2551  เป็นวันที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำหนดให้ส่งข้อมูล  ก็ต้องเสร็จแต่กว่าจะถึงวันนี้  5  วันที่นั่งทำ  ปวดหลังมาก  เหนื่อย  แต่ก็พอใจที่งานเสร็จสมบูรณ์  ใครไม่เห็นความพยายามของเราที่ทำงานนี้สำเร็จ  เทวดาก็คงเห็นนะ  นี่แหละกรรมของคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็น  แต่เราก็ได้รู้จักตัวตนของครูหลาย ๆ คนดีขึ้นนะ  บางคนแย่มากทำงานไม่น่าจะเป็นครูสอนเด็ก  ทำงานเพียงขอผ่านไปที  แต่บางคนก็ชื่นชมการทำงานของเขา  สำหรับงานนี้

"ถ้าผู้บริหารไม่ตระหนัก  ครูประจำชั้นไม่ตระหนัก  แล้ว  คนทำข้อมูลจะทำสำเร็จได้อย่างไร??" 

ดีใจจังที่งานเสร็จทันเวลา

หมายเลขบันทึก: 190477เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2008 21:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

โปรแกรมไม่มีประสิทธิภาพใช้งานยากมาก ทำให้ไม่อยากใช้

ระบบนี้ต้องทำใหม่ เขียนโปรแกรมให้ใช้ง่าย

ในเองไทย ไม่ให้ความสำคัญกับโปรแกรมเมอร์เท่าใหร่

เป็นอีกคนหนึ่งที่บังเอิญสามารถเรื่องคอมพ์แบบงู ๆ ปลา ๆ ตามประสาคนชอบศึกษาและชอบเทคโนโลยี เลยต้องมารับหน้าที่ "ขยำ" smis ด้วย พบปัญหามากเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ความสามารถในการแก้ปัญหาของเรา "ดีจริง ๆ" ถึงช่วงฤดูกาลทำงานชิ้นนี้ทีไรนอนหลับฝันเห็นแต่ข้อมูล คิดดูเถอะว่าเครียดหรือไม่เครียด ทำมาหลายปีแต่มารับช่วงต่อจากคนอื่นที่เขาไม่อยากทำแล้วยังให้มาแก้ปัญหาข้อมูลเก่าที่ผิดพลาดมาก ๆ อีกด้วย ขนาดนี้ความดียังไม่ปรากฏ สิ่งที่ได้รับก็คือคำตำหนิในที่ประชุมครู เมื่อพบว่าข้อมูลผิดพลาด และส่งงานไม่ทันกำหนดเนื่องจากเป็นโรงเรียนใหญ่ข้อมูลมาก ครูส่งข้อมูลช้า โอ๊ยสารพัดปัญหาไม่อยากซุย คนที่ทำงานนี้จะเข้าใจกันดีโดยเฉพาะถ้าเป็นโรงเรียนใหญ่ที่ต้องคีย์ข้อมูลคนเดียวกับเครื่องเดียวไม่ได้ใช้ระบบแลนด์

เอาเป็นว่า เราเข้าใจกัน คิดในทางบวกว่า สวรรค์เปิดโอกาสให้เราทำในสิ่งดี ๆ เพื่อส่วนรวมประเภทปิดทองตูดพระ เอ๊ย..หลังพระ (ดีไม่ดีพระตดใส่อีกแน่ะ!)แต่ก็ภูมิใจนะ ที่เราเป็นคนมีคุณค่า!

ขอบคุณมาก ๆ สำหรับตวามรู้สึกในการทำ smis ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ งานไม่ยากเรามีความสามารถทำได้ไม่มีปัญหา แต่การได้มาซึ่งข้อมูลนั้นยาก ถ้าผู้บริหารไม่ตระหนักในเรื่องนี้ คนทำลำบากมาก

แวะมาทักทายค่ะ

ทำโปรแกรมนี้มาทุกๆปี

ก็เป็นโรงเรียนไม่ใหญ่

ครูก็ไม่พอ

หอบคอมไป-มาระหว่างบ้าน โรงเรียน

ปัญหาก็มีมากเหมือนกันค่ะ ก็ไม่แน่ใจว่าใครๆจะเข้าเราแค่ไหน  ในปัญหา  อุปสรรคต่างๆ

ก็พยายามทำดีที่สุดค่ะ 

บางทีก็เหนื่อยมากๆ...เพราะทำหลายโปรแกรม ข้อมูลสารสนเทศ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคอมฯ  งานนึงเสร็จ  งานนึงเข้า

สอนเกือบทุกวิชาและ  ประจำชั้นด้วย

มีความสุข...สุขภาพแข็งนะคะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

ขอบคุณความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กับครูที่ต้องทำงานข้อมูล  นอกเหนือจากการเรียนการสอน  บางครั้งเราต้องปลอบใจตัวเองว่า "ผู้บริหารเขาไว้ใจเรา  เชื่อมั่นในตัวเรา  เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ดีที่สุด" 

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ ผมเข้าใจคนที่ทำงานด้านนี้ทุกคน ยากตรงต้องเก็บข้อมูลแล้ว ต้องเรียนรู้การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์อีก เปลี่ยนบ่อยมากสำหรับบ้านเมืองเรา และยิ่งหนักตรงคนเก่าออกไป ย้ายไป ไม่มีใครรับ เคราะห์กรรมจึงตกทอดกันมาครับ ข้างบนไม่ได้มาดูปัญหาต่างๆหรอกครับว่าเครื่องใช้งานได้แค่ไหน ความเร็วเป็นอย่างเพียงแต่แทงหนังสื่อว่ามอบฝ่าย...ดำเนินการส่งด่วน เข้าใจและเห็นใจครับแต่ต้องทำใจจริงๆ

ใช่  สิ่งที่คุณพูดนั่นถูกต้องที่สุด  คนรับผิดชอบงานนี้จะเข้าใจ  การที่เราทำเสร็จทันเวลาข้อมูลถูกต้องผู้บริหารเขาจะเฉย ๆ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่มาปลื้มกับเราหรอกสิ้นปีต้องลงโปรแกรมใหม่เสมอมาเพราะคอมเจ๊ง  วันจันทร์นี้ก็ต้องลงโปรแกรมใหม่อีกแล้ว ธุการโรงเรียนกว่าจะลงโรงเรียนงานก็ส่งแล้ว  ไม่ทราบเขาจะให้ลงมาทำอะไร  เวรกรรมของคณูแท้ ๆ

เห็นด้วยค่ะ

ดิฉันก็เพิ่งมารับหน้าที่ smiss ที่ รร.กรอกปีแรก

และก็รับหน้าที่ ทะเบียน (student) ด้วย ปีแรกเหมือนกัน

ก็เลยรบกวนผอ.ออกคำสั่งให้คณะครูที่ปรึกษาช่วยกันกรอก

หรือไม่เราทำบันทึกข้อความขอความร่วมมือคณะครูที่ปรึกษากรอกเลยค่ะ

เสนอผอ.ให้ ผอ.อนุมัติซะเลย

(บังเอิญอายุน้อยกว่าเค้าด้วย )เราต้องเสนอผอ.ค่ะ งานที่ต้องขอความร่วมมือครูเนี่ย

ไม่งั้น ซี้แหง แก๋ ค่ะ

แต่ตอนนี้มีปัญหาว่าต้องติดตั้งระบบแลนให้แล้วเสร็จก่อน มีใครแนะนำบ้างไหมคะ

บางอย่างทำเองไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่างเขานะ  ไม่งั้นเขาเรียนจบมาจะไม่งานทำจ้ะ

ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ต้องมานั่งทำโปรแกรม smis คงเป็นเรื่องปกติแล้วมั้ง  เพราะตั้งแต่เริ่มใช้ OBEC จนกระทั่งปัจจุบันนี้เป็น smis ก็รับผิดชอบเรื่องนี้มาตลอด (ผู้บริหารคงคิดว่าเราเก่งเราทำเป็นคนเดียว)  และทุกปีเสมอมา เมื่อเริ่มปีการศึกษาใหม่ 10  มิถุนายน คอมก็เดี้ยงข้อมูลในเครื่องไม่มีแล้ว  ต้องลงโปรแกรมใหม่ จากประสบการณ์จึงต้องเก็บก้อนข้อมูลไว้

  ปีนี้ชุมพรเขต 1 มาแปลก ไม่มีการเรียกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ smis อบรม  เขาให้ทำเองลุยเอง ไม่รับรู้ว่าใครหรือโรงเรียนใดจะทำได้หรือไม่  เขตนี้ครูเก่งนะทำได้และไม่ต้องง้อธุรการโรงเรียน  เพราะกว่าธุรการโรงเรียนจะลงปฏิบัติงานในโรงเรียน smis ก็เสร็จแล้ว

เขาจ้างธุรการไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ ครูยังลำบากนั่งคีย์ข้อมูล

