ได้อ่านรายละเอียดถึงสาเหตุการเสียชีวิตของผู้อำนวยการสำนักข่าว NBC ทิม รัสเซิร์ท ซึ่งจากไปเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมาด้วยวัยเพียง 58 ปีแล้ว อดไม่ได้ที่จะขอนำมายกเป็นตัวอย่างเตือนเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว GotoKnow ของเราอีก หลังจากที่มักจะพยายามเตือนเรื่องนี้กับทุกคนทุกครั้งที่มีโอกาส ให้ดูแลตัวเองด้วยเรื่องง่ายๆแต่บางครั้งเราอาจจะนึกไม่ถึงและมองข้ามไป
ทิมจากไปด้วยอาการหัวใจวายและวงการสุขภาพตั้งข้อสงสัยว่า การตายของเขานั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ป้องกันได้และการเสียชีวิตในลักษณะนี้นั้นพบได้ค่อนข้างบ่อย เรียกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเอาเลยแหละค่ะ
ตามข่าวบอกว่า แพทย์ประจำตัวทิมกล่าวว่า ทิมมีโรคหลอดเลือดหัวใจแบบที่ไม่แสดงอาการ และได้รับการรักษาอาการความดันโลหิตสูง ไขมันชนิด LDL และไตรกลีเซอไรด์สูงและมีไขมันดี (HDL)ต่ำ โดยเร็วๆนี้นั้นเขามีระดับ LDL อยู่ที่ 68 และมีระดับ HDL เพิ่มขึ้นจาก 20 กว่าๆมาเป็น 37 ซึ่งเป็นระดับที่นับว่าใช้ได้ แม้จะมีระดับน้ำตาลสูงแต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวาน แต่ยังไงก็ตามจากผลการ scan แคลเซี่ยมที่มีคะแนนสูงถึง 210 ของเขาก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง (อาการหลอดเลือดหัวใจตีบ) และจากผลการผ่าศพพิสูจน์ก็พบว่าเขาเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ถือได้ว่าฮิตที่สุดของการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการที่หัวใจขาดเลือดเพราะมีการที่ก้อนไขมันที่ผนังหลอดเลือดหลุดแตกออกแล้วไปอุดหลอดเลือด
รายงานข่าวบอกว่าในอเมริกาเอง Dr Prediman K Shah (Cedars-Sinai Medical Center, Los Angeles, CA) ให้ข้อมูลไว้ว่ามีคนกว่า 3 แสนคนที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจ นั่นคือบ่อยขนาดที่พบได้ 90 ครั้งต่อวันของทั้งวันตลอดปีเลยทีเดียว
แต่สำหรับทิม รัสเซิร์ท ผู้ซึ่งแม้จะยังมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ควบคุมระดับไขมันในเลือดและความดันโลหิตได้ค่อนข้างดี แล้วยังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออีกด้วย ก็เป็นเหตุให้เกิดคำถามว่าการเสียชีวิตของเขานั้น น่าจะป้องกันได้หรือไม่ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็ต่างบอกแน่นอนไม่ได้ แต่ต่างก็เห็นเหมือนกันว่า การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการตรวจพบโอกาสเสี่ยงต่างๆตั้งแต่อายุต้นๆ 30-40 ก็จะมีส่วนเป็นอย่างมากในการป้องกันได้
สำหรับในกรณีของทิม รัสเซิร์ท จากความเห็นของ Dr Eric Topol (Scripps Translational Science Institute, La Jolla, CA) ชี้ว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญซึ่งทิมยังควบคุมไม่ได้ก็คือน้ำหนัก รวมทั้งความเครียดและการพักผ่อนน้อยก็มีส่วนมาก นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายๆตัวที่ทิมอาจจะมี แต่ไม่ได้มีการติดตามดู
แต่ที่แน่ๆก็คือ เราได้พบเห็นเรื่องราวแบบนี้บ่อยมากๆโดยอาจจะไม่ทันคิดว่าจะเกิดกับเราหรือคนใกล้ๆตัว แม้เราจะไม่สามารถคาดเดาได้ แต่เราช่วยลดโอกาสเสี่ยงให้ตัวเองได้นะคะ และถ้าอยากจะช่วยชีวิตคนที่เกิดอาการนี้ซึ่งเขาว่ากันว่าโอกาสรอดถ้าไม่ถึงมือหมอนั้นมีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ก็คือ ฝึกการช่วยชีวิตแบบ CPR ให้ถูกต้องเอาไว้ค่ะ
ขอขอบคุณต้นเรื่องจาก Shelley Wood ที่ Medscape (ไม่แน่ใจว่าจะลิงค์ถึงหากไม่ได้เป็นสมาชิก) แต่ที่แหล่งข่าวที่เป็นต้นตอเหล่านี้จะมีรายละเอียดค่ะ
Grady D. A search for answers in Russert's death. New York Times,June 17, 2008. ที่ http://www.nytimes.com/2008/06/17/health/17russert.html.
Beck M. A visceral fear: Heart attacks that strike out of the blue. Wall Street Journal, June 17, 2008. ที่ http://www.wsj.com. และ
Lawrence J. NBC's Tim Russert dead at 58. USA Today, June 13, 2008. ที่ http://www.usatoday.com/life/people/2008-06-13-russert-obit_N.htm.
สวัสดีค่ะ
ที่สถานีอนามัยก้ทำการตรวจคัดกรองสุขภาพ ค้นหาภัยเงียบ เหมือนที่ทิม เป็นค่ะ
คนไทยมีความเสี่ยงเกือบทุกคน เลยค่ะ ตั้งแต่การกิน อยู่ พักผ่อน น้ำหนัก ฯลน
น่าเป็นห่วงค่ะ ความเครียดด้วย
จะมาเชิยไปส่งSMS ให้คุณหมอที่กุสินารา เพื่อเป็นกำลังใจ เพราะคุณแม่เสียชีวิต คุณหมอดูแล ดิฉันดีมาก ช่วงไปอยู่อินเดียค่ะ
สวัสดีครับ คุณโอ๋-อโณ
ขอบคุณสำหรับความรู้ สาระใหม่ๆ ที่ได้อัพเดทอยู่เสมอ ก็พอดีคนที่บ้านกำลังเป็นโรคยอดฮิต ตามสมัยนิยมอยู่ด้วย
สวัสดีค่ะ คุณโอ๋-อโณ
ขอบคุณสำหรับความรู้ ที่บ้านเพิ่งเสียคุณแม่ของสามีไป เพราะเริ่มต้นด้วยโรคเบาหวาน อยู่แล้ว และเมื่อเมษาก็เพิ่งทราบว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ต่อมาก็เส้นเลือดหัวใจอุดตัน และหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน แต่แพทย์ก็ช่วยเหลือได้ ต่อมาเกล็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือด และก็ตับวาย ไตวาย เราสูญเสียท่านไปแล้วค่ะ