โค้ชส้ม Citrus
Miss. ปรีดิ์ฤทัย โค้ชส้ม ตั้งจิตญาณพัฒน์

สปามาแรงแซงทุกเรื่อง


พูดถึงสปา สาวๆ ส่วนใหญ่ไม่ว่าวัยไหนก็ชอบทั้งนั้น เหมาะกับยุคปัจจุบันที่คนเราว่ายวนอยู่ในทะเลแห่งความเครียดกันเป็นประจำ

      คำว่า "สปา (SPA)" เคยได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งว่า ใช้คำว่า สัปปายะ ก็ได้ หมายถึงสุขสบาย  ใครที่เคยผ่านการเข้าไปใช้บริการในสปารูปแบบต่างๆ ตามสนนราคาที่สามารถจ่ายได้ตามกำลังทรัพย์ คงทราบดีว่า สบายแค่ไหนเวลาไปนอนให้คนนวด ได้รับการสัมผัสที่นุ่มนวล แถมมีกลิ่นหอม คลุกเคล้าด้วยเสียงเพลงสบายๆ จนหลับกันไปได้ สบายตัว แล้วก็น่าจะสบายใจด้วย

**สัปปายะ หมายถึง สิ่ง สถาน หรือบุคคล ซึ่งเป็นที่สบาย เหมาะกัน เกื้อกูล หรือเอื้ออำนวยโดยเฉพาะที่ช่วยเกื้อกูลแก่การบำเพ็ญและประคับประคองรักษาสมา ธิ ท่านแสดงไว้ ๗ อย่าง คือ อาวาส (ที่อยู่), โคจร (ที่บิณฑบาตหรือแหล่งอาหาร), ภัสสะ (เรื่องพูดคุยที่เสริมการปฏิบัติ), บุคคล (ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วช่วยให้จิตผ่องใสสงบมั่นคง), โภชนะ (อาหาร), อุตุ (สภาพแวดล้อมและอุณหภูมิ), อิริยาบถ; ทั้ง ๗ นี้ที่เหมาะกันเป็นสัปปายะ ที่ไม่สบายเป็นอสัปปายะ

***อ้างอิงจาก web ธรรมะคนกรุง http://dbkk.blogspot.com/2005/05/blog-post.html

     เหตุที่เขียนถึงเรื่อง "สปา" เพราะชอบเหมือนกันนานๆ ที  แต่ต้องไม่ราคาสูงเกินไป เสียดายตังค์ ตามสไตล์คนหนืดๆ  ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา จะพูดถึงการทำสปาทางร่างกาย หรือทำให้มีความสุขสบายทางกายซึ่งส่งผลทางด้านจิตใจในระหว่างที่ร่างกายผ่อนคลายด้วย

     ความหมายของคำว่า SPA จริงแล้วย่อมาจาก Sanitas per Aquas บางตำราก็ว่า SANUS PER AQUAM  แปลว่าการใช้น้ำในการบำบัดร่างกาย เพื่อเสริมสุขภาพและช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย

     แต่ที่เราเห็นทุกวันนี้มีการผสมผสานหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน เพื่อให้มีความหลากหลายตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่างได้อย่างตรงใจที่สุด

     ที่ผ่านมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ไปเป็นหนูทดลองในโปรแกรม จิตตสปา (Mind Spa) ของบริษัทหนึ่งที่เจ้าของท่านเป็นผู้บริหารที่มีชื่อเสียง และจิตใจงดงาม ธุรกิจจริงๆ ของท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพกายใจแต่อย่างใด แต่ท่านสละพื้นที่ใน office ของท่านให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมใจกลางเมืองหลวง  และรายการที่มีโอกาสแบบส้มหล่นได้ไปเข้าร่วมอย่างบังเอิญนี้ เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจใช้เวลา 2 วันค่ะ มีประโยชน์ทางด้านสุขภาพกายใจจริงๆ  เช่น เรียนรู้เรื่องการดูแลสุขภาพบนความรู้ด้านธาตุเจ้าเรือนตามตำราแพทย์แผนไทย (มีการระบุลักษณะนิสัยของคนธาตุต่างๆ ทำให้เรานำไปเชื่อมโยงกับเรื่องผู้นำสี่ทิศ เพราะแบ่งคนเป็น ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนกัน) แถมด้วยฤาษีดัดตน   กิจกรรมต่อมาเป็นหัวเราะบำบัด ซึ่งทำให้เหน็ดเหนื่อย ออกแรงอย่างหนัก นอนหลับสบายมากในคืนที่กลับจากการสัมมนาวันแรก ที่ประทับใจคือการแสดงธรรมของพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่อดีตท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก แต่ตอนนี้มาพักอยู่ในวัดแถวปทุมธานี