ระบบ School For Web เป็นระบบงาน สารสนเทศโรงเรียน เพื่อใช้ในการบริหารงานฐานข้อมูลโรงเรียน ทำงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทั้งระบบ100% โดยไม่ต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งหรือระบบใดระบบหนึ่งติดตั้งอยู่บน เครื่อง PC โดยมีระบบบริหารจัดการฐานข้อมูลในส่วนต่างๆที่เชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด ภายในตัวโปรแกรมมีระบบการทำงานทั้งหมด 20 ระบบหลัก และ 12 ระบบงานย่อย รวมทั้งสิ้น 32 ระบบ ทำให้โรงเรียนไม่ต้องจัดหาระบบใดจากที่อื่นอีก ซึ่งหากจัดหาระบบจากที่ต่างๆ สุดท้ายระบบที่ได้มาก็ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ เช่น ซื้อระบบห้องสมุดมาแต่รายชื่อสมาชิกไม่เชื่อมโยงกับงานทะเบียนเป็นต้น

ระบบ School For Web แต่ละระบบจะใช้ฐานข้อมูลเดียวกันทำให้

สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งระบบในครั้งเดียว ความสามารถของระบบ

School for Web เป็นระบบที่มีการบริหารจัดการเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัย

แต่ใช้งานง่าย เหมือนโปรแกรมแบบ ประถม ทุกอย่างทำงานผ่าน อินเตอร์เน็ต ซึ่งนั่นหมายถึงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถบริหารจัดการข้อมูลโรงเรียนได้ บนพื้นฐานความปลอดภัยของระบบ ไม่ต้องกังวลเรื่องไวรัส

และการสูญหายของข้อมูล โรงเรียนสามารถสำรองข้อมูลเก็บไว้ได้เอง

ตลอดเวลา และนอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้ตลอดเวลา

ทุกระบบทำงานผ่าน WEB Browser พัฒนาแบบ Web Application เชื่อม

โยงถึงกันทั้งระบบ ใช้ฐานข้อมูล Mysql หรือ Oracle และสามารถพัฒนา

ระบบ อื่นที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

ผู้บริหารและบุคลากรสามารถทำงานได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา ระบบ schoolforwebได้รับการทดสอบแล้วว่า ไม่ว่าโรงเรียนจะมีขนาดใหญ่นักเรียนหลายพันคน หรือ โรงเรียนขนาดเล็กนักเรียนไม่ถึงหนึ่งร้อยคน บุคลากรจะมีความสามารถ หรือไม่ อายุขนาดใดก็สามารถใช้งานได้ วันนี้ทำให้โรงเรียนวัดมีเทคโนโลยีเทียบเท่าโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่...โรงเรียนขนาดใหญ่มีเทคโนโลยีเทียบเท่าสากล...(ระบบทั้งหมดไม่ได้สำคัญอยู่ที่ว่าโรงเรียนต้องมีคนทำหรือคนเก่งในโรงเรียนจึงจะใช้งานระบบนี้ได้.. แต่สำคัญที่ว่าโรงเรียนจะมีวิธีการอย่างไรให้มีข้อมูลในระบบ....แล้วโรงเรียนก็เริ่มโดย ครู/บุคลากร/นักเรียน/ผู้บริหาร ใช้งานข้อมูลเป็น...แก้ไขข้อมูลเป็น...แล้วก็เพิ่มข้อมูลเป็น ค่อยๆเรียนรู้...วันหนึ่งก็ทำได้...นี่คือสูตรสำเร็จสำหรับโรงเรียนที่พร้อมจะมีระบบสารสนเทศโรงเรียน...วันนี้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ......?.วันนี้โรงเรียนของท่านมีฐานข้อมูลโรงเรียนที่เป็นส่วนกลางที่ผู้บริหาร/ครู/บุคลากร/นักเรียน/ผู้ปกครอง/หน่วยงานต้นสังกัด สามารถเข้ามาร่วมกันใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาสถานศึกษาหรือยัง)

 Ico24 ครูชู. ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ  ปี 54 นี้ทำบนเว็บ Data Center 2011 เพิ่งจะยืนยันข้อมูลเช้านี้  ข้อมูลจะถูกต้อง  สมบูรณ์ หรือดี ต้องขึ้นอยู่กับครูประจำชั้นว่ามีความรับผิดชอบมากน้อย คนคีย์ข้อมูลต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อข้อมูลไม่สมบูรณ์ ไม่งั้นก็คงยืนยันไม่ได้ "ถ้าผู้บริหาและครูไม่ตระหนัก อย่าหวังเลยว่าข้อมูลนี้จะดีได้ดังใจหวังของ สพฐ."

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท