เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2551 ผมได้ทำหน้าที่วิทยากรบรรยาย เรื่อง
ความรู้พื้นฐานเพื่อการวิจัยสถาบัน ในหลักสูตรพัฒนานักวิจัยสถาบัน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2551 ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นหลักสูตรบริการทางวิชาการสำหรับบุคคลทั่วไป
เพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกของ G2K และผู้สนใจทั่วไป ผมจึงได้นำสาระบางส่วนเสนอไว้ในที่นี้
หากนิยามว่า การวิจัย(Research) คือ การศึกษา ค้นคว้า อย่างเป็นระบบ ด้วยวิธีการที่เชื่อถือได้ หรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์
การวิจัยสถาบัน(Institutional Research) ก็ เป็นการศึกษา ค้นคว้าอย่างเป็นระบบ ลักษณะหนึ่ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษา สภาพปัจจุบัน ปัญหา หรือเพื่อพัฒนางานของหน่วยงานหรือองค์กร ในระยะแรก มีการกล่าวถึงงานวิจัยประเภทนี้ในสถาบันอุดมศึกษา ต่อมาได้ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น “เป็นการวิจัยที่เน้นการศึกษา ค้นคว้า รวบรวมและใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในกระบวนการบริหารงานของสถาบัน”
ในการบริหารจัดการองค์กรอย่างเป็นระบบ Kaufman(1978) ได้เสนอวิธีการเชิงระบบในการปฏิบัติงาน(System Approach) โดยจำแนกขั้นตอนการจัดการ เป็น 5 ขั้นตอน คือ (1) ประเมินสภาพปัจจุบัน/ปัญหา หรือ ความต้องการจำเป็น(Needs Assessment) (2) พิจารณา ค้นหา หรือพัฒนา ทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพงาน และเลือกทางเลือกที่เหมาะสม (3)วางแผน/จัดทำแผนงาน โครงการ ตามทางเลือกที่คัดสรรแล้ว (4) ดำเนินงานตามแผน โดยมีการกำกับ ติดตาม ประเมินความก้าวหน้าของงาน และตัดสินใจปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง และ (5) ประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อการตัดสินใจขยายขอบข่ายงาน หรือยุติแผนงาน/โครงการ ซึ่งในสภาพทางปฏิบัติ ขั้นตอนการปฏิบัติงานดังกล่าวข้างต้น จะดำเนินการเป็นวงจรต่อเนื่องกัน
ในกระบวนการดังกล่าวข้างต้นนักบริหารหรือผู้เกี่ยวข้องจำเป็นต้องใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกระบวนการนี้ จะเกิดกิจกรรมการวิจัยหรือกิจกรรมการพัฒนาในลักษณะต่าง ๆ หลายลักษณะ คือ
1. การประเมินสภาพปัจจุบัน/ปัญหา หรือความต้องการจำเป็น : เน้นวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและปัญหาเร่งด่วนขององค์กร เพื่อประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาของสถาบัน “ต้องการสารสนเทศเพื่อนำมาใช้ประกอบการวางแผนพัฒนางานของสถาบัน”....อาจเป็นการสำรวจปัญหา-ความต้องการจำเป็นในกลุ่มลูกค้า(Audience) หรือกลุ่มผู้รับบริการจากสถาบันหรือจากองค์กร ในลักษณะของการศึกษาความต้องการจำเป็นของฝ่ายผู้รับบริการ(Receiver Needs) หรือ ความต้องการจำเป็นของฝ่ายผู้ให้บริการหรือฝ่ายองค์กรเอง(Provider Needs) งานวิจัยกลุ่มนี้ ต้องระวังในเรื่องการเผยแพร่ในวงกว้าง ไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ในวงกว้าง การเผยแพร่อาจมีผลกระทบเชิงลบต่อสถาบัน หรือต่อกลุ่มลูกค้าของสถาบัน
2. การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ : เป็นการค้นหา หรือ
พัฒนาทางเลือกใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนางาน อาทิ พัฒนาสื่อ อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในงาน คู่มือการปฏิบัติงาน เอกสารเสริมความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ชุดเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆ พัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการใหม่ ๆ วิธีการ/เทคนิคการทำงานใหม่ ๆ วิธีการสอนใหม่ ๆ พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับกลุ่มเป้าหมายใด ๆ พัฒนาตัวยาชนิดใหม่ ฯลฯ
งานวิจัยกลุ่มนี้ เป็นเสมือนการหาแนวปฏิบัติที่ดี ๆ(Best Practice)เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนางานในโอกาสต่อ ๆ ไป
การเผยแพร่งานวิจัยกลุ่มนี้ สู่สาธารณะ จะไม่เกิดปัญหาใด ๆ แต่จะเกิดประโยชน์ต่อองค์กรอื่น ๆ ด้วย ทั้งเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันและการนำนวัตกรรมหรือข้อค้นพบไปใช้ในการพัฒนางาน จะอย่างไรก็ตาม ในกรณีของการพัฒนาระบบฐานข้อมูล หรือระบบสารสนเทศขององค์กร ก็มักจะเป็นงานวิจัยสถาบันที่ไม่จำเป็น หรือไม่ควรเผยแพร่ในวงกว้าง
3. การประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ของนโยบาย แผนงาน หรือ โครงการ : เป็นงานวิจัยที่เกิดขึ้นในขั้นของการวางแผน /จัดทำแผนงาน โครงการ ใช้เพื่อการตัดสินใจเป็นการเฉพาะของสถาบัน ยกเว้นในกรณีของการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการสาธารณะ ก็อาจจำเป็นต้องเผยแพร่ต่อสาธารณชน งานวิจัยประเภทนี้ เฉพาะในองค์กรทางการศึกษา มักจะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดหลักสูตรหรือโปรแกรมวิชาใด ๆ การทดลองนำร่องแนวคิดใหม่ ๆ
4. การวิจัย/ประเมินความก้าวหน้าของนโยบาย แผนงาน หรือโครงการ : เป็นงานวิจัยที่เกิดขึ้นในขณะที่นโยบาย แผนงาน หรือโครงการใด ๆ หรือหลักสูตรใด ๆ ได้ถูกนำไปปฏิบัติ หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ มุ่งหาสารสนเทศประกอบการตัดสินใจปรับปรุงงานของสถาบันเป็นการเฉพาะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเผยแพร่ในวงกว้าง
5. การวิจัย/ประเมินสรุปผลการดำเนินงาน การติดตามผล และประเมินผลกระทบต่าง ๆ : เป็นการวิจัยที่เกิดขึ้นเมื่อองค์กรใด ๆ ได้ดำเนินงานตามนโยบาย แผนงาน โครงการ หรือหลักสูตรเสร็จสิ้นระยะสำคัญ ๆ เช่น สิ้นปีงบประมาณ สิ้นปีการศึกษา สิ้นแผนพัฒนาระยะ 5 ปี หรือในกรณีของหลักสูตรการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อใช้หลักสูตรจนครบชั้น เป็นต้น มุ่งตรวจสอบว่า การดำเนินงานใด ๆ ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังหรือไม่ เกิดผลกระทบในลักษณะใดบ้าง มากน้อยเพียงใด(ในกรณีของการศึกษาผลกระทบ อาจเป็นการศึกษาผลที่เกิดขึ้นในระยะยาวหลังจากที่ได้ดำเนินการโครงการ หรือหลักสูตรใด ๆ ไปเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว) เพื่อนำไปสู่การตัดสินว่าควรจะขยายขอบข่ายการดำเนินงานในวงกว้างมากขึ้นหรือไม่ หรือ ควรจะยุติการดำเนินงาน/โครงการ/หลักสูตร หรือไม่
ประเภทของการวิจัยทั้ง 5 ลักษณะ ดังกล่าวข้างต้น เป็นการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนางานขององค์กรหรือสถาบัน ที่สามารถเรียกได้ว่า เป็นงานวิจัยสถาบัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานวิจัยแต่ละลักษณะจะมีระดับความหวั่นไหว(Sensitive) ต่อการเผยแพร่ต่อสาธารณชน จึงเกิดการจัดกลุ่มเป็นงานวิจัยสถาบันแบบเข้มข้น เช่น การวิเคราะห์ปัญหาของสถาบัน การพัฒนาระบบฐานข้อมูลของสถาบัน การประเมินความก้าวหน้าหรือประเมินความสำเร็จของงานใด ๆ ในความรับผิดชอบของสถาบัน จัดเป็นกลุ่มงานวิจัยสถาบันแบบเข้มข้น ที่ต้องระมัดระวังในการเผยแพร่ผลงานในวงกว้าง ส่วนงานวิจัยที่เน้นการทดลองรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ ๆ การพัฒนาสื่อเพื่อสนับสนุนงานใหม่ ๆ หรืองานวิจัยเชิงประดิษฐ์ที่สามารถนำผลผลิตมาใช้ในการพัฒนางานของสถาบัน กลุ่มนี้ เป็นงานวิจัยที่สามารถเผยแพร่ในวงกว้างได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสถาบันหรือองค์กรอื่น ๆ
มีคำหลายคำที่เกี่ยวข้องกับ วิจัยสถาบัน เช่น Policy Research Policy Studies Policy Formulation Policy Evaluation ฯลฯ ที่นักวิจัยสถาบันทุกคน ควรศึกษา/ทำความเข้าใจ แล้วนำหลักคิดมาใช้ในการพัฒนางานในองค์กร
http://gotoknow.org/blog/katti/199894
ย่อรูปแต่งรูปพี่ดาวคนสวยใจดี