๕๙ พุทธสุภาษิต เกี่ยวกับ "ชีวิตและความตาย" (สุรจิตโต ภิกขุ)


หนังสือของท่าน สุรจิตโต ภิกขุ ได้บอกเล่า ๕๙ พุทธสุภาษิต เกี่ยวกับ "ชีวิตและความตาย"

ผมจึงอยากบันทึกไว้เพื่อเตือนตน ...

 

๑. ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ สั้นนิดเดียว ลำบากยากเข็ญ มีทุกข์มาก แต่ก็ไม่มีเครื่องหมายให้รู้ว่าจะตายเมื่อใด


๒. สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้วพยายามหาวิธีที่จะไม่ต้องตายก็ไม่สำเร็จ ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จนชราภาพก็ต้องตายอยู่ดี เพราะธรรมดาของสัตว์โลกเป็นอย่างนี้


๓. สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว ก็มีภัยจากการที่ต้องตายเป็นนิตย์ เปรียบเหมือน ผลไม้สุกงอม แล้วก็มีภัยจากการที่ต้องร่วงหล่นไปในเวลาเช้า


๔. ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดา เปรียบเสมือนภาชนะดินทุกชนิด ที่ช่างหม้อปั้นแล้วในที่สุดก็ต้องแตกไป


๕. ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนโง่ ทั้งคนฉลาด ล้วนตกอยู่ในอำนาจของมฤตยู บ่ายหน้าไปสู่ความตายทั้งนั้น


๖. ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนโง่ ทั้งคนฉลาด ล้วนตกอยู่ในอำนาจของมฤตยู บ่ายหน้าไปสู่ความตายทั้งนั้น


๗. จงดูเถิด ทั้ง ๆ ที่หมู่ญาติมาเฝ้ารำพึงรำพันอยู่ โดยประการต่าง ๆ แต่ผู้จะตาย กลับถูกมฤตยูคร่าตัวเอาไปแต่เพียงผู้เดียวเหมือนโคที่เขาจะฆ่าถูกนำไปแต่เพียงตัวเดียว


๘. สัตว์โลกตกอยู่ในอำนาจของความแก่และความตายอย่างนี้ เพราะเหตุนั้น นักปราชญ์ทั้งหลายทราบชัดถึงสภาพของสัตว์โลกแล้วจึงไม่เศร้าโศกกัน


๙. ท่านหาได้รู้ทางของผู้มา (เกิด) หรือผู้ไป (สู่ปรโลก) ไม่ เมื่อไม่เห็นปลายสุดทั้งสองด้าน ถึงจะคร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์


๑๐. ถ้าผู้ที่ทำตนให้เดือดร้อนด้วยการหลงใหลคร่ำครวญ จะทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้นได้บ้าง นักปราชญ์ผู้รู้แจ้งก็คงจะทำอย่างนั้นตามไปแล้ว


๑๑. การร้องไห้ เศร้าโศก ไม่สามารถทำใจของผู้คนให้สงบได้ มีแต่จะเกิดทุกข์มากยิ่งขึ้น ทั้งร่างกายก็จะพลอยทรุดโทรม


๑๒. จะเบียดเบียนตนเอง มีร่างกายซูบผอม ผิวพรรณหมองคล้ำ การร่ำไห้คร่ำครวญ ไม่ได้ช่วยอะไรแก่คนตายไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย


๑๓. คนที่สลัดความโศกไม่ได้ มัวทอดถอนใจถึงคนที่ตายไปแล้ว ตกอยู่ในอำนาจของความเศร้าโศก มีแต่จะทุกข์มากยิ่งขึ้น


๑๔. จงดูเถิด ถึงแม้คนอื่นก็กำลังจะตายไปตามยถากรรม สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ต่างตกอยู่ในอำนาจจมมฤตยู กำลังพากันดิ้นรน (กลัวตาย) ด้วยกันทั้งนั้น


๑๕. สัตว์ทั้งหลายตั้งความหวังอยากจะให้เป็นอย่างอื่น (คือไม่ตาย) แต่ก็ไม่สมหวัง ความพลัดพรากจากกันมีอยู่เป็นประจำ ท่านจงพิจารณาดูความจริงแท้ของสัตว์โลกเถิด


๑๖. แม้จะมีคนอยู่ได้ถึงร้อยปี หรือเกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องพลัดพรากจากหมู่ญาติ ทิ้งชีวิตไว้ในโลกนี้อยู่ดี


๑๗. เพราะเหตุนั้น เมื่อได้สดับธรรมเทศนาของพระท่านแล้วก็พึงระงับความคร่ำครวญ ร่ำไห้เสีย ยามเมื่อเห็นคนล่วงลับดับชีวิตไป ก็ให้กำหนดรู้ว่า เขาตายไปแล้ว เราจะให้เขาฟื้นคืนมาอีกไม่ได้


๑๘. ธีรชน ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด พึงกำจัดความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นเสียโดยฉับพลัน เหมือนเอาน้ำดับไฟ ที่กำลังไหม้ลุกลาม และเหมือนลมพัดปุยนุ่น


๑๙. ผู้แสวงสุขแก่ตน พึงระงับความเศร้าโศก คร่ำครวญ ร่ำไห้ ความโหยหา และความโทมนัส พึงถอนลูกศร คือ ความเศร้าโศกเสียให้ได้


๒๐. ผู้ถอนลูกศรนี้ได้แล้ว ก็จะมีอิสระ ได้ความสงบ ได้ผ่านพ้นความเศร้าโศกทั้งปวง ไม่มีความเศร้าโศกมีแต่เยือกเย็นใจ


๒๑. ชีวิตนี้น้อยนัก มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี ถึงใครจะอยู่เกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องตาย เพราะชราเป็นแน่แท้


๒๒. ชนทั้งหลายเศร้าโศก เพราะสิ่งที่ยึดถือว่า เป็นของเราทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ยึดถือนั่น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย ผู้ที่มองเห็นว่า ความพลัดพรากจากกันจะต้องมีแน่นอนเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ควรอยู่ครองเรือน


๒๓. คนที่สำคัญ หมายสิ่งใดว่า "นี้ของเรา" ก็จะต้องจากสิ่งนั้นไปเพราะความตาย พุทธมามกะผู้เป็นบัณฑิต ทราบความข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรเอนเอียงไปในทางที่จะยึดถือว่า เป็นของเรา


๒๔. คนที่รักใคร่กัน ตายจากไปแล้ว ก็จะไม่ได้พบเห็นกันอีก เหมือนคนตื่นขึ้น ไม่เห็นสิ่งที่พบในฝัน


๒๕. (ขณะมีชีวิตอยู่) คนที่มีชื่อเรียกขาน ก็ยังพอได้พบเห็นกันบ้าง ได้ยินเสียงกันบ้าง คนที่ตายไปแล้วก็เหลือแต่ชื่อเท่านั้น ที่จะพูดถึงกันอยู่


๒๖. ผู้ที่พึงพอใจในสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ย่อมสละความเศร้าโศกความคร่ำครวญ และความหวงแหนไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ทั้งหลาย เห็นความปลอดโปร่ง จึงสละสิ่งที่เคยแหนหวงเที่ยวไปได้


๒๗. บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวถึงผู้ไม่แสดงตนในภาพ (ผู้บรรลุแล้ว) ว่าเป็นบุคคลที่สอดคล้อง เหมาะสมกับภิกษุผู้บำเพ็ญความหลีกเร้นถอนจิต (ผู้ที่ยังไม่บรรลุ) ซึ่งอยู่ในเสนาสนะที่สงัด


๒๘. ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ไม่ติดอยู่ในสิ่งทั้งปวง ไม่ทำอะไร ๆ ให้เป็นที่รักให้เป็นที่ชัง ความรำพึงรำพันและความหวงแหน จึงมิได้แปดเปื้อน เหมือนน้ำไม่แปดเปื้อนใบบัว


๒๙. หยาดน้ำไม่ติดบนใบบัว วารีไม่ติดบนดอกบัวฉันใด ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ก็ไม่ติดในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน และอารมณ์ที่ทราบ ฉันนั้น


๓๐. ผู้ห่างไกลจากกิเลส ผู้มีปัญญา ไม่สำคัญหมายในรูปที่เห็นเสียงที่ได้ยิน และอารมณ์ที่รับทราบ ไม่ปรารถนาความบริสุทธิ์ด้วยวิธีการอื่น ทั้งไม่ยินดียินร้าย


๓๑. บุคคลใด ประพฤติชั่วร้าย ไม่มีความคิด ถึงจะมีชีวิตตั้งร้อยปี ชีวิตของเขา ก็หาประเสริฐไม่ ส่วนบุคคลใด มีศีล มีความคิด แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่า


๓๒. บุคคลใด เกียจคร้าน มีความเพียรทราม ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี ชีวิตของเขา ก็หาประเสริฐไม่ ส่วนบุคคลใด มุ่งหน้าทำความเพียรอย่างมั่นคง แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่า


๓๓. บุคคลพึงสละทรัพย์ เพื่อจะรักษาอวัยวะ พึงยอมสละอวัยวะเพื่อจะรักษาชีวิต และยอมสละทุกอย่างทั้งอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต เพื่อรักษาธรรม


๓๔. อายุสังขารจะพลอยประมาทไปกับมนุษย์ทั้งหลายที่ ยืน เดิน นั่ง นอน อยู่ก็หาไม่


๓๕. เพราะฉะนั้น ในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ คนเราควรทำกิจ หน้าที่ของตน และไม่พึงประมาท


๓๖. ดอกไม้มีสุมกันอยู่เป็นกอง นายช่างที่ฉลาด สามารถนำมาร้อย เป็นพวงมาลัย มีคุณค่ามากได้ฉันใด ชีวิตคนเราที่เกิดมานี้ ก็ควรจะใช้ประกอบกุศลกรรมความดีให้มาก ฉันนั้น


๓๗. บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก


๓๘. ความตาย เราก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจ เราจักทอดทิ้งกายนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีสติมั่น


๓๙. ความตาย เราก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจ เรารอคอยเวลาเหมือนคนรับจ้าง ทำงานเสร็จแล้วรอรับค่าจ้าง


๔๐. วันคืนล่วงไป ชีวิตของคนก็พร่องลงไป จากประโยชน์ที่จะทำ


๔๑. วันคืนไม่ผ่านไปเปล่า ๆ


๔๒. กาลเวลาล่วงไป วันคืนผ่านพ้นไป วัยก็หมดไปทีละตอน ๆ ตามลำดับ


๔๓. รูปกายของสัตว์ย่อมร่วงโรยไป แต่ชื่อและโคตรไม่เสื่อมสลาย


๔๔. เมื่อจะตาย ทรัพย์แม้แต่น้อยก็ติดตามไปไม่ได้


๔๕. กาลเวลาย่อมกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย พร้อมกับตัวมันเอง


๔๖. ถ้าบุคคลจะเศร้าโศกถึงคนที่ไม่มีอยู่แก่ตน คือ คนที่ตายไปแล้ว ก็ควรจะเศร้าโศกถึงตนเอง ซึ่งตกอยู่ในอำนาจของพญามัจจุราชตลอดเวลาเช่นกัน


๔๗. วัยย่อมเสื่อมลงไปเรื่อย ทุกหลับตา ทุกลืมตา


๔๘. เมื่อวัยเสื่อมสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ควรเมตตาเอื้อเอ็นดูกัน ไม่ควรจะมัวเศร้าโศกถึงผู้ที่ตายไปแล้ว


๔๙. ผู้ที่เศร้าโศกถึงคนตาย ก็เหมือนเด็กร้องไห้ขอพระจันทร์ที่โคจรอยู่ในอวกาศ คนตายถูกเผาอยู่ย่อมไม่รู้ว่าญาติคร่ำครวญถึง เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศก เขาไปแล้วตามวิถีทางของเขา


๕๐. ตอนเช้า ยังเห็นกันอยู่มากคน พอตกเย็น บางคนก็ไม่เห็นกัน เมื่อเย็นยังเห็นกันอยู่ มากคน ตกถึงเช้า บางคนก็ไม่เห็นกัน


๕๑. จะตายก็ไปคนเดียว จะเกิดก็มาคนเดียว ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย ก็เพียงแค่ มาพบปะเกี่ยวข้องกันเท่านั้นเอง


๕๒. วันคืนผ่านไป อายุก็เหลือน้อยเข้าทุกที


๕๓. แม่น้ำเต็มฝั่ง ไม่ไหลทวนขึ้นที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลายย่อมไม่เวียนกลับมาสู่วัยเด็กได้อีกฉันนั้น


๕๔. ผู้เข้าถึงธรรม ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดำรงอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นผิวพรรณจึงผ่องใส


๕๕. คืนวันผ่านไป ไม่มีอะไรให้เราเดือดร้อน ไม่เห็นมีอะไรที่เราสูญเสียในโลก ฉะนั้นเราจึงนอนสบายใจคิดแต่จะช่วยปวงสัตว์


๕๖. เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า ๆ จะน้อย หรือมากก็ให้ทำอะไรไว้บ้าง


๕๗. เร่งทำความเพียรเสียแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะตาย หรือจะอยู่


๕๘. คนขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา เรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค


๕๙. จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่เดือดร้อน ถึงจะตายก็ไม่เศร้าโศก ถ้าเป็นปราชญ์ มองเห็นที่หมายแล้ว ถึงอยู่ท่ามกลางความเศร้าโศก ก็ไม่เศร้าโศก

... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

 

พุทธสุภาษิตที่ควรอ่านและทำความเข้าใจใน "กฎของธรรมชาติ"

 

 

แหล่งอ้างอิง

 

สุรจิตโต ภิกขุ.  ตายแล้วไปไหน.  กรุงเทพฯ: ชมรมกัลยาณธรรม, ๒๕๔๙.

หมายเลขบันทึก: 188855เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2008 23:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)
  • เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฏจักรของชีวิต
  • เรารู้ว่าความตายต้องพบเจอกันทุกคน แต่เราก็ยังกล้ว โดยเฉพาะ คนที่รักใคร่กัน ตายจากไปแล้ว ก็จะไม่ได้พบเห็นกันอีก เหมือนคนตื่นขึ้นไม่เห็นสิ่งที่พบในฝัน กลัวและทุกข์ใจมากที่สุด
  • ฉะนั้น ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ สิ่งที่ขจัดการกลัวความตายให้เบาบางลงได้บ้าง ก็คือ การสั่งสมความดี ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา 
  • ขออนุญาตนอกเรื่องหน่อยค่ะ รายงานผล  PhotoScape ตามที่อาจารย์แนะนำค่ะ แต่ยังมั่วนิ่มเป็นบ้าง ลองผิดลองถูก
  • ขอบคุณค่ะ

                               

                 ดอกกล้วยไม้จาก  ราชพฤกษ์ 2007

* ฮือ ฮือ ฮือ ๆ ๆ ๆ  ....  ปูยังไม่อยากตาย  ... ฮือ ฮือ ฮือ ๆ ๆ ๆ 

* โลกนี้ ยังน่าอภิรมย์ และ มีอะไรน่าสนใจอีกมากมายค่ะ  ...

*  .....

* แต่ถ้าหากต้องตาย ก็ไม่อยากไปไหน ... จะสิงสถิตย์อยู่แถวนี้ๆ ล่ะคะ :)

* ละวาง คิดถึงเพลง ปล่อย เลยค่ะ อ.  สุดท้าย นิพพาน แต่คงฝึกอีกนานนน นมมมม  ... 

ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

ขอบคุณสำหรับ การสั่งสมความดี ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา  ...

การมั่วนิ่ม เอ้ย การใช้ความพยายามและมุ่งมั่นของคุณครู ... เยี่ยมมากเลยครับ ฝึกอีกหน่อยจะต้องพัฒนาตนเองมากกว่านี้แน่นอน

ต้องมาเอาโชว์ให้ดูอีกนะครับ

บุญรักษา ครับ :)

สวัสดีครับ คุณ poo  แฟนพันธุ์แทะ :)

มาเช้าเลยนะครับวันนี้

ความตาย เป็นการเตือนสติให้เราทำดีกันมากขึ้นครับ

ขอบคุณครับ :)

  • ไม่ได้มั่วนิ่มจริงๆค่ะอาจารย์
  • อยู่ที่บ้านคลิกภาพกล้วยไม้ แต่พอมาเปิดที่ ร.ร.ทำไมกลายมาเป็น พวงมาลัยดอกไม้สดก็ไม่ทราบ .. .. อาจารย์เห็นเป็นภาพอะไรคะ
  • กำลังจะเขียนบันทึกเพราะได้รับ tag เผยความ(ไม่)ลับ  จากน้องครูมิม เลยเอารูปขึ้นไฟล์ไว้ก่อน
  • รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อตอนเป็นกรรมการตัดสินร้อยมาลัยดอกไม้สดช่วงชั้นที่ 2 และ ช่วงชั้นที่ 4 งานศิลปหัตกรรมนักเรียน  ระดับจังหวัด ปี 2550 ค่ะ
  • ขออภัยในความผิดพลาดค่ะ

 

                                 

จากบันทึกเรื่องที่แล้ว เลยได้มาที่เรื่องที่ใหม่กว่านี้ค่ะ

บุญ บุญ บุญจริงๆเช้านี้ ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอาจารย์

พยายามเจริญมรณานุสติอยู่เนืองๆ และคอยทดสอบตนเองเมื่อตกอยู่ในที่คับขันว่า เราทำใจได้จริงหรือเปล่า เพราะมักจะคิดว่าตัวเองนั้นรู้สึกพอกับทุกอย่าง (แต่ยังมีความอยากได้ อยากมีสุขเล็กๆน้อย ที่ไม่ได้มากมายต้องใช้ความพยายามมาก เรียกว่าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ไม่เดือดร้อนค่ะ) ได้ทำประโยชน์ในชีวิตนี้ก็มากพอสมควร ได้ตอบแทนผู้คนและแผ่นดินเท่าที่มีปัญญา ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมจนพอนำมาใช้ให้ชีวิตมีความสุข เป็นอิสระ มีเมตตาต่อตนเองและผู้คนรอบข้างพอประมาณ ชีวิตอย่างนี้ไม่มีห่วงแล้ว ไม่มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำ หรือติดค้าง ตายเมื่อไหร่ก็ได้ อ่านบันทึกนี้ยิ่งทำให้ยำ้เตือนความสำคัญของเส้นทางที่เดินอยู่ ว่าให้ศึกษาและปฏิบัติต่อไปให้เป็นปกติของลมหายใจค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์Wasawat

เป็นเพราะอะไรคะ กลับจากทำงานลองเอารูปหนังสือชีวิตงามใส่ไฟล์อัลบั้ม รูปที่ใส่ไว้ในบันทึกอาจารย์เปลี่ยนเป็นรูปที่ขึ้นใหม่ค่ะ

สวัสดีครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

เมื่อวานนี้ เป็นภาพพวงมาลัยดอกไม้สด ครับ

วันนี้ กลายเป็น ดอกไม้สีชมพู มีคำว่า "ชีวิตงาม" ครับ

.........

สันนิษฐานตรงจุดชื่อไฟล์มันซ้ำกันหรือไม่ครับ เช่น ไฟล์ภาพที่นำขึ้นเดิมชื่อ aaa.jpg พอนำไฟล์ต่อไปขึ้น ก็ยังใช้ชื่อ aaa.jpg

เวลาผมนำไฟล์ขึ้น Gotoknow นั้น เมื่อผมนำขึ้นไปแล้ว เช่น ชื่อ bbb.jpg ก็ไม่มีปัญหาใด

แต่หากผมพบว่า ภาพที่นำขึ้นนั้น มีข้อบกพร่องต้องการแก้ไข ผมต้องแก้ไขไฟล์ต้นฉบับที่เครื่องก่อน แล้วให้เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ไม่ซ้ำกับชื่อเดิม เช่น ตั้งเป็น bbb_01.jpg เป็นต้น

ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ แล้วอัพเดททับเลย ภาพจะไม่ยอมเปลี่ยน ตอนแรกเข้าใจว่า เพราะเราไม่ได้ลบไฟล์ COOKIE (ค่าเดิมที่เก็บในเครื่องเรา) ที่อยู่ในเครื่องเราออกก่อน มันจึงไม่ยอมแสดงผลไฟล์ภาพใหม่

แต่ผมได้ลองลบแล้ว ก็ยังเป็นเหมือนเดิม จึงได้ลองเปลี่ยนชื่อไฟล์ดู ปรากฏว่า จึงแสดงเป็นภาพที่ต้องการจริง

ข้อสันนิษฐานอื่น ๆ นั้น ลองสอบถามไปที่ผู้ดูแลระบบดูนะครับ

มีปัญหาใดแจ้งให้ผมทราบได้เสมอครับ :)

