เมื่อกลางเดือนได้เข้าร่วมในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งในการจัดก็มีรูปแบบเหมือนการประชุมคือมีประธานในที่ประชุม และมีวาระ โดยในครั้งนี้ท่านเกษตรจังหวัดได้มาเน้นย้ำในเรื่องแนวทางการพัฒนากลุ่มตามบันได 9 ขั้น คือ การให้ความรู้ การออม การลงหุ้น การรวมซื้อ รวมขาย เป็นต้น (อ่านต่อรายละเอียด) ซึ่งเป็นแนวทางที่ตัวผู้เขียนเองไปได้นำไปใช้และจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ในเครือญาติมาปีกว่าๆ และตอนนี้ก็มีสมาชิกอยูหกสิบกว่ารายชื่อแล้ว โดยวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำกับคนรุนเก่า และเล่าต่อกับคนรุ่นใหม่ และในภาคบ่ายก็เป็นการแบ่งกลุ่มอภิปราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มอำเภอ 3 กลุ่ม และกลุ่มผู้รับผิดชอบงานเคหกิจอีก 1 กลุ่ม รวมเป็น 4 กลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในงานที่ทำ และนำเสนอผล
สิ่งที่พบเจอที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ในฐานะที่เป็นตัวจักรหนึ่งที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นหนึ่งในพี่เลี้ยงกลุ่ม ทำหน้าที่แบบขลาด ๆ กลัว ๆ ว่าจะล่วงล้ำกำเกินหรือเปล่า หรือจะให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเปล่า ด้วยปัญหาที่ว่า 1) ไม่ชัดเจนถึงเป้าหมายของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่าต้องการอะไรกันแน่ (เป้าหมาย) เพราะจากประสบการณ์ปีที่แล้วในฐานะมือใหม่หัดจัดการความรู้กับปีนี้ที่เริ่มเก๋าขึ้น ......แต่ผู้เขียนก็สบสนว่าเอ๊ะใช่หรือ 2) ไม่ชัดเจนว่าสิ่งที่กลุ่มมานำเสนอใช่หรือไม่
ยกตัวอย่างว่า ....กลุ่มหนึ่งมาเล่าว่าได้ลงหุ้นกันเท่านั้นเท่านี้บาทเพื่อทำขนมจากขาย และสามารถขายได้กำไรเอามาแบ่งกันกี่บาทก็แล้วแต่ล่ะนะ แล้วมาสรุปว่ากำไรที่ได้คือ KA อะไรทำนองนี้ แนวทางนี้ใช่หรือเปล่า.....ซึ่งถ้าไม่ใช่แล้วทำไมทีมพี่เลี้ยงจะไม่ตบแต่งให้เข้ารูปเข้ารอย มีคนพูดว่า...นี่คือบริบทที่จะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับผู้เข้าประชุม แต่เราก็...เอ๊ะ มันใช่หรือ หรืออีกกลุ่มก็มานำเสนอว่าไปประชุมกลุ่มฯมา มีรูปมาประกอบ มีสมาชิกเข้ากี่คนๆ ก็สงสัยอีกว่าสาระสำคัญคืออะไร นี่ใช่การจัดการความรู้หรือเปล่า....
คนรู้จักสนิทในที่ทำงานบอกว่า สงสัยมากแบบนี้ สงสัยให้เพื่อเกลียด (ฮา)
ด้วยความสงสัยมาก ๆ เข้าก็เลยไปเปิดหนังสือคู่มือการจัดการความรู้ในงานส่งเสริมการเกษตร ก็ถอดมาได้ว่า
1.กำหนดเป้าหมาย......สิ่งที่ต้องการคืออะไร
2.กำหนดวิธีการ....การสร้างกลุ่มแลกเปลี่ยน
ค้นหาแหล่งเรียนรู้ ....ใน/นอกชุมชน (ของเรา)
สร้างเวที............เชิญผู้รู้
..........ไปหาผู้รู้
3.นำความรู้ที่ได้มาสังเคราะห์--ทดลอง--เปรียบเทียบ----สร้างเป็นความรู้ของตัวเอง (บทสรุป)
เพื่อให้ได้อะไร ... 1.วิธีการทำงานในงานของตัวเองที่มีประสิทธิภาพ
2.ความรู้ชัด ลึก รอบ ในงานของตัวเอง
ต้องขอออกตัวอีกครั้งว่าการเขียนในครั้งนี้เป็นเพียงข้อสังเกตส่วนตัวที่มาประกอบกับการไม่ชัดเจนของตัวเอง (มิได้เจตนาจะเป็นการตำหนิใคร ถ้ามีการล่วงเกินไปก็โปรดอภัยให้ด้วย) จึงเกิดคำถามและการแสวงหาความรู้ เขียนมาเพื่อให้ผู้อ่านได้เสนอแนะ เพื่อเพิ่มพูนความรู้แก่ผู้เขียนด้วย....ขอบคุณค่ะ
ตามที่เขียนในคู่มือก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพียงแต่ว่าในการทำงานจริง ๆ เราอาจหวังผล 100% แต่ส่งที่ทำได้อาจเริ่มแค่ 10% ก็ถือว่าได้เริ่มต้นแล้วจากที่ไม่เคยจดบันทึก ก็ได้เริ่มจดบันทึก เมื่อมีข้อเสนอแนะที่คิดว่าเขาน่าจะเพิ่มเติมก็เสนอแนะไปเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น โดยเป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อพัฒนาตัวเราเอง (ความเข้าใจในเรื่อง KM) พัฒนางานของเรา ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดต่าง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องโกรธกัน) สุดท้ายคือการพัฒนากลุ่มเกษตรกร (คงต้องใช้เวลา และความตั้งใจ ก็บรรลุผลสำเร็จได้)
นี่คือความเห็นของเรานะ ก็ลองแลกเปลี่ยนกัน ว่าง ๆ ก็เข้ามา comment ใน block งานวิจัยส่งเสริมการเกษตรบ้างนะ
แป๋ว
ปล.ขอให้มีความสุขกับชีวิตทุก ๆ วันนะ 55
ขอบคุณคุณแป๋วเพื่อเลิฟมาก ในข้อคิดเห็นดีๆ ก็อย่างที่บอกว่านอกจากจะเอาสิ่งที่รู้มาบอกคนอื่นบนเวทีนี้ (G2K) แล้วน่าจะเป็นเวทีที่จะถามหาความชัดเจนได้ นอกเหนือจากการเปิดวงสนทนากันหลังสำนักงาน
ขอบคุณนะ เดี๋ยวจะตามไปชม
ขอบคุณค่ะ
ยึดมั่นในเป้าหมาย อาจแวะเที่ยวข้างทางบ้าง แต่ก็ควรไปให้ถึงเป้าหมาย...
บางคนบอกว่าบางทีสาระสำคัญมันอยู่ที่สองข้างทาง (อันนี้เวลาไปเที่ยวน่ะ)