หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เยือนสวนป่า รู้จักกระบวนกร (๑๔) : ช่วงสุดท้ายของกิจกรรมที่สถาบันขวัญเมืองได้มอบให้ ณ สวนป่าค่ะ.....เฮฮาศาสตร์5


น้องๆเข้ามากอดพร้อมกับร้องไห้สะอื้นกันค่ะ บางคนหอมแก้มตามที่ใจอยากจะทำอย่างไม่ยั้งใจค่ะ ความรู้สึกฉันมันบอกตัวเองว่า ดีใจค่ะที่พาน้องๆมาแล้วเขาได้พบกับสิ่งที่เติมเต็มใจเขา

           19 พฤษภาคม  พ่อพาเดินรอบสวน วนเข้าไปป่าต้นยูคา สวนสมุนไพรป้าจุ๋ม   พาดูต้นมะสังที่มีลูกมะนาวโชว์ตัวให้เห็นอยู่ทั่วๆไป   แล้วชวนให้หาไข่ไก่ต๊อกที่แอบไข่ไว้ตามสุมทุมพุ่มหญ้า  ฉันแอบเห็นหลายคน ไม่อยากเดินแล้วอ่ะ  ก็พงหญ้ามันรก  พ่อครูก็คงเห็นเดินไปในพุ่มหญ้าไม่มีคนเดินตาม  พ่อเลยเดินต่อในทางที่เดินลัด  พากลับมาดูรังไก่ต๊อกที่หาเจอรังไว้แล้ว   ตรงรังที่เห็นมีร่มกางไว้  พ่อครูเตือนไว้ อย่าไปเก็บไข่มานา เดี๋ยวไก่รู้ตัวมันจะตื่นเตลิด ไม่มาไข่ไว้ให้เห็นง่ายๆอีก   ที่กางร่มให้ด้วยพ่อครูกลัวว่า ไข่มันจะเน่าเวลาโดนน้ำฝน  เลยช่วยบังร่มไว้กันน้ำฝนไม่ให้ตกต้องมันค่ะ  

 

เช้านี้ฉันว่า พ่อครูคาดหวังว่า จะได้ชวนกันเก็บเห็ดในป่าให้สนุกเพลิดเพลิน ตอนเดินไปๆจึงให้ลองกันค้นหา แล้วก็พบว่าไร้วี่แววของเห็ดที่จะได้เก็บกัน  พบมีก็แต่เห็ดพิษ  เห็ดกินไม่ได้  ฉันได้ความรู้จากน้องเสียงเหน่อว่า พี่หมอจะดูว่า เห็ดอะไรมีพิษ ให้ดูที่โคนร่ม ถ้ามันมีปีกอยู่ใต้โคนร่ม  เห็ดนั้นมีพิษนะครับ อย่าเก็บไปกิน    

ตอนเดินกันไปที่สวนยูคา ก็ได้เห็นเห็ดต้นบะเริ่มเทิ่ม     ฉันไม่เคยเห็นเห็ดขนาดนี้มาก่อน รูปร่างกลมๆเหมือนพวงมะพร้าวที่อยู่ในผลของมะพร้าวแก่ที่เตรียมงอกหน่อ  พ่อครูบอกว่ามันมีชื่อว่า เห็ดหำม้าค่ะ  ใครเคยเข้าใกล้หรือใกล้ชิดม้า คงจินตนาการออกว่า เหตุไฉนมันจึงถูกขนานนามอย่างนี้   แต่ฉันไม่เค้ยไม่เคยเห็นม้าใกล้ชิด เคยเข้าใกล้ม้าแค่ขึ้นนั่งหลังมันครั้งเดียวเองอ่ะในชีวิตนี้   เลยจินตนาการไม่ออกว่า  ทำไมเจ้าเห็ดนี้จึงถูกให้ชื่อเปรียบเทียบไว้อย่างนี้ค่ะ

 