สวัสดีครับ อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์ :)

ยินดีที่อาจารย์ได้เข้ามาเยี่ยมชม และอ่านคติธรรมอันมีค่านี้ในสายตาของผม

ในตอนแรกผมคิดว่า คำว่า "ชีวิตและความตาย" ที่เป็นหัวข้อนั้น คงไม่ค่อยมีคนอยากจะเข้ามาอ่านเท่าไหร่ อันเนื่องมาจากสาเหตุว่า ชื่อมันไม่เป็นมงคล ซึ่งดูจากยอดผู้อ่าน เมื่อเปรียบเทียบกับบันทึกที่ดูชื่อความสุขมากกว่านั้น ค่อนข้างชัดเจนว่า ไม่ค่อยมีคนอยากเข้ามาเท่าไหร่นัก

คนหลาย ๆ คน ชอบเรื่องความสุข กำลังใจ ความรัก แต่บางคนอาจไม่ยอมอ่านเรื่องแบบนี้ อันเนื่องด้วยความไม่สบายใจ แต่ในความคิดของผม อาจจะเป็นเรื่องของการยอมรับความจริงในชีวิตได้น้อย หรือไม่ได้เลย ก็เป็นได้ ครับ

เห็นอาจารย์ว่า ถือเป็น บุญ เป็น กุศล ผมก็ดีใจที่ยังมีค่าบ้าง

ขอให้อาจารย์ได้รับบุญกุศลทุกลมหายใจที่อาจารย์ปรารถนา ครับ

บุญรักษา ครับ :)

สวัสดีค่ะ อาจารย์ เข้ามาแนะนำหนังสือค่ะ

 หนังสือชีวิตงาม  ที่พี่นก นำภาพขึ้น เป็นหนังสือ ที่ดีมากๆเล่มหนึ่งค่ะ ( ของท่านพุทธทาสภิกขุ ) จะมีทั้งหมด 10 เล่มด้วยกันค่ะ

มีความตอนหนึ่งกล่าวว่า

 ราตรีที่เนินนาน....สำหรับผู้นอนไม่หลับ

ระยะทางโยชน์หนึ่งยาวไกลสำหรับ..ผู้อ่อนล้าแล้ว

สังสารวัฏ...ยาวนาน...สำหรับผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม

บนเส้นทางชีวิตอันมากไปด้วย...ความทุกข์และภยันตราย

ธรรมะ...ย่อมเป็นแสงส่องทาง เป็นเกราะคุ้มกันภัย

 เป็นเสบียงเป็นกำลัง....แก่ผู้เดินทาง ตราบจนถึงจุดหมาย

ขอบคุณค่ะ 

ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ  ที่แนะนำหนังสือดี ๆ และข้อเขียนงาม ๆ ให้ :)

แก้ไขได้แล้วค่ะอาจารย์ Wasawat

เป็นอย่างที่อาจารย์แนะนำจริงๆ บกพร่องเองค่ะ

ขอบคุณด้วยใจจริงค่ะ

                                      

ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11  :)

ขอบคุณครับ คุณออย :) ..ว่าแต่ นี่คือคำลงท้ายใช่ไหมครับเนี่ย ..

อ่านแต่ละความคิดเห็นแล้วรู้สึกดีชีวิตนี้เป็นสิ่งสวยงามจริงๆ อยู่ที่ว่าเราจะมองชีวิตและใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข

ถ้าเข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้งจะเห็นค่าของชีวิต เวลาในชีวิตนี้ไม่ได้ยาวไกลนัก หมั่นสร้างแต่ความดีเถอะ เพราะสิ่งที่ตามเราไปในภพหน้ามีแต่บุญและบาปเท่านั้นเองค่ะ

ขอบคุณมากครับ คุณ manussanun ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์

ดิฉันก็เพิ่งสมัครเข้ามาเพราะน่าสนใจมาก ซึ่งขณะนี้ดิฉันก็กำลังเรียน ป.โท หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาชีวิตและความตาย ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รุ่นที่ 4 ปีที่ 1 เป็นวิชาที่ว่าด้วยชีวิตและความตายค่ะ เรียนแล้วได้รู้และเข้าใจชีวิต เข้าใจตนเองและผู้อื่นที่สำคัญได้รู้วิธีการเตรียมตัวตายอย่างดีและมีความสุข ไม่กลัวความตาย

มีแต่อยากเร่งสร้างความดีมากๆ เพื่อเป็นการเตรียมเสบียงไว้ในชีวิตใหม่ การตายก็คือการเปลี่ยนแปลงเป็น "ไตรลักษณ์ "ในความจริงในทุกสรรพสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง หรือตายตลอดเวลา ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่ได้คงทนเพราะชีวิตมาจากการผสมของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมกันเป็นชีวิต เป็นกอง เป็นขันธ์ 5 อะไรก็ตามที่มาจากการผสมย่อมเกิดการแยก การเปลียน ไม่แน่นอน เหมือนเราใส่เสื้อผ้าถ้าเสื้อผ้าเก่า ขาดหรือสกปรกเราก็ยังต้องเปลี่ยนหาของใหม่มาใส่ การตายก็เป็นการเปลี่ยนคือเปลี่ยนจากร่างเก่าไปสู่ร่างใหม่นั้นเอง

แต่จะอยู่ที่ว่าเราจะเอาร่างใหม่แบบไหนเท่านั้นเอง ขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบันในชีวิตขณะนี้ ถ้าเราเชื่อเรื่องกรรมหรือหลัก

ปฏิจสมุปบาท เราก็รู้แนวทางในการดำเนินชีวิต ไม่ประมาทหมั่นทำแต่กุศลกรรมดีก็จะได้ร่างใหม่ที่ดีสมบูรณ์ตามที่เราปรารถนาค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ค่ะที่ให้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นค่ะ

สวัสดีครับ คุณ manussanun ;)..

อยากให้คุณ manussanun ได้สมัครสมาชิกที่นี่จังครับ เพื่อจะได้เผยแพร่สิ่งที่คุณ manussanun ได้ร่ำเรียนในสิ่งดี ๆ ให้กัลยาณมิตรที่นี่ได้ฟัง ได้อ่าน

พื้นที่มีให้เยอะแยะนะครับ เหลือคุณ manussanun จะสมัคร แล้วจะได้พูดคุยผ่านบันทึกไงครับ

ลองดูนะครับ ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์

เพิ่งเลิกงานค่ะ เหนื่อยนะแต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเด็ก เหนื่อยใจกับผู้บริหารที่แคบไม่เปิดกว้างขอลาไปปฏิบัติธรรมเขาก็พูดยาวซะต้องกลับมานั่งร้องไห้ บุญไม่มีบารมีไม่เกิดนี่จริงเลยนะคะ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาแผ่เมตตาให้เขา ขอบคุณค่ะที่นี่เหมือนเป็นที่พักใจได้เหมือนกัน

สวัสดีครับ คุณ manussanun ;)

เหลือแต่ "หัวใจ" ที่ต้องสู้เพื่อการทำความดีนะครับ

เป็นกำลังใจให้เยอะ ๆ เลย

ขอบคุณครับ ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีค่ะ กลับมาจากวัดภัททันตะ จังหวัดชลบุรีแล้วค่ะ เอาบุญมาฝากนะคะ ไปอยู่ได้แค่ 7 วันเองค่ะแต่ก็เต็มที่มากค่ะ เป็นแนววิปัสนาสติปัฏฐานสี่ ยุบหนอ พองหนอ จากสายทางพม่าดีมากๆค่ะ พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม มีวิปัสนาจารย์สอบอารมณ์ให้ทุกวัน เสียดายว่ามีเวลาน้อยเพราะต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ที่กรุงเทพฯค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยนะครับ คุณ manussanun ;)...

ขอบคุณมากครับ

สวัสดี อาจารย์ ทุกท่าน กระผมเป็นพิธีกร อาสา (ไม่เคยรับกะตังค์ว่างั้นเหอะ) แวะเข้าหาความรู้ มาชมแล้วเลื่อมใส นะ่ขอรับโดยเฉพาะเรื่องความตาย ปลงแบบไม่รู้ตัวเลยแหละ ขอให้ท่านทั้งหลาย จงสู้ต่อไป และขอให้กุศลจงดลให้ท่านจงมีความเจริญๆ

ขอบคุณมากครับ คุณ ทวี ศรีวิชัย ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท