วั
ภาคเช้า
เช้านี้พวกเราได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าพบนายอำเภอสวนผึ้ง ซึ่งในครั้งนี้ อาจารย์กิติวรญา และ อาจารย์อัจฉราได้กล่าวถึงที่มาและวัตถุประสงค์ในการมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายอำเภอได้พูดถึงสภาพปัญหาในท้องที่อำเภอสวนผึ้ง กระบวนการแก้ไขปัญหาต่างๆในเรื่องสถานะบุคคล และได้แนะนำและชี้แจงว่าให้ชาวบ้านเข้าใจให้ถูกถึงคุณสมบัติที่จะขอลงรายการสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ และกระบวนการในการยื่นขอลงรายการสัญชาติให้ถูก อย่าให้เหมือนคณะทำงานอื่นๆ ที่ไปบอกให้ชาวบ้านเข้าใจผิดจนทำให้ชาวบ้านไม่ใช้สิทธิที่ตนมีอยู่
ภาคบ่าย
เดินทางไปยังหมู่บ้านห้วยคลุม พบคุณพ่อเอ รัตนศักดิ์ กิจตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยคลุม และเป็นผู้อำนวยการคณะกรรมคาทอลิคเพื่อผู้ประสบภัยและผู้ลี้ภัย (ราชบุรี)และที่นั่นเราก็พบกับพ่อเป็ด ประสิทธิ์ รุจุรัตน์ เป็น เลขาธิการคณะกรรมการคาทอลิคเพื่อการพัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์สังคมพัฒนาราชบุรี ซึ่งเป็นผู้ที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องที่พักและอาหารให้พวกเราในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ พ่อเอได้พูดถึงสาเหตุปัญหาด้านสถานะบุคคลของชาวบ้านห้วยคลุมที่ยังไม่ได้แก้ไข ทั้งที่เป็นกลุ่มที่เข้ามาในประเทศไทยก่อนปี 2518 แต่บางกลุ่มที่เข้ามาทีหลังกลับได้รับการอนุมัติให้ได้สัญชาติไทยแล้ว บางครั้งทำให้ชาวบ้านค่อนข้างที่จะเบื่อและท้อแท้กับกระบวนการได้มาซึ่งสัญชาติไทยและการขอสถานะเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย
จากนั้นได้มีการเข้าไปสอบข้อเท็จจริงของบ้านนายนาเวะ ที่มีลูกสาวสองคนที่เข้ามาตรา 23 และบ้านของนายทุม่อง และนางเล็ก ไม่มีนามสกุล
กรณีของสุนีย์มีข้อเท็จจริงดังนี้
- สุนีย์เกิดเมื่อ ปี 2531
- บิดาชื่อ นายนาเวะ มาดารชื่อ นางมั่นใจ(เสียชีวิต) ซึ่งอพยพมาจากประเทศพม่า ปัจจุบันนายเวะ ถือบัตรผู้ไม่มีสัญชาติไทย ประเภท ผู้ผลัดถิ่นสัญชาติพม่า
- ปัจจุบันทำงาน
เอกสารของศิริรัตน์ ปรากฏดังนี้
- แบบพิมพ์ประวัติ
- ทะเบียนบ้าน ทร.13
- บัตรประจำตัวผู้ไม่มีสัญชาติไทย ประเภท ผู้ผลัดถิ่นสัญชาติพม่า
- วุฒิการศึกษา
กรณีของศิริรัตน์มีข้อเท็จจริงดังนี้
กรณีของ
- ศิริรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2534 มีสูติบัตรออกโดยอำเภอสวนผึ้ง
- บิดาชื่อ นายนาเวะ มาดารชื่อ นางเล็ก อพยพมาจากประเทศพม่า ปัจจุบันถือบัตรผู้ไม่มีสัญชาติไทย ประเภท ผู้ผลัดถิ่นสัญชาติพม่า
- มีน้อง 3 คน คือ ดนุพล ราเชนท์ อรณิชา ซึ่งทั้งสามคนได้ยื่นขอมีสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ และกำลังรอการอนุมัติ
- ปัจจุบัน กำลังเรียนอยู่การศึกษานอกโรงเรียน
เอกสารของศิริรัตน์ ปรากฏดังนี้
- สูติบัตร
- บัตรประจำตัว (บัตรเดิมที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นบัตรแถบแม่เหล็ก)
- ทะเบียนบ้านทร. 13
- วุฒิการศึกษา ป.6
กรณีของบ้าน นายทุม่อง และนางเล็ก ไม่มีนามสกุล
เอกสารของวาสนา และดารุณี
- สูติบัตร (แจ้งเกิดย้อนหลัง)
- แบบพิมพ์ประวัติบุคคลบนพื้นที่สูง (เพิ่มชื่อทีหลังวันที่มีการสำรวจสำรวจ)
- เข้ารับการสำรวจผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนแล้วและรอถ่ายบัตร
- ใบแสดงผลการเรียนชั้นป.6
พ.ศ. 2531 และ 2533 - น.ส.วาสนา และ ดารุณีคลอดตามลำดับ
พ.ศ. 2534 - มีการสำรวจและจัดทำทะเบียนประวัติของบุคคลบนพื้นที่สูง ซึ่งผู้ที่ได้รับการสำรวจคือ นายทุม่อง และ นางเล็ก เพียงสองคน ไม่ได้พาลูกทั้งสองคนไปทำการสำรวจด้วย
พ.ศ. 2535 - แจ้งเกิดเด็กชายทะนง พร้อมทั้งเพิ่มชื่อวาสนา และดารุณี ในแบบพิมพ์ประวัติ
พ.ศ. 2548 - นายทุม่องและนางเล็กยื่นขอสถานะเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนลูกสามคนยื่นขอมีสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ
- ทางอำเภอตอบกลับว่า วาสนา และ ดารุณี ไม่มีชื่อในฐานข้อมูลที่กรมการปกครอง จึงไม่สามารถยื่นขอ 7 ทวิได้
พ.ศ. 2550 - นายทุม่องและนางเล็ก ยื่นขอสถานะเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายอีกครั้ง
- วาสนา และดารุณี เข้ารับการสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน
ปัญหาของกรณีศึกษานี้
วาสนาและดารุณีไม่มีชื่อในฐานข้อมูลที่กรมการปกครองทั้งที่เพิ่มชื่อในทะเบียนประวัติแล้ว ทำให้ไม่สามารถยื่นตามมาตรา 7 ทวิ ได้
แนวทางการแก้ไขปัญหากรณีศึกษานี้
หาพยานบุคคลเพื่อเป็นการยืนยันว่าวาสนาและดรุณีเกิดไทยจริง แต่ไม่ได้รับการสำรวจพร้อมพ่อกับแม่
ภาคค่ำ
ประชุมสรุปงานเพื่อให้แต่ละฝ่ายเข้าใจตรงกัน และได้ทราบความคิดเห็นของแต่ละบุคคลในคณะทำงาน รวมถึงการจัดเตรียมในกรณีของบุคคลตามมาตรา 23 โดยสรุปข้อมูลที่ได้และหาแนวทางในการดำเนินงานเพื่อจัดเตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ รวมถึงได้วางแผนการดำเนินงานในวันต่อไป จากการพูดคุยอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านที่จะลงไปพบชาวบ้าน และวางแผนในเรื่องการแบ่งกลุ่มคณะทำงานออกเป็น สอง กลุ่ม เพื่อที่จะสามารถลดเวลาในการลงพื้นที่ เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวน 2 ราย ที่เข้ามาติดต่อสอบถามปัญหาในช่วงเช้า เพื่อที่จะสามารถสอบถามข้อมูลได้หลังจากที่กลับมาจากหมู่บ้าน จึงต้องบริหารเวลาในการลงพื้นที่
ผมลงพื้นที่แทบจะทุกวัน เจอหลายปัญหาจริงๆเลย