บุกทำเนียบ(2)


สิ่งที่ได้จากการเข้าร่วมงาน

ฉันเพิ่งเคยได้มีโอกาสเข้าไปร่วมงานที่รวมมิตรหลายหน่วยงานเข้ามาไว้ที่ในทำเนียบก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรก  มีคนเยอะมากค่ะ ทั้งทหารและพลเรือนเสียเวลารอโต๊ะและตักอาหารนานหลายสิบนาที หลายคนตัดใจหาเก้าอี้และก็ถือจานเก้ๆกังๆทานข้าวอย่างขะมักขะเม้นเพราะโต๊ะให้นั่งรับประทานมีไม่เพียงพอ ส่วนอาหารมีให้เลือกหลายอย่างแต่ตอนที่ได้ไปตักนั้นอาหารเหลือไม่มากนัก 

ฉันรู้สึกทึ่งมากเมื่อกลับมาที่นั่งและเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะบางคนสามารถหยิบตักกับข้าวและขนมหวานออกมาได้ตั้งหลายอย่างและมีปริมาณมิใช่น้อย อยากจะถามเทคนิคการตักอาหารจากเขาจริงๆว่าทำได้อย่างไร เสียดายที่อิ่มเสียก่อนเลยไม่ได้ไต่ถามว่าเขาทำได้อย่างไร  คุณภาพของอาหารกลางวันที่เลี้ยงตกหัว คนละ 200บาท ถามว่าแพงไหมก็ต้องบอกว่าถูกกว่าทานที่ในบางโรงแรม

หลังกินข้าวกลางวันเสร็จดูเหมือนผู้ร่วมงานจะหายไปเกือบครึ่ง แต่พวกเรายังคงอยู่ฟังเสวนาภาคบ่ายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์การให้บริการของCall Centerต่างๆและมีการสัมภาษณ์อาสาสมัครของมูลนิธิทั้งที่เป็นผู้ช่วยกรณีฉุกเฉินและหน่วยงานที่ให้บริการอาสาสมัครรวมถึงมีการนำเสนอเคสตัวอย่างที่ได้รับความช่วยเหลือจากการติดต่อประสานงานทางวิทยุและโทรศัพท์สายด่วนจนได้ทั้งรถและลูกกลับคืน..เป็นการนัดฟังเรื่องของคนใจดีและมีน้ำใจช่วยเหลือสังคมในบรรยากาศที่สวยงามของทำเนียบนายกฯ  ทำให้เกิดนึกฮึกเหิมที่อยากจะมาบอกเล่าให้พวกเราที่ทำหน้าที่เป็นคนเบื้องหลังได้มีกำลังใจทำความดีกันต่อไป เพราะในการเป็นผู้ให้ย่อมมีผลทำให้เกิดความสุข

หลังจากจบการเสวนาแล้วฉันกับเพื่อนร่วมทีมได้มีโอกาสถ่ายรูปร่วมกับคุณแทนคุณพิธีกรของงานแต่น่าเสียดายที่ไฟหรือแสงไม่พอภาพที่ถ่ายมาจึงดูไม่ค่อยชัดและมืดมาก

งานนี้ไม่ได้มีอะไรที่เกินไปจากกำหนดการเลย ไม่มีการแลกเปลี่ยนจากฟลอร์ แต่ผู้ที่ถูกเชิญมาให้สัมภาษณ์ที่ฉันชื่นชอบมาก นอกเหนือจากอาสาสมัครร่วมกตัญญูและปอเต็กตึ๊งแล้ว ยังมีคุณศิวพรจาก จ.ส.100 และเท็กซี่ใจดีอีก2คนที่ช่วยกันติดตามรถและเด็กที่ถูกขโมยไป คือ คุณมนตรีและคุณสุรพล ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวการให้ความช่วยเหลืออย่างมีสีสันและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดีๆ

การช่วยเหลือให้บริการสายด่วนที่เราอาจจะต้องช่วยกัน นอกเหนือไปจากการแจ้งเหตุหรือแนะนำเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อราชการแล้วอีกอย่างที่ควรช่วยกันดูแลก็คือการดูแลและอบรมสั่งสอนลูกหลานหรือผู้ที่อยู่ในความดูแลให้รู้จักการใช้บริการสายด่วนที่เหมาะสม ไม่ควรโทรไปก่อกวน หรือ แจ้งข้อมูลเท็จ เพราะนอกจากจะทำให้คนที่เดือดร้อนต้องการติดต่อขอความช่วยเหลือจะพลาด/หมดโอกาสติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้อย่างทันท่วงทีแล้ว เขายังมีโทษทั้งปรับและจำคุกสำหรับผู้ที่โทรมาก่อกวนหรือแจ้งข้อมูลเท็จอีกด้วย

หมายเลขบันทึก: 187123เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2008 18:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท