17 พฤษภาคม กิจกรรมวันนี้จะเสร็จสิ้นลงเร็วหน่อย อาจารย์สัญญาว่า สี่โมงเย็นยุติ เพื่อจะได้เตรียมการกันเรื่องอาหารเย็นและเตรียมตัวรับความมงคล ด้วยคืนนี้สวนป่าจัดงานบายศรีสู่ขวัญให้เหล่าชาวเฮ
เมื่อคืนระหว่างที่เดินทางมาพี่จุ๋มได้รับข่าวสารว่า ท่านเทพ และอาจารย์ธวัชชัยจะมาร่วมงานด้วย และมีบุคคลลึกลับติดตามมาด้วยหนึ่งคน คนในรถเดากันใหญ่ว่าใครกันนะ คืนนี้แล้วซินะที่จะได้รู้คำเฉลย ใครกันๆ
สำหรับบันทึกนี้จะขอแบ่งปันในมุมมองเรียนรู้ กิจกรรมระหว่างวันได้เล่าให้ฟังแล้ว นอกจากเรียนฟังตัวเองเพื่อรู้จักใจตัวเอง ฉันว่ามันยังมีมุมเรียนรู้อื่นอีก
นอกจากมันเพิ่มสุขให้กับใครหลายคนที่ในใจแห่งตนเคยบอกตนไว้ว่า ตนไม่มีความสุขแล้ววิ่งหาความสุขอยู่เรื่อยมาจนวันนี้ ในครานี้หลายคนจึงสดชื่นที่ค้นหามันพบและได้สัมผัสกับมันจนมีน้ำไหลออกตาด้วยความรู้สึกดีๆกับตัวของตนเอง
เจ้าตัวเล็กก็คือเราเมื่อยังเป็นเด็กๆ ในฐานะหมอเด็ก ฉันว่าเด็กๆที่ใสๆแม้ใจของเขาบริสุทธิ์ แต่ห้วงในใจสุด ยังแฝงความกลัวไว้
ถ้าความกลัวมีมากเด็กจะสร้างกรอบขึ้นครอบปิดใจตนเองไว้เพื่อความปลอดภัย ด้วยสัญชาติญาณของสัตว์โลกจะสร้างกำแพงขึ้นป้องกันตนเองโดยไม่รู้ตัว
กำแพงที่สร้างบ่อยๆ คือ ความระแวงที่แสดงออกเยี่ยงกวางระแวงภัยไงค่ะ ปฏิกิริยาสะท้อนกันไปสะท้อนกันมาจนในที่สุดหักเหต่อยอดเป็นพฤติกรรมลบอื่นๆอีกมากมาย เกิดบ่อยครั้งๆเข้าก็กลายเป็นความเคยชินเป็นนิสัยไป
คนที่ติดกรอบ จะไม่กล้าทำอะไรที่อยู่นอกกรอบ เพราะนอกกรอบทีไรใจเจ็บทันทีได้ เจ็บจนนึกกลัว ความกลัวทำให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น
ฉันเคยได้ยินว่า สิ่งที่ทำได้ยากที่สุดของคน คือ การเริ่มต้นลงมือทำ ลองเรียนรู้จากเด็กเรื่องการลงมือทำ
ดูเด็กซนๆทั้งหลายซิเมื่อเขาจะลงมือทำ เขาไม่เห็นต้องคิดมากเลย เมื่อเขาอยากทำเขาลงมือทำเลย ไม่มัวกลัวมัวระแวง ยิ่งทำแล้วมีความสุข ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
เด็กซนๆ เด็กดื้อ คือ ตัวอย่างเด็กที่ไม่ติดกรอบในรูปแบบหนึ่ง เด็กบางคนอยากทำ แต่มีลังเล การแสดงความอาย คือรูปแบบหนึ่งของความลังเล
ความลังเล คือ รูปแบบหนึ่งของความกลัวที่ซ่อนอยู่ในใจเด็ก เมื่อความกลัวมีมากเด็กจึงหยุดทำไปเลย
เด็กที่เงียบๆ เด็กที่ขี้อาย คือ ตัวอย่างของเด็กที่ติดกรอบค่ะ
แล้วตัวท่านละค่ะ ยังติดกรอบอยู่ไหม สำหรับตัวฉัน ฉันได้เรียนรู้มาประเมินว่า ใจฉันนั้นยังติดกรอบอะไร
อีกผลพวงหนึ่งที่ได้เรียนรู้ ฉันว่า กิจกรรมเจ้าตัวเล็ก มันสอนให้รู้ว่า ความสุขที่ไขว่คว้ามันอยู่ที่ใจเรา แค่เปลี่ยนใจเราค้นหาความสุขง่ายๆที่อยู่ใกล้ๆตัว แค่นี้ก็พอแล้วที่จะมีความสุขกับชีวิตตน
หากใครยังติดกรอบ ลังเลๆอยู่กับการที่จะทำอะไรก็สักอย่างหนึ่ง ให้เข้าแข่งกับเด็กมัน มันกล้าทำอะไร ทำไมเราถึงไม่กล้า ในเมื่อเราโตกว่า ประสบการณ์มากกว่า ตัวอย่างการไปร่วมเฮฮา5 ที่สวนป่าตามที่ใจสั่งมาว่า อยากกลับบ้านเรา กล้ารู้สึกว่าสวนป่า เป็นบ้านของตนนั้น ฉันว่าคนๆนั้น คิดนอกกรอบแล้วค่ะ
อีกเรื่องนอกกรอบที่วันนี้เรียนรู้ คือ รูปแบบกิจกรรม ที่ใช้การพูดคุย คุยกันแบบคนร่วมบ้าน นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ตามโจทย์ที่อาจารย์ให้ เพื่อจะฝึกความเก๋าไง ขี้เกียจก็นอนได้ และฉันจำได้ว่า ฉันน่าจะเป็นคนแรกที่นอนฟังอาจารย์คุย แต่เอ! หรือจะเป็นอึ่งอ๊อบ ใครช่วยบอกที
กิจกรรมนอกกรอบอีกหนึ่งในวันนี้ คือ กิจกรรมกีต้าร์เทพดวลกับขลุ่ยนางฟ้า ที่หนูจิเล่าว่า ต่างคนต่างเล่นกันแบบไม่มีโน้ต ด้นสดๆกันเลย
อีกหนึ่งความรู้ที่ฉันได้มา คือ ความหมายของคำว่า "กระบวนกร"
กระบวนกรคือคนที่ทำหน้าที่สอนคนให้พัฒนา
เมื่อเราสอนคนอื่น เขาเรียกเราว่า วิทยากร
เมื่อสอนหลานเรา เขาเรียกเราว่า ลุงป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา
ยาย
เมื่อสอนลูก เขาเรียกเราว่า พ่อ แม่
เมื่อสอนเพื่อนเรา เขาเรียกเราว่า เพื่อนรัก เพื่อนแท้
เมื่อสอนลูกน้องเรา เขาเรียกเราว่า เจ้านาย โค้ช ลูกพี่
เมื่อสอนลูกศิษย์ เขาเรียกเราว่า ครู อาจารย์
เมื่อสอนตัวเอง เราเหมือนมีคนอีกคนเป็นครูอยู่ในตัว
เมื่อสอนพ่อแม่ เขาเรียกเราว่า ลูก
เมื่อสอนพี่ๆเขาเรียกเราว่าน้อง
เมื่อสอนน้อง เขาเรียกเราว่า พี่
สรุปแล้วทุกคนในโลกนี้คือกระบวนกร
กิจกรรมเจ้าตัวเล็ก และการให้เดินวันนี้ อาจารย์ใช้คำว่า ฝึกตนเองฝืนทำสิ่งที่ไม่คุ้นชิน นำตัวเองออกมาเรียนรู้พื้นที่ไข่ขาวเพิ่มขึ้น พาตัวเองออกมาจากพื้นที่ไข่แดง (พื้นที่ตัวตนเดิมๆของตนเอง)
ดูเหมือนจะมีเจตนากระตุ้นให้ใจเป็นขบถ ทำตามที่ใจอยากทำเหมือนเด็กซนเด็กดื้อ เมื่อได้ลงมือทำแล้วก็มีความสุข ความสุขทำให้ใจมันเปิดขึ้น ไม่ติดค้างอยู่กับกรอบใจเดิมๆ ยอมปลดกรอบทิ้งออกไปจากใจ เริ่มต้นทำใหม่ ทำอะไรทันทีที่ใจมันสั่งมา เป็นการทำอะไรนอกกรอบอย่างที่ตั้งใจ
ฉันว่านี้คือ แบบฝึกหัดหนึ่งที่ฝึกการคิดนอกกรอบ ซึ่งหลายคนใฝ่ฝันที่จะมีมันอยู่ในตัว
หมายเหตุ ภาพในบันทึกนี้จิ๊กมาจากบันทึกของสิงห์ป่าสัก
ตามมาดูพี่หมอ มาขำๆๆตอนพี่ทำก๊อกน้ำพ่อพังแล้วปิดเงียบนี่ละ อิอิๆ
สวัสดีครับ คุณพี่หมอ
ผมชอบบทเรียนที่ถอดจากเด็กครับ บางทีผู้ใหญ่ก็คิดว่าตัวเองมีความรู้ มีประสบการณ์ กลัวโน่น กลัวนี่ไปหมด... คิดไปก่อนทั้งนั้น... เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด ที่ความรู้และประสบการณ์กลับสร้างเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นเต็มไปหมด ที่น่าประหลาดในเมืองไทยนี้คือเงื่อนไขเหล่านี้ กลับถูกสร้างโดยคนที่ไม่เคยทำงานนั้นเลย
พูดอย่างเหมารวมๆ กันไป ถ้าลงมือกระทำ มีโอกาสสำเร็จ แล้วก็มีโอกาสล้มเหลวเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ลงมือกระทำ ล้มเหลวแน่ๆ ครับ