เมื่อเราได้เติบโตขึ้นอีกก้าวหนึ่งในความเป็นมนุษย์ ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์นัก เพราะการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั้น สำหรับเราแล้ว...ยากยิ่งนัก!! เพราะนั่นหมายถึง การได้หลอมรวมร่างกาย จิตวิญญาณ และจิตใจ ให้เป็นหนึ่งเดียว
หนึ่งเดียวของ “ชีวิต” กับอีกหนึ่งก้าวเล็ก ๆ ที่เริ่มขยับเดินอีกครั้ง ก็เพียงเพื่อสะท้อนเกร็ดประสบการณ์ และห้วงหนึ่งของการใช้สติยั้งคิด เกี่ยวกับเรื่องปรัชญาที่ว่าด้วย “แหวน”
การจะเลือกแหวนสักวงเพื่อสวมใส่นั้น เป็นเรื่องที่เราต้องพินิจ ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสม คำว่า “เหมาะสม” หาใช่เพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังหมายรวมถึงการสวมใส่ที่พอเหมาะ พอดี กล่าวคือไม่หลวม หรือไม่คับจนเกินไป เนื่องจาก ก่อนหน้านี้เรามองแหวนเพียงแค่สวยงามและดูดีเท่านั้น หาได้มองถึงคุณและโทษในการสวมใส่ จนเมื่อกาลเวลาได้สอนบางอย่างแก่เรา...
เราทราบดีว่านิ้วมือในแต่ละวันหด และขยายไม่เท่ากัน บางวันแหวนที่เราสวมใส่ หลวมแทบจะหลุดออกจากมือ แต่บางวันก็แสนจะคับจนทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดอยู่เสมอ ดังนั้น ในทุก ๆ วัน ของการสวมใส่แหวนที่หลวมและคับจนเกินไป ทำให้ความสุขในชีวิตเริ่มหดหาย เนื่องจากแหวนที่หลวม ทำให้เราต้องคอยระมัดระวังตลอดเวลา ด้วยเพราะกลัวว่าจะหลุดหายไปจากนิ้ว ส่วนแหวนที่คับจนเกินไป ก็สร้างความรู้สึกเจ็บปวดให้เราแทบทุกวัน
ความรู้สึกเหล่านี้ ทำให้ใครบางคนเลือกที่จะถอดแหวนออก และวางทิ้งไว้อย่างไม่นึกเสียดาย!! แต่สำหรับใครอีกหลายคนยังคงยึดติด ไม่ยอมสละแหวนวงนั้นออกจากชีวิต ด้วยนึกเสียดายหรือด้วยเพราะความผูกพัน จนทำให้แต่ละวันแทบจะไม่พบพาลคำว่า “ความสุข” เลย
เช่นนี้แล้ว ความสุขที่แท้จริง ย่อมหมายถึง “การปล่อยวาง” อันเป็นหนทางปลดปล่อยให้ความสุขเข้ามาสู่ตน
นี่อาจเป็นเรื่องน่าขันสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเราแล้วเป็นเรื่องที่ชวนพิจารณา เพราะแหวนที่สวมได้พอดีนิ้วอยู่เป็นนิจ ย่อมสะท้อนถึงชีวิตที่สมดุล “ความสมดุลของชีวิต” ย่อมก่อเกิดเป็นความสุขที่แท้จริง แต่หากตรงข้ามแล้ว...ขอจงสละและถอดแหวนวงนั้นวางเสีย เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้เดินทางมุ่งสู่ความสุขที่แท้จริงเสียบ้าง เพราะในกาลข้างหน้าเราเชื่อเหลือเกินว่า ยังมีแหวนที่ “เหมาะสม” รอให้เลือกอีกมากมายนัก!!
สวัสดีค่ะคุณ Vij
บางคราวก็เหมือนว่าแหวนที่สวมอยู่คับขึ้นมาเฉยๆ
บ่อยครั้งที่หันมามองรอบตัว สงสัย "เราคงอ้วนขึ้น"
อยากปล่อย อยากวาง เผื่อ "น้ำหนักที่แบกไว้" จะได้ลดลงบ้าง
บางครั้งก็ประสบควมสำเร็จ ซึ่งรู้สึกได้ของการร้อยรัดที่คลายลง
แต่บางครั้งที่ทำไม่ได้ ก็รู้สึกได้ถึงการรัดตึง...ไม่สบายเอาเสียเลย
น้ำหนักตัวยังอดอาหารได้ เรื่องหนักใจที่สิ...ทำยาก
แต่การพยายามดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
มาเยี่ยม เป็นกำลังใจ ให้สดชื่นแจ่มใสและโชคดีมีชัย
สวัสดีค่ะคุณ tuk-a-toon
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ (ยิ้มๆ...กว้างๆ)
เห็นด้วยที่ว่า...
"น้ำหนักตัวยังอดอาหารได้ เรื่องหนักใจ...ทำยาก"
ดังนั้น เราจึงต้องรักษาความสมดุลของชีวิตไว้
ความสุขจะได้ก่อเกิดค่ะ
ไม่เจออาจารย์นานเกินปีแล้ว...
ไปค้นบทสวดมนต์นี้มาฝาก คลิกที่นี้ (ภารสุตตสูตร) เพราะคิดว่าคล้ายคลึงกับอุปมาเรื่องแหวนที่อาจารย์นำมาเล่า...
เจริญพร
สวัสดีท่าน ผอ.ประจักษ์ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียน และกำลังใจที่ให้
โชคดีมีชัยและสดชื่นแจ่มใสเช่นกันค่ะท่าน ผอ.
สวัสดีจ๊ะ...น้องอำนวย
ขอบคุณครับสำหรับการเข้ามาทักทาย
พี่สบายดีครับ...หวังเช่นกันว่าน้องคงสบายดีนะครับ
นมัสการพระคุณเจ้า
ได้สดับรับฟังแล้วเจ้าค่ะ
เสียงไม่ค่อยชัดนัก แต่พอจับใจความได้เจ้าค่ะ
"การแบกของหนัก หากเราปล่อยวางเสียบ้าง"
เราก็จะไม่ทุกข์...มากมายนัก
นมัสการขอบพระคุณเจ้าค่ะ
สวัสดีอีกทีครั้งคุณ Vij
มาคราวนี้มาขอค่ะ...
ขออนุญาตนำบทความนี้ไป link กับบันทึกเรื่อง จะดีกว่าไหมถ้าทำได้ ที่ http://gotoknow.org/blog/life-is-beutiful/187319
น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มองหาวิธีการทำให้ตนเองมีความสุขนะคะ
สวัสดีจ๊ะ น้องลูกหว้า คนสวย
ดีใจเช่นกันค่ะ ที่ได้เจอะเจอ
ยังจำได้ดีเชียวค่ะ อ.ลูกหว้า คนสวย
สบายดีค่ะ...สบายดีทั้งกายและใจค่ะ
เข้ามาครานี้ เห็นน้องลูกหว้า สดใสชมพูปิ๊งเลย
ยังสวย และสดใสเหมือนเดิมนะคะ
สิ่งดี ๆ ที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุข
สิ่งนั้นเราควรโน้มนำไปปฏิบัติจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
คุณ tuk-a-toon
ยินดีเสมอค่ะ
เพราะบทความนี้เขียนขึ้น ด้วยเพราะตั้งใจให้น้องสาว...คนหนึ่ง
ที่กำลังทุกข์ เนื่องจากการยึดติด ไม่ยอมปล่อยวาง
อาจด้วยเพราะยึดตึดด้วยความรัก ความผูกพัน ไม่อยากสูญเสีย
หากชีวิตได้รู้จักปล่อยวาง มองว่าสิ่งนั้น-นี้ ไม่ใช่ของเรา ไม่มีตัวตน
เราย่อมค้นพบคำว่า "สุข" ได้ไม่อยาก
ขอบคุณค่ะ...และจะเข้าไปติดตามอ่านนะค่ะ