สัปดาห์นี้มีนักศึกษาหญิง ๒ คน ฆ่าตัวตาย
คนหนึ่งกระโดดตึก คนหนึ่งผูกคอตาย
คนแรกอยู่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของรัฐ เรียนเก่งมาก โอกาสได้เหรียญทอง เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอยู่รำไร อ่านข่าวแล้วไม่ชัดเจนว่าเหตุใดจึงฆ่าตัวตาย ผิดหวังตัวเองที่ได้เกรดบางวิชาไม่เป็นไปตามความคาดหวังของตัวเอง หรือทำให้คนสำคัญใกล้ชิดที่คาดหวังในตัวผู้ตายสูงผิดหวัง หรืออย่างไรไม่ชัดเจน
อีกคนหนึ่งเป็นคนต่างจังหวัดมาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พักอยู่กับพี่สาวที่หอพักแห่งหนึ่ง เรียนอ่อนมาก เขียนบันทึกไว้ก่อนฆ่าตัวตายว่าได้เอฟ (ตก) เกือบทุกวิชาต้องเสียเงินค่าลงทะเบียนเรียนวิชาที่ตกใหม่ ยังไม่กล้าบอกพ่อแม่
อ่านและฟังข่าวแล้วก็สะเทือนใจมาก
เมื่อเดือนที่แล้ว ช่วงประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็มีนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วฆ่าตัวตายไป ๒ คน
นึกถึงคำพูดหมอประเวศ เรื่อง การศึกษาที่ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตั้ง
นึกถึงหนังสือของกฤษณะมูรติ ชื่อ การศึกษาเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
นึกถึงปริศนาธรรมของท่านพุทธทาส เรื่อง การศึกษาแบบหมาหางด้วน
อาจารย์เสรี พงศ์พิศ ก็ทนไม่ได้จึงเขียนบทความเรื่อง การศึกษา ยาหรือโรค ใน www.phongphit.com)
หมอประเวศเคยพูดเมื่อปลายปี 2549 ว่า "อุดมศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าอ่อนแอแล้ว ประเทศอ่อนแอหมด...มหาวิทยาลัยหมดเวลาและหมดกำลังไปกับการสอนคนอยากได้ปริญญา แต่ไม่อยากเรียน...มหาวิทยาลัยเลยไม่มีพลังเหลือไปทำวิจัยที่จะสร้างความรู้ใหม่เพื่อความเข้าใจปัญหาต่างๆ ของสังคม ที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยล้วนมุ่งสอนหนังสือเอาตำราเป็นตัวตั้ง แต่ไม่ได้เรียนรู้ชีวิตคนในสังคม ในชุมชนและสิ่งแวดล้อม"
ท่านพุทธทาส เคยพูดเรื่องการศึกษาแบบหมาหางด้วน ซึ่งผมเข้าใจว่าหางด้วนคือไม่สมบูรณ์
คนที่มาหลอกตัดหางหมาทำให้หมาเชื่อว่าหางด้วนแล้วเท่ (ความจริงตัวเองโง่ แต่ไม่รู้ตัว
เพราะถูกเขาหลอก) เป็นความหลงอย่างหนึ่ง
การศึกษาที่หางไม่ด้วนช่วยให้คนเรียนแล้วเข้าใจชีวิต เพราะสอนวิชาชีวิตเป็นหลัก
แต่ก็ไม่ได้ละเลยวิชาทำมาหากิน แต่ก็ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า "การทำมาหากิน"
อะไร เพื่อใคร และอย่างไร
ความจริงประเทศที่อุดมสมบูรณ์ขนาดสามารถผลิตข้าวปลาอาหารส่งไปเลี้ยงคนในประเทศอื่นๆ ได้ วิชาทำมาหากินของเราที่เป็นหลักจริงๆ คือ วิชาการเกษตร แต่วิชานี้ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็ได้ หากต้องการเป็นเกษตรกรจริงๆ คนที่เรียนวิชาเกษตรจากสถาบันการศึกษาที่สอนวิชาเกษตรเกือบทั้งหมดไม่ได้ต้องการเป็นเกษตรกร (แม้แต่ลูกหลานเกษตรกรก็เรียนเกษตรเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นเกษตรกรอีกต่อไป - เรียนจบแล้วก็ไปสอบรับราชการหรือไปเป็นพนักงานลูกจ้างบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมเกษตร)
หากการศึกษาหางไม่ด้วน มีเป้าหมายชัดเจนว่าสอนให้คนเข้าใจชีวิต เข้าใจความไม่เที่ยง
ความทุกข์ และความไม่มีตัวตน (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ของสรรพสิ่ง เห็นความเป็นธรรมดา
ของทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตแล้ว ก็ย่อมไม่ทำลายชีวิตตัวเองอย่างแน่นอน
คำถามที่ตามมาก็คือ จะทำอย่างไรให้การศึกษาที่เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง การศึกษาเพื่อความเป็น
มนุษย์ที่สมบูรณ์ได้รับการ "ฟื้นฟู" ขึ้นมาใหม่ในแผ่นดินนี้
หนูเคยรู้สึก หดหู่ ตอนสมัยเรียนป.ตรี เหมือนกัน แต่พอมาถึงตอนนี้คิดย้อนกลับไป เหมือนเราเป็นคนบ้า !! แค่เรียนไม่ได้เกรดเฉลี่ยตามที่หวังไว้ เสียใจมาก ๆ (ตอนนั้นได้เกรดประมาณ 3.6) ร้องห่ม ร้องไห้ จะเป็นจะตาย แต่ไม่ถึงขนาดฆ่าตัวตายหรอกนะคะแต่คิดว่าจะไม่เรียนต่อปริญญาโท (คิดไปนั่น ! เพราะคิดว่าเราคงเรียนไหว ทะเลาะกับพ่อด้วย) แต่โชคดีที่พ่อให้สติ ก็เลยเรียนรอดปลอดภัยมาได้ทุกวันนี้ อิอิ
แต่เข้าใจความรู้สึกเลยว่า..ตอนนั้นความรุ้สึกมันเป็นยังไง บางทีเราต้องให้เค้ารู้จักคำว่า "ความผิดหวัง" บ้าง เพราะเป็นการสร้างเกราะป้องกันชีวิตของตนเอง
น้องนิวตัวป่วน
หนูเคยรู้สึก หดหู่ ตอนสมัยเรียนป.ตรี เหมือนกัน แต่พอมาถึงตอนนี้คิดย้อนกลับไป เหมือนเราเป็นคนบ้า !! แค่เรียนไม่ได้เกรดเฉลี่ยตามที่หวังไว้ เสียใจมาก ๆ (ตอนนั้นได้เกรดประมาณ 3.6) ร้องห่ม ร้องไห้ จะเป็นจะตาย แต่ไม่ถึงขนาดฆ่าตัวตายหรอกนะคะแต่คิดว่าจะไม่เรียนต่อปริญญาโท (คิดไปนั่น ! เพราะคิดว่าเราคงเรียนไหว ทะเลาะกับพ่อด้วย) แต่โชคดีที่พ่อให้สติ ก็เลยเรียนรอดปลอดภัยมาได้ทุกวันนี้ อิอิ
แต่เข้าใจความรู้สึกเลยว่า..ตอนนั้นความรุ้สึกมันเป็นยังไง บางทีเราต้องให้เค้ารู้จักคำว่า "ความผิดหวัง" บ้าง เพราะเป็นการสร้างเกราะป้องกันชีวิตของตนเอง
น้องนิวตัวป่วน