การเดินเช้านี้ มีอ.มนตรีและอ.ประสาท เดินร่วมไปด้วย  คนหนึ่งยิ้มแย้ม คนหนึ่งสำรวม  ร่วมเป็นต้นแบบของความสำรวมที่อยู่ในท่าทีและเป็นต้นแบบของการปลุกการตื่นรู้ที่ลู่ตามไปกับกิจกรรมประจำวัน 

ระหว่างเดินไป อ.ประสาทได้สอบถามฉันว่า เช้านี้ตื่นมาเป็นอย่างไรบ้าง  ฉันตอบไปว่า ตื่นเช้าขึ้นมาไม่ได้มีอะไรคิด ตื่นแล้วทำกิจวัตรประจำวัน แล้วก็เตรียมเข้าครัวเพื่อทำอะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้า  อ.ประสาทได้เอ่ยเตือนว่า ทำอย่างนี้อันตราย  ตอนนั้นฉันฟังแล้วเกิดความงง! แค่ทำอย่างนี้ก็มีอันตรายเกิดขึ้นเลยหรือ  อันตรายอะไรที่อาจารย์กำลังเอ่ยเตือน 

อาจารย์ถามอีกว่า ที่ผ่านมาวางแบบแผนฝึกตัวเองมาอย่างไรหรือ   ฉันไม่เข้าใจคำว่าวางแบบแผนที่อาจารย์ถาม  ก็เลยตอบว่า ไม่ได้มีแบบแผนอะไรหรอกค่ะ  เพียงแต่เคยลองทำงานไปกับน้องๆ ปูพื้นฐานกันให้รู้จักมองเชิงบวก แล้วความรู้สึกมันถูกปรับไปเองค่ะ  อาจารย์บอกว่าอ้อ! แบบแผนไม่เหมือนกันอย่างนี้นี่เล่า  ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่า อาจารย์อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้อะไรจากฉัน  หลังจากได้คุยกัน อาจารย์ก็ขอแยกตัวกลับไปบ้านใหญ่ก่อน แล้วอ.มนตรีก็แยกกลุ่มเดินตามหลังไปด้วยอีกคน

             หลังพ่อครูพาเดินลัดวนกลับเข้าบ้านใหญ่ทางด้านหลังบ้าน   กลุ่มที่ไปกันทั้งหมดก็มารวมกันกับคนที่ไม่ได้ไป กินอาหารเช้าก่อนเริ่มกิจกรรมประจำวัน  จับฉ่ายกำลังอร่อยได้ที่พอดีกินเลยค่ะ   

             ก่อนออกเดินชมสวนป่า นักการอิ่มแวะมาบอกฉันว่า เช้านี้น่าจะมีกิจกรรมไม่มาก เพราะว่าเมื่อคืน กระบวนการกลุ่มได้ผ่านเลยเข้าจุดของ reflection กันแล้ว   ฉันก็เลยบอกน้องๆในทีมว่า มีอะไรในใจที่ยังติดข้องให้ถามอาจารย์ในกิจกรรมเช้านี้ได้  

              กินข้าวกันแล้ว ก็ร้องเรียกให้มารวมกลุ่มกันในบ้านอีกครั้ง  อาจารย์เริ่มต้นด้วยการให้อยู่นิ่งๆกับตัวเองพร้อมมีเพลงให้ฟัง     จะนอนจะนั่งก็ได้ทั้งนั้นไม่มีว่ากัน  ตอนที่เริ่มนั้นนักการอิ่มยื่นไมค์มาให้ฉันเริ่มคนแรก  ฉันไม่รู้ว่าใจนักการนั้นคาดหวังให้ทำอะไร  ฉันก็เลยบอกกลุ่มว่า เช้านี้นั้นจะเป็นการแลกเปลี่ยนทวนถามกัน แล้วก็ชวนให้เข้าบทอยู่กับตัวเองพูดไปสั้นๆได้เท่าที่เคยพูด  จบแล้วก็ส่งไมค์คืนกลับให้นักการอิ่ม  แล้วฉันจึงเริ่มต้นอยู่กับตัวเองต่อไป  นักการอิ่มชวนกลุ่มให้อยู่กับตัวเองต่อ จะสมัครนอนหรือนั่งก็แล้วแต่ใจที่สมัครของตน  ฉันนั้นเลือกนอนแล้วฟังนักการอิ่มพูด   สิ่งที่นักการพูดเป็นเรื่องเล่าที่ยาวมากๆค่ะ  ฉันฟังไปเรื่อยๆจนหลุดภวังค์หลับไปเลยค่ะ  รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเสียงที่เล่าเงียบไปเป็นครู่แล้วค่ะ   เสียงที่มาแทนเสียงวิทยากรนั้นคือความเงียบที่มีเสียงกรนเบาๆปนอยู่ค่ะ  วิทยากรปล่อยบรรยากาศอย่างนี้ไว้เป็นครู่จึงได้ส่งเสียงให้ทุกคนตื่นมา  

 

            กิจกรรมต่อมา อ.มนตรีกล่าวว่า  โอกาสที่กลุ่มได้ร่วมเรียนรู้ไปกันแล้วนั้น ใครมีความรู้สึกอะไรอยากบอกออกมา  ให้บอกออกมาเมื่ออยากจะบอกโดยสมัครใจ   ไม่มีการเวียนไมค์วนไปให้พูดตามลำดับคน   จะเงียบอย่างไร อาจารย์ก็จะไม่เรียกให้ใครต้องพูด  จะวางไมค์ไว้ให้สำหรับคนที่อยากจะพูดออกมาหยิบไปพูดกันเอง   ใครอยู่ไกลไมค์มาหยิบไม่ได้ให้ยกมือขึ้น  แล้วไมค์ที่มีก็จะเดินไปถึงมือให้เอง

             บรรยากาศตอนเริ่มกิจกรรมนี้นั้น เงียบไปเป็นครู่   จึงปรากฏลุงแฮนดี้เริ่มพูดก่อนใคร  เริ่มหนึ่งคนแล้ว ก็มีคนที่สองแวะเวียนมาหยิบไมค์  วนเวียนกันไปจนได้พูดกันครบถ้วนทุกคน  

            ตอนที่เล่าความรู้สึกออกมาให้ได้ฟังกันเป็นคำพูดนั้น  มันคือบทเริ่มที่ทำให้น้ำตาตกท่วมพื้นสวนป่าค่ะ  มีหลายคนนักที่พูดไปด้วยน้ำตาตกไปด้วย  ฉันสัมผัสว่าน้ำตาที่ตกหาใช่ตกเพราะเศร้าเสียใจไม่  หากแต่มันเป็นน้ำตาที่ตกเพราะความเข้าใจ ดีใจที่ได้รับรู้ตนในความรู้สึก  มันเป็นน้ำตาที่ปลดปล่อยมอบอิสรภาพที่ได้ทำความรู้จักกับความรู้สึกตนเองค่ะ    ใครพูดอะไรฉันจะขอไม่บันทึกไว้ที่นี่นะค่ะ  มอบให้เจ้าตัวทำหน้าที่แบ่งปันให้เพื่อนได้เรียนรู้ร่วมด้วยใจสมัครค่ะ   

                 สำหรับฉันนั้นเป็นคนสุดท้ายที่เล่าเรื่องค่ะ  ระหว่างกิจกรรมนั้น ฉันคุยกับตัวเองค่ะว่า จะเอายังไง  สุดท้ายความคิดมันไม่ตัดสินอยากจะพูดอะไร  จึงรอๆไป แต่แล้วใจมันก็ยังเฉยอยู่   จนคนวนครบคน  ใจมันจึงบอกขึ้นว่า  เริ่มพูดไปเถอะ ให้พูดแล้วละ  พูดได้เลยจ๊ะ  รู้ตัวด้วยว่าตอนใจสั่งให้พูด  ความคิดในหัวมันยังตัดสินไม่ได้ว่าตั้งให้พูดเรื่องอะไร   เมื่อใจให้เริ่มพูด ฉันก็เริ่มพูดคำแรกทวนความเหตุการณ์นับตั้งแต่วันแรกที่มาสวนป่า จวบจนเช้านี้  ต่อจากนั้นใจพูดเองว่าอยากบอกอะไร  สิ่งที่ได้บอกออกมาให้ฟังกันนั้น  เป็นบทเรียนที่ใจมันถอดได้   มันถอดบอกว่าในบางเวลาฉันตามความรู้สึกตัวเองได้ทัน  แต่บางเวลาฉันตามทันมันไม่ได้เพราะความคิดไปบังค่ะ   แล้วมันให้สัญญากับตัวเองว่า จะฝึกฝนตนต่อไปให้ตามทันให้ได้ค่ะ

              ต่อมา อ.มนตรี ก็บอกให้ยืนขึ้น  แล้วบอกให้เดิน เดิน เดิน อย่างที่ใจอยาก  เดินไปๆ อาจารย์ก็เร้าความรู้สึกว่า ตอนเดินใจอยากจะทำอะไรให้ทำอย่าฝืน  ตอนนี้แหละมหกรรมกอดๆๆๆๆ ก็เกิดขึ้นตลอดเวลาเลยค่ะ   ฉันนั้นถูกกอดจากคนในกลุ่มแทบจะครบทุกคนเลยค่ะทั้งตอนเดินวนมาพบกัน และตั้งใจเดินเพื่อมากอด    ระหว่างเดินวนชนน้องๆที่มาจากกระบี่นะค่ะ  น้องๆเข้ามากอดพร้อมกับร้องไห้สะอื้นกันค่ะ บางคนหอมแก้มตามที่ใจอยากจะทำอย่างไม่ยั้งใจค่ะ  ความรู้สึกฉันมันบอกตัวเองว่า ดีใจค่ะที่พาน้องๆมาแล้วเขาได้พบกับสิ่งที่เติมเต็มใจเขา   

 

                ความรู้สึกตอนเดินนั้นใจฉันอยากกอดคนอื่นค่ะ  ใครเข้ามากอดเลยได้กอดตอบเต็มอ้อมแขนเลยค่ะ  มันเป็นความสุขที่เติมเต็มใจฉันมากค่ะ  แล้วก็มาแปลกใจที่กิจรรมนี้ไม่ทำให้ฉันมีน้ำไหลออกตาเหมือนใครๆเขาเป็นกัน    และยังมีความแปลกใจอีกกับการที่มีคนมาขอกอด เป็นคนสุดท้ายที่มากอดฉันจริงๆนะค่ะ  ก่อนขอกอดเขาถามก่อนด้วยความสุภาพว่า ทีนี้ถึงตาผม ผมรออยู่นะครับ อาจารย์พร้อมหรือยัง ผมจะกอดอาจารย์แล้วครับ  ฉันตอบไปว่า  กอดได้เลยค่ะ ฉันพร้อมแล้วค่ะ  เขาก็เข้ามากอดพร้อมทั้งกล่าวบอกว่า  อาจารย์ครับ ช่วยผมด้วยนะครับ ดูแลผมด้วยนะครับ  เป็นคำบอกที่ทำให้ฉันงงจนไม่ได้ตอบ  ตอนนั้นได้เพียงแต่กอดกลับไปแน่นๆโอบเต็มทั้งตัวค่ะ   ตอนนี้ยังหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ว่าทำไมถูกบอกอย่างนั้น

                ช่วงบ่ายเมื่อวานที่ผ่านมาแล้ว  ก่อนวิทยากรให้ทุกคนแยกย้ายไปชมต้นไม้ที่อยู่ในสวนป่าและฟังตัวเอง  พ่อครูบาได้กล่าวความรู้สึกให้กลุ่มฟังอีกครั้ง   หลังจากนั้นวิทยากรให้ทุกคนเลือกให้ของมีค่าที่สุดในตัวแก่พ่อครูค่ะ พ่อครูได้รับมาใส่กระบะเก็บไว้ แล้วก็ยังไม่มีการคืนให้ตั้งแต่เมื่อวานค่ะ   หลังจากมหกรรมหลั่งน้ำตาท่วมสวนป่าและมหกรรมการกอดสิ้นสุดลงแล้ว   วิทยากรก็ให้ทุกคนมารับคืนสิ่งมีค่านั้นคืนจากพ่อครูค่ะ   มีของบางคนที่กลับไปก่อนเหลือทิ้งอยู่บ้าง   ของใครทิ้งไว้ตกลงกับพ่อครูว่าให้ไปรับคืนเองค่ะ 

               ระหว่างเตรียมตัวกลับคืนถิ่นของแต่ละคน  มีเวลาช่วงหนึ่งที่ได้นั่งคุยกับอ.ประสาท ฉันได้ถามความที่ยังติดใจ ก็ในเรื่องที่อาจารย์เอ่ยถึงอันตราย  อาจารย์เฉลยว่า อันตรายที่ว่า คือ โดนหลอกนะค่ะ หลอกโดยความคิดว่าสิ่งที่กำลังประสบคือความรู้สึก แต่แท้ที่จริงมันคือความคิด ที่บอกว่าไม่คิดแต่เป็นความรู้สึกมันไม่ใช่ความรู้สึกที่เป็นของจริง  อาจารย์แนะว่า ตื่นนอนตอนเช้า ให้นอนลืมตานิ่งไว้อยู่สักครู่  ฝึกตามตื่นรู้กับความรู้สึกด้วยกิริยาอะไรก็ได้ เช่น การยกขาตามท่าโยคะ  เพื่อใคร่ครวญตามดูความรู้สึกที่มี   ให้ฝึกตนบ่อยๆจะได้ไม่โดนสมองหลอกเอาค่ะ

  

                น้องเจี๊ยบถามเรื่องของเธอว่า หนูเคยมีเรื่องในใจที่ไม่แน่ใจ คือ มีคนมาขอให้ทำอะไรให้  รู้สึกในใจว่า ไม่ทำหรอกไม่ทำ  แต่พอทำจริงๆกลับทำสิ่งตรงข้ามกับที่ตั้งใจเอาไว้  มันหมายถึงอย่างไรหรือค่ะ   อาจารย์ตอบเธอว่า  ใจกับความคิดเธอมันกำลังต่อสู้กัน  ไม่ใช่กำลังขัดแย้งกัน  มีแบบนี้ดีไม่ใช่ความไม่ดี   ไม่ต้องงงๆครับ  ถ้าเจอเหตุการณ์นี้ ให้ถือเป็นเรื่องดีที่จะได้เรียนรู้ต่อ  อาจารย์บอกอีกว่า มันบอกให้รู้ว่าใจกำลังสู้ใจ   ฟังแล้วตอนนั้นใจฉันบอกต่อในใจเลยว่า  เออ! ดีแล้วหนอที่น้องเจี๊ยบถามขึ้นเองอย่างนี้  จะได้รู้ใจตัวเองว่าที่แท้ใจน้องเจี๊ยบนั้นมันรักการทำดี   ใจที่ดีกว่ามันจึงทำให้ได้ทำให้เกิดเรื่องทำดีๆออกไป  มันก็อยู่ที่ตัวความคิดของน้องเจี๊ยบนั้นจะเลือกเติมเต็มความสุขต่ออย่างไรจึงดีต่อตน  จะเลือกให้ใจสู้ใจเพื่อเติมเต็มความสุขหรือจะเลือกตามใจด้านดีๆให้ใจได้เติมเต็มความสุข   เป็นเรื่องเรียนรู้ที่น้องเจี๊ยบนั้นควรจะตามรู้ดูสิ่งที่ใจเรียกร้องด้วยตัวเองต่อไป

 

หมายเลขบันทึก: 186772เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2008 00:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:08 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊ ใจกับความคิดนี่คงต่อสู้กันทุกเรื่องนะคะ

สวัสดีครับ แวะมาทักทายครับ...

เป็นกิจกรรมที่ดีนะครับ...น่าสนุกสนานทีเดียว...ชอบครับกิจกรรมกลุ่ม

ดีใจที่ยังตามมาเรียนสิ่งที่ผมไม่มีโอกาสครับ

สองเดือนก่อน เขียนบันทึกไว้ เรื่องความจริงแบบไหน ที่เป็นจริง น่าคิดครับ อะไรคือคิดไปเอง อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้น

การตื่นรู้เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึก"ตื่น"จริงๆ นะคะ

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์เช่นเคยค่ะ ^ ^

สงสัยต้องไปเรียนหลักสูตรนี้ที่เชียงรายจริงๆเสียแล้ว เพราะอ่านของพี่หใอแล้วรู้สึกว่าเราโง่..จริงๆ

  • สวัสดีค่ะ น้องแอม
  • ความจริงเป็นแบบไหน ที่เป็นจริงคืออย่างไร 
  • ถ้ามีโอกาสอยากชวนให้ลองฝึกค้นหาจากตัวเองดูเองก่อนค่ะ
  • สวัสดีค่ะ น้อง Pompier
  • กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้คนเข้าใจตัวเองมากขึ้นค่ะ เวลามีกิจกรรมกลุ่มก็ไม่หนักค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.หมอเจ๊

  • ถ้าป้าแดง อยู่ในกิจกรรมนี้ด้วย สงสัยขี้โป่งแน่ๆเลยละค่ะ
  • เสียดายกอดๆๆๆ
  • น้อง Conductor
  • ชอบน้องตรงที่มีความช่างคิด ใคร่ครวญจนชวนทึ่งนี่แหละค่ะ
  • เป็นคนที่หมอเจ๊รัก ตั้งแต่ได้อ่านบันทึกเลยค่ะ
  • ยิ่งได้เห็นตัวจริง ยิ่งรู้สึกรักใหญ่ค่ะ
  • อ. กมลวัลย์ ค่ะ
  • ใจคนเรานี่แปลกนะค่ะ
  • เหมือนน้ำเลยค่ะ ตื่นแล้วยังไหลลงไปที่เดิมได้อีก
  • เมื่อตื่นรู้แล้ว มันคือเกิดแล้ว และในขณะเดียวกันมันก็ดับลงไปด้วยเลย
  • มิน่าจึงมีคำสอนว่า ควรฝึกตนเพื่อให้เข้าใจและตามทัน
  • เข้าใจแบบไม่หลง เข้าใจแบบรู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง
  • ใครที่เคยตื่นแล้ว จึงไม่ควรปล่อยโอกาสในการฝึกฝนตน
  • หมอเจ๊รู้สึกว่าตัวโชคดีที่ได้ครูดีมาเตือนในเรื่องนี้ได้จังหวะค่ะ
  • อัยการชาวเกาะ
  • ซือตี๋จ๋า เจ๊มาชวน
  • ไปลองดูแค่กล้อมแกล้มก่อนในวันที่ 13 นี้ที่สวนป่า
  • ไปกันไหมละค่ะ 
  • ถ้าไป บินไปก็ได้ จะให้รถไปรับที่สนามบินสตึกค่ะ
  • ถ้าจะไปกับเจ๊ ก็มีที่นั่งว่าง ไปด้วยกันได้ค่ะ
  • pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ] ค่ะ
  • หมอเจ๊เห็นด้วยว่าใช่ๆ เหมือนกัน
  • เคยผ่านมาแล้วนี่ ลองทบทวนตัวเองไหม
  • ได้อะไรคืนมาให้กับตัว
  • ถ้าถอดบทเรียนตัวออกมาได้
  • จะรู้แจ้งว่าหลักสูตรนี้ให้อะไร
  • จะช่วยคนอื่นได้อย่างไร
  • ใจเราสบายด้วยนะค่ะ ที่มีโอกาสให้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท