beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

มาร์ติน วีลเลอร์ <๒> เรื่องเล่าสำนวนรอร่า


ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำชีวิตให้มันง่าย อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก รักษาความเป็นไทยและภูมิใจในความเป็นไทยนั้นดีที่สุด

     มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นชาวอังกฤษ เกิดอยู่ในครอบครัวที่ฐานะดีพอสมควร พ่อเป็นผู้จัดการบริษัทสารเคมี ยาฆ่าแมลง..มาร์ตินจบปริญญาตรี เกี่ยรตินิยมอันดับหนึ่งภาษาละติน มาร์ตินไม่ค่อยสนใจเรื่องเงิน ไม่อยากมีรถยนต์ ไม่อยากมีบ้านใหญ่ อยากมีบ้านเล็กๆ อยากมีครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุข ไม่สนใจเรื่องวัตถุ อยากอยู่แบบง่ายๆ

     เมื่อมาร์ตินเรียนจบตามที่พ่อแม่หวัง (เอาปริญญาไปให้) เขาก็ได้ไปทำงานก่อสร้าง รับจ้างแบกอิฐแบกปูนอยู่ ๑๐ ปี

      มาร์ตินเล่าว่า "ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้นจริงๆ เขาลำบากกว่าคนไทยมาก เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ผมได้เห็นชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มาก คนที่นั่นกว่า ๖๐% ไม่มีบ้าน ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน ต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิตและ ๙๘ % ไม่มีใครมีที่ทำกิน แล้วก็อยู่ในเมืองเป็นขี้ข้าเขาหมด..แม้แต่เป็นผู้จัดการก็เป็นขี้ข้าเขาด้วย เพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกิน จะไปทำอะไร ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไรก็ไม่ได้ ต้องไปหาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เงินน้อยคุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไร"

     หลังจากแม่ของเขาเสียชีวิต เขาก็ได้มรดกนิดๆ หน่อยๆ เขาจึงวางแผนว่าจะไปเที่ยว ๑ ปี ประเทศแรกที่มาคือ ประเทศไทย

     พอเงินหมด เพราะว่ามาร์ติน เป็นคนชอบเที่ยว ชอบดื่มเหล้า ชอบสนุก.. พอไม่มีเงิน มาร์ตินจึงไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่กรุงเทพ จากนั้นชีวิตก็หันเห เมื่อมาเจอกับผู้หญิง (รจนา) ชาวขอนแก่น..ไม่นานมาร์ตินก็มีลูกมีภรรยาที่ต้องเลี้ยงดู มาร์ตินจึงตัดสินใจ ตัดตัวเองออกจากสังคมเมืองไปอยู่บ้านนอก ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดขอนแก่น

     มาร์ตินเล่าว่า "ต้องเข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกไม่ได้ เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียว พวกขุนนางยึดหมด คนยากจนจึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรก แออัด คนอังกฤษที่ยังรวยไม่ถึงขั้น เช่น พ่อของผม มีเงินเยอะแต่ยังรวยไม่ถึงขึ้น เพราะยังอยู่ในเมือง วัดจากคนที่อยู่กลางเมืองใหญ่ๆ จะเป็นคนจนที่สุด ที่อยู่ชานเมือง จะเป็นครู ข้าราชการ อะไรแบบนั้น เป็นผู้จัดการก็ยังอยู่ในเมือง...

    ส่วนคนที่อยู่บ้านนอก จะต้องเป็นคนรวยที่ถึงขั้นจริงๆ เป็นพวกขุนนางใหญ่โต... มันเป็นเรื่องแปลก ผมมาอยู่ที่ขอนแก่น เห็นแต่ละคน มีที่ดินเยอะมาก ชาวบ้านธรรมดา คนเดียวมีถึง ๕๐ ไร่... ๒๐๐ กว่าไร่ก็มี..ส่วนพ่อแม่ผมมีที่ดินแค่ครึ่งไร่เท่านั้นเอง.. แต่อยู่บ้านนอกที่นี่มีเยอะมาก สะอาดด้วย อากาศก็ดี ตอนแรกได้กลิ่นแปลกๆ ผมก็นึกว่ากลิ่นอะไร นี่มันกลิ่นธรรมชาตินี่ ผมไม่เคยดมมาก่อน สุดยอดเลยบ้านนอก

     คนอื่นว่าฝรั่งมันบ้า เพราะเขาไม่คิดว่า ทำไมฝรั่งอยากไปอยู่บ้านนอก เขาคิดว่าฝรั่งมีแต่คนรวย ฝรั่งไม่มียากจน เขาไม่รู้จริงๆ ว่า ฝรั่งส่วนมากลำบาก บ้านก็ไม่มี ที่ดินก็ไม่มี เป็นขี้ข้าเขาหมด ลูกก็ไม่มีอนาคต"

     ปัญหาของระบบทุนนิยม คือ เรื่องเงิน เงินถูกจำกัดเป็นก้อนเล็กๆ คนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัว ทำให้คนจนมีเยอะ ถ้ามีคนรวย ๑ คน จะมีคนจนเป็นร้อย ระบบทุนนิยมจึงอยู่ได้

      ปัญหาของคนจน คือ ทำอย่างไร จะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้นจากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทย ชาวบ้านธรรมดา อาจไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถจะหาหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีคุณค่ามากกว่าเงินตั้งเยอะ

      มาร์ติน มาอยู่ขอนแก่น มีที่ดินแค่ ๖ ไร่ แต่สำหรับฝรั่งมันเยอะมาก และก็มีบ้านเล็กๆ ซึ่งมาร์ตินภูมิใจ เพราะเป็นบ้านของตัวเองไม่ต้องไปเช่าของคนอื่น มาร์ตินบอกว่า มีบ้าน มีที่ดิน ก็มีงานทำทุกวัน ไม่ตกงาน

      มาร์ติน ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่าอยู่บ้านนอกมีอาหารอุดมสมบูรณ์ อาหารก็ปลอดสารพิษ และก็มีงานที่อิสระ มาร์ตินบอกว่า เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่สุดคือความมีน้ำใจ ถ้ารักษาความมีน้ำใจไว้ได้ตลอด ชีวิตก็จะมีความสุข

    จุดอ่อนของคนไทย คือ คนไทยมองว่าเมืองนอกดีกว่า แต่คนไทยมีดีมากมาย ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ มีที่ดิน มีน้ำ มีแสงแดด ก็ควรจะทำการเกษตรถึงจะได้ผลดี ปัญหาคือ คนไทยนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมีมานานแล้ว แต่คนไทยไม่รู้จักที่จะพอเพียงเอง

     มาร์ตินบอกว่า คนไทยโชคดี ที่เกิดในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง ยึดหลัก "กิน แจก แลก ขาย" กินเหลือก็แจก หากอะไรไม่มีก็เอาของไปแลก และสุดท้ายถึงจะขาย

     คนไทย มีน้ำใจ มีพระจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำชีวิตให้มันง่าย อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก รักษาความเป็นไทยและภูมิใจในความเป็นไทยนั้นดีที่สุด

    ฉัน (รอร่า) ว่า คนไทยควรหันมามองตัวเองได้แล้ว ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ได้ดู VCD เรื่องนี้ ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ฉันจำได้ว่า มีรายการโทรทัศน์ ไม่รู้ว่าช่องอะไร (จำไม่ได้) เคยเอาชีวิตของคุณมาร์ติน มานำเสนอ ฉันเคยดูแล้ว ๒ ครั้ง รวมกับที่ อ.beeman ให้ดูก็เป็น ๓ ครั้ง แต่พึ่งมาคิดได้ตอน อ.beeman เอามานำเสนอในครั้งนี้แหละ มันก็น่าคิด ขนาดฝรังยังรักความเป็นไทย มองออกว่าควรอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข แต่คนไทยเองกลับมองข้าม ฉันว่าถ้าคนไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทย ประเทศไทยคงเจริญ...

หมายเลขบันทึก: 188448เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2008 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กรกฎาคม 2013 08:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอเพิ่มเติมส่วนสำคัญที่มาร์ตินได้พูดไว้ตรงนี้..

  • มาร์ตินบอกว่า ความคิดของคนไทยที่ส่งลูกไปอยู่ในเมือง แล้วให้ลูกส่งเงินกลับมาให้ใช้นั้น พอพัฒนาไปถึงช่วงหนึ่ง ลูกไม่มีทางดีกว่าพ่อแม่แล้ว (ขาลง) ดังนั้น ลูกๆ ก็จะไม่มีปัญญาส่งเงินกลับมา..ถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น..
  • ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมา ๒๕๐ ปี.. ประเทศไทยกำลังเดินตาม แต่ประเทศไทยเพิ่งพัฒนาเศรษฐกิจแบบนี้มาประมาณ ๕๐ ปี..ยังกลับตัวทัน...หันไปใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง จึงจะอยู่รอด
  • แต่ว่า คนไทยเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงดีแล้วหรือ แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ปฏิบัติชีวิตที่พอเพียงแล้วหรือยัง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท