ชื่อเรื่อง การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
(ดนตรี) เรื่องดนตรีกับชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ผู้ศึกษา นางพัชรี ศิริเจริญ
สถาบัน โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่ทำ 2550
บทคัดย่อ
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดียเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ครอบคลุมเนื้อหาและกิจกรรมหรือวิธีการเรียนที่จัดไว้ล่วงหน้า สามารถมีปฏิสัมพันธ์หรือโต้ตอบผู้เรียนได้ทันที สะดวกในการแก้ไขข้อบกพร่องผิดพลาดของการเรียนแต่ละครั้ง ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมาย
เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) เรื่องดนตรีกับชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลตามเกณฑ์ 80/80
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
มัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) เรื่องดนตรีกับชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 84 คน ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Sampling) และแบบง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีจับสลาก (Lottery Method) ใช้เวลาทดลอง จำนวน 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) จำนวน 5 หน่วย 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ .20 ถึง .99 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .92 3) แบบวัดความพึงพอใจ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ .26 ถึง .72 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .87 และ 4) แบบประเมินบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 4 ด้าน 25 ข้อ ผลการประเมินมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 ซึ่งถือว่ามากที่สุด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษา ปรากฏดังนี้
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) เรื่องดนตรีกับชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.14/89.02 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลจากการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) เรื่องดนตรีกับชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.8317 หรือคิดเป็นร้อยละ 83.17
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่กำลังศึกษา
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 ซึ่งเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเพิ่มขึ้นกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) สำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ที่กำลังศึกษา
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 ซึ่งเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย มีความพึงพอใจในบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมิเดียโดยรวมอยู่ในระดับมาก
โดยสรุป บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมิเดีย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) เรื่องดนตรีกับชีวิต สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เหมาะสมที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนนำไปพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
สวัสดีค่ะ คุณครูจุ๋มคนสวย
สุดยอด ขอชื่นชม ขอให้ผลจากการที่หนูทุ่มเทกับการจัดการเรียนการสอน ส่งผลให้หนูผ่านการเลื่อนวิทยฐานะ นะคะ
เป็นการทำงานที่มีระบบดีครับ เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับครูท่านอื่น
ผอ.ศักดิ์เดช
ชื่นชมผลงานครูจุ๋มค่ะ เหมาะสมกับวิทยฐานะ ครูเชี่ยวชาญ
ครูนิดค่ะ ทม. ชัยภูมิ
ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน วิชาสุขศึกษา เรื่องสร้างเสริมสุขภาพ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
โดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย
ผู้รายงาน นางเครือวัลย์ บุญกว้าง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนเทศบาลนาเชือก สังกัดกองการศึกษา
เทศบาลตำบลนาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม กรมส่งเสริมการปกครอง
ท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่พิมพ์ 2554
บทคัดย่อ
การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน วิชาสุขศึกษา เรื่องสร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย โดยมุ่งให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพ ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ห่างไกลจากโรคระบาดในชุมชน สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการศึกษา 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนมัลติมีเดีย 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนมัลติมีเดีย กลุ่มเป้าหมายได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 27 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสุขศึกษา จำนวน 12 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลังเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ระหว่างบทเรียน ๆ ละ 8 ข้อ รวม 48 ข้อ แบบประเมินความพึงพอใจ และบทเรียนมัลติมีเดีย จำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง สิ่งแวดล้อม สุขบัญญัติแห่งชาติ การป้องกันโรค กินเพื่อสุขภาพ การควบคุมอารมณ์ และกิจกรรมคลายเครียด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏผลดังนี้
1. บทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.12/83.09 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่คาดหวังไว้ คือ ตามเกณฑ์ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก ปรากฏว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเฉลี่ย 53.95 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ย 83.09 มีค่าเท่ากับ 0.6327 แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้หรือพัฒนาการ ในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.27
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก พบว่านักเรียนมีระดับความพึงพอใจต่อการเรียน ด้วยบทเรียนมัลติมีเดีย 4.37 S.D. 0.62 อยู่ในระดับเหมาะสมมาก
โดยสรุปการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน รายวิชาสุขศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สร้างเสริมสุขภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนเทศบาลนาเชือก โดยใช้บทเรียนมัลติมีเดีย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับที่สูงขึ้น มีความสุขในการศึกษาเรียนรู้และมีความพึงพอใจในการเรียนในระดับมาก นักเรียนตั้งใจในการเรียนอย่างจริงจัง บทเรียนมัลติมีเดียดังกล่าว สามารถนำไปใช้พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสอดคล้องและสนองแนวนโยบายปฏิรูปการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการ
ขอให้ผ่านนะคะคุณพี่