คุณเคยถามตนเองหรือไม่ว่า อนาคตการทำงานของคุณอยู่ที่ตรงไหน คุณเห็นความก้าวหน้าของงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันบ้างหรือไม่ ขอให้คุณใช้เวลาว่างคิดทบทวนไตร่ตรองว่าตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งจะปลายปีแล้ว คุณมีผลงานหรือขีดความสามารถในการทำงานเพิ่มขึ้นหรือไม่ อะไรบ้าง
หากคุณค้นพบคำตอบว่า ทำงานอยู่ในปัจจุบันไม่มีอนาคตเลย ความสามารถก็ไม่เพิ่มขึ้น ทำงานไม่มีความก้าวหน้า จะทำอย่างไรดี อลิสเชื่อว่าอนาคตอยู่ที่ตัวเรา หากเรามองว่าทำงานที่นี่แล้วไม่มีอนาคต ไม่เห็นมีใครหยิบยื่นความก้าวหน้ามาให้เลย คุณกำลังคิดผิดค่ะ ความคิดเช่นนี้จะมีผลทำให้คุณมีพฤติกรรมไม่อยากจะมาทำงาน ทำงานถูกบ้างผิดบ้าง เพราะคิดว่าทำดีไปก็เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์มากมายกับตัวเราเลย ทำงานมาก ตำแหน่งงานก็เหมือนเดิม เงินเดือนไม่เพิ่มขึ้น อนาคตดูเหมือนจะมืดสนิท
อลิสขอเม้าท์ถึงเพื่อนพนักงานหลายคนที่บ่นว่าเบื่อ เซ็ง ท้อใจ ทำงานแล้วไม่มีอนาคต บ้างก็บอกว่าตนเองเป็นลูกเมียน้อย ไม่ใช่คนโปรดของหัวหน้างาน หรือบ้างก็บอกว่าตนเองทำงานเยอะ แต่เงินเดือนกลับไม่เพิ่มขึ้น ผิดกับเพื่อนอีกคนที่วัน ๆ ไม่ค่อยจะทำงาน แต่กลับเป็นที่โปรดปรานของหัวหน้างาน .......แล้วอนาคตจะอยู่ที่ตรงไหนกัน
พบว่าความคิดที่ว่า “ทำงานแล้วไม่มีอนาคต จะทำไปทำไมกัน” สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ควรจะนำมาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะความคิดเหล่านี้ถือว่าเป็นความคิดเชิงลบ ที่คอยตอกย้ำทำหน้าที่คอยทิ่มแทงจิตใจของเราอยู่ตลอดเวลา เป็นการทำร้ายจิตของเราทางอ้อมค่ะ ส่งผลทำให้จิตเราอ่อนแอ ขาดพลัง และเมื่อไหร่ก็ตามที่จิตขาดพลัง เมื่อนั้นเชื้อโรคที่เป็นปัญหาคอยบั่นทอนชีวิตการทำงานของเราจะเกิดขึ้น อันเป็นเหตุให้การทำงานของเราขาดประสิทธิภาพ จนทำให้หัวหน้างานต้องคอยว่ากล่าวหรือตักเตือนถึงผลงานที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของหัวหน้างาน
ดังนั้นหากเรารู้ตัวว่ากำลังรู้สึกเห็นดีเห็นงามกับประโยคที่ว่า “ทำงานแล้วไม่มีอนาคต จะทำไปทำไมกัน” อลิสอยากจะให้คุณตั้งคำถาม และค่อย ๆ ตอบตนเอง ดังคำถามต่อไปนี้
“สองมือเราเป็นผู้สร้าง และสองมือเราเป็นผู้ทำลายเช่นเดียวกัน” นั่นก็คือ อนาคตไม่ไกลเกินเอื้อม จนเราไม่สามารถสร้างมันให้เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าเราอย่าท้อใจหรือพยายามตอกย้ำเตือนจิตใจด้วยความคิดเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา.... จงมองคนที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะมีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือ “ทำงานอยู่ด้วยความหวัง เป็นความหวังของอนาคตที่จะต้องดีกว่าเดิมอยู่เสมอ อนาคตที่ดีนั้นอยู่ไม่ไกลเกินที่จะไขว่ขว้ามัน”
ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับบทความของคุณอลิส เพราะฉันทำงานด้าน HR ได้ยินได้ฟังเพื่อนพนักงานหลายท่านบ่นเบื่อหลือเกินกับความไม่ยุติธรรมที่ได้รับ ฉันก็บอกพวกเขาไปเสมอว่า ถ้าเราทำดีแล้วเรายังรู้สึกว่า “ไม่ได้อะไร” แล้ว “ถ้าหยุดทำล่ะจะได้อะไรหรือก็เปล่า” เราทำดีสิ่งที่ได้รับก็คือคุณค่าในตัวเอง เราได้ทำงาน ได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ ทำไมเราไม่ภูมิใจกับสิ่งที่เราทำ กลับไปมองสิ่งที่คนอื่นทำหรือไม่ทำ อนาคตการทำงานยังก้าวไปอีกไกล สิ่งที่เราทำในวันนี้ย่อมมีผลไปถึงอนาคตข้างหน้าแน่นอน ลองทบทวนดูสิคะ ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้เราตั้งใจทำงาน ทุ่มเทกับงานมากแค่ไหน คงไม่ใช่เพราะโชคช่วยแน่ๆ
ดังนั้น ทำต่อเถอะนะคะ ตั้งใจทำงาน ตั้งใจทำดี ตั้งใจทำประโยชน์ มีประโยคอยู่หนึ่งประโยคที่กล่าวว่า “อดีตไม่ขยัน ปัจจุบันไม่ขวนขวาย ไม่ต้องทายอนาคต” ประโยคนี้จริงแท้แน่นอนผู้แต่งท่านช่างเก่งคิดจริงๆ
ด้วยความรักความหวังดีจากคนที่มีจิตวิญญาณของ HR ทำสิ่งที่ดีๆ กันต่อไปนะคะ
“อดีตไม่ขยัน ปัจจุบันไม่ขวนขวาย ไม่ต้องทายอนาคต” ประโยคนี้จริงแท้แน่นอน
เข้ามาบอกว่า ใช่เลยค่ะ...
สวัสดีคะ คุณจ่ามงกุฎ
พอดีดิฉันสนใจเรื่อง HR อยู่พอดี ก็เลยเข้ามาอ่านเพิ่มเติม ขอบคุณมากนะคะ ที่ได้เขียนบันทึกดีๆ ให้ติดตามอ่าน
และดิฉันขออนุญาตแนะนำเกี่ยวกับการใส่คำสำคัญในบันทึกคะ ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์และเพื่อให้บันทึกสามารถค้นหาได้เจอง่ายยิ่งขึ้น
สำหรับการใส่คำสำคัญในบันทึกนั้น หากจะให้ดีต้องใส่คำหรือประโยคสั้นๆ ที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่เขียนคะ ซึ่งเป็นคำหรือประโยคที่เป็น Keyword คะ รบกวนลองอ่านเพิ่มเติมจาก http://gotoknow.org/blog/tutorial4u/tag/คำสำคัญ คะ
และสำหรับการนำบทความมาลงในบันทึกนั้น รบกวนใส่ที่มาของบทความด้วยนะคะ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาด้านลิขสิทธิ์คะ
หากมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานเพิ่มเติม สามารถส่งอีเมล์สอบถามทีมงานดูแลระบบได้ที่ http://gotoknow.org/email/webmaster คะ
ขอบคุณมากคะ ^_^
ขอบคุณที่ช่วยแสดงความเห็นจากคุณ Sasinand และขอบคุณ คุณมะปรางเปรี้ยวที่แนะนำค่ะ จะปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ
ผมถามสิ่งนี้กับตัวเองยุเสมอ ว่าทำไม เพราะไร คนที่เค้าคิดอะไรยุ ถึงได้ทำอ้ะไร ซ้ำๆกันปี