     คำสอนที่ชอบและพยายามนึกอยู่เสมอ คือ การชำระล้างใจให้สะอาดทุกวันเป็นกิจวัตรเหมือนที่เราชำระล้างร่างกาย น่าสนใจ เป็นการเปรียบเทียบง่ายๆ แต่เราไม่เคยนึกถึงกันซักเท่าไร

     วันที่สองเรียนโยคะ ศิลปะบำบัดด้วยการวาดดนตรี ตบท้ายด้วยฟังการบรรยาย ธรรมะในชีวิตประจำวันโดยคุณหมอผู้บริหารระดับสูงของ โรงพยาบาลนครธน

     ตอนแรกคิดว่า โยคะ ก็เฉยๆ เพราะเคยเรียน เคยฝึกมาแล้ว พอทำได้ จึงไม่คิดว่ามีอะไรใหม่ แต่ก็คาดผิด ผิดคาด ครูฝึกที่มาสอนอายุน้อยไม่ถึงสามสิบ ซ้ำยังเป็นผู้ชาย แต่ตัวอ่อนยังกับตัวหนอน สิ่งที่ไม่เคยรู้คือ ขณะทำท่าทางต่างๆ เราต้องดูจิต ดูกาย ดูลมหายใจ ไปพร้อมๆ กัน ที่ผ่านมา เรามักจับจ้องที่ลมหายใจและท่าทางว่าต้องทำให้ได้ ก้มให้ได้ งอให้ได้เหมือนครูฝึก แต่งานนี้ไม่ใช่เลย แค่ไหนแค่นั้นแต่ขอให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

    ส่วนการวาดดนตรีอันนี้ไม่เคยพบ จึงสนใจตั้งแต่เห็นโปรแกรม แต่ก็หวั่นเรื่องการวาดรูป เพราะคิดว่าต้องเน้นที่วาดให้เป็นภาพที่ดูรู้เรื่อง พอถึงเวลาจริง ผู้นำกิจกรรมจะเปิดเพลงให้เราปิดตาวาด โดยไม่บอกอะไรเลย ทำรอบแรกตกหลุมพรางกรอบความคิดเดิมๆ อย่างที่บอก วาดตามความคิด จริงๆ แล้วไม่ใช่ ต้องปล่อยให้มือพาไปตามเสียงที่ได้ยินโดยไม่ใช้ความคิด ผลงานที่ออกมาสะท้อนอารมณ์ ความรู้สึกของผู้วาดแต่ละคนว่าเป็นแบบไหน เสียดายผู้นำกิจกรรมไม่ได้วิเคราะห์ให้ฟังลึกเท่าไหร่ ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา

    จากการมีโอกาสเข้าไปทำสปาทางจิตใจและความคิด ได้ประโยชน์มากสามารถนำมาใช้เป็นกิจกรรมเสริมในการอบรมที่เราทำกันอยู่ในบริษัท ยังนึกเล่นๆ ว่าตอนนี้พวกกลุ่มงานพัฒนาองค์กรกำลังทำโครงการใหญ่งานช้าง ตัดแต่งพันธุกรรม สร้างภาษาร่วม ทำให้หมกมุ่นใช้สมองกันอย่างหนักทั้งวัน น่าจะนำกิจกรรมหัวเราะบำบัดมาแทรกคลายเครียดกันซะหน่อย 

     โดยส่วนตัวแล้วยังนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ที่ชอบที่สุดคือ กลับมาชอบเล่นโยคะเหมือนเดิมทิ้งไปหลายปี ทำให้ตอนนี้ พุงยุบ ต้นขาลดไปได้บ้าง สบายตัวไปเยอะเลยค่ะ 

 

 

หมายเลขบันทึก: 186420เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2008 19:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ใช่อ้อยหรือเปล่า

สวัสดีค่ะ

  • น่าสนใจดีจังนะคะ  ยินดีด้วยค่ะที่ได้มีโอกาสดีๆ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ ทั้งคุณ ผ่านมาเจอ และ คุณแจ่มใส

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ

กำลังจะกลับมาบอกว่า เรื่องที่อยากนำมาเล่าต่อในรายละเอียด คือ เรื่องหัวเราะบำบัด

บันทึกฉบับนี้ยังไม่จบค่ะ พอดีนั่งเขียนที่ทำงานต้องรีบจบให้ทันรถที่มารับกลับบ้านค่ะ

สวัสดีคะ...

  • ขอบคุณสำหรับบันทึกดีดี
  • เป็นคนหนึ่งที่ชอบ "สปา"มาก... และ ไปบ่อย เพราะ หายเมื่อย... แต่หัวเราะบำบัดน่าสนใจมากเลย...แต่ที่พิษณุโลก ยังไม่เห็นมี รึไม่ทราบ
  • อยากทราบว่าเป็นอย่างไร
  • ขอบคุณนะคะ และขอบคุณล่วงหน้าคะ

สวัสดีค่ะ คุณ

4. "เอื้อง...แสงเดือน v.2"

เรื่องหัวเราะบำบัด อ.ที่มาสอนเป็น ดร.ประจำที่ มศว. ศิษย์ค่าย อ.วัลลภ ปิยะมโนธรรมค่ะ เห็นอาจารย์เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้กลายเป็นสินค้าส่งออกนอกไปแล้ว ที่ญี่ปุ่นสนใจศาสตร์นี้ เพราะชีวิตพวกเขาเครียดกันไปอีกแบบค่ะ

ชอบสปาเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ เอารูป สปาที่เคยไป นานๆที มาฝากค่ะ

Spa

รออ่าน blog พี่ส้มตั้งนาน อิอิ

ขอบคุณความรู้ใหม่เรื่องที่มาของคำว่าสปา ไม่เคยนึกว่าจะเป็นคำย่อเลยนะครับเนี่ยะ แถมเป็นภาษาละตินอีก เท่จริงๆ

จริงๆพี่ส้มลองเขียนเป็นแนวสารคดีเลยก็น่าสนใจนะครับพี่ เชียร์ๆๆ

สวัสดีค่ะ พี่ Sasinanda

ได้พบพี่ในบันทึกนี้ดีใจมากค่ะ ตัวเองมีเรื่องอยากเขียน แต่ช่วงนี้ใช้เวลากับการอ่านหนังสือค่อนข้างมาก เกือบทุกวัน เพราะมีเรื่องที่ต้องนำมาใช้ในการทำงาน และเรื่องส่วนตัว

รูปของสถานที่ SPA นี้ดูหรูหราสวยงาม น่าไปใช้บริการมากเลยค่ะ

สวัสดีจ้ะ น้องเอก

พี่กำลังพยายามจะเขียนในแนวสาระ มากขึ้น กว่าเล่าไปเรื่อยๆ หรือใส่อารมณ์ความรู้สึกแต่เพียงอย่างเดียว

ใจเราตรงกันอีกแล้วค่ะ เพราะเมื่อคืนพี่เพิ่งปรับบันทึก โดยสอดแทรกความรู้ ตัวเองก็อยากรู้ด้วยค่ะ ว่าคำว่า SPA มาจากไหนกันไหน แล้วก็ปะติดปะต่อ จากที่เคยฟัง อ.คนไร้กรอบพูดเรื่อง สัปปายะ 7 อย่าง ที่ อ.ยังไม่ได้บอกรายละเอียด อ่ะค่ะ

สวัสดีค่ะ อ. PANDA

ระลึกถึง อ.ทั้งสอง อยู่เสมอ และฝากความคิดถึงให้ อ.พรรณี ด้วยนะคะ

ช่วงนี้ มัวแต่วิ่งเข้า Workshop Culture เกือบทุกวัน เลิก หกโมงเย็น หมดแรง เหมือนวันนี้ หมดเนื้อที่สมองคิดต่อค่ะ ถูกรีดมันสมองไปหมดเลยค่ะ แต่ก็ทำด้วยความสนุกดีค่ะ

ไม่ทราบว่า อ.ชวนชาว มมส. มาเข้า SPA ทุกวัน เป็นแบบไหนคะ

เดี๋ยวนี้ มี CD เสียงที่ช่วยทำ Brain SPA ด้วยนะคะ ถ้าเปิดตอนนั่งสมาธิ ช่วยให้สงบได้เร็วดีค่ะ

สวัสดีคุณ เมตตา

ขอบคุณที่แวะมาอ่านและทิ้งร่องรอยให้ตามได้ ขอบคุณมากๆ ค่ะ คนใน G2K ก็น่ารักเช่นนี้เอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท