โลกนิติคำโคลง
ขออนุญาตนำไปเป็นต้นแบบด้วยนะครับ คุณกวิน
ชอบมากครับคำเรียบง่าย แต่งดงาม กับความหมายในบทกวี ที่บ่มคำสอนซ่อนเอาไว้
ขอบคุณครับ
รพี
สวัสดีเจ้าค่ะ พี่กวินจ๋า
อิอิ โคลงเพราะค่ะ คิดถึงนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---> น้องจิ ^_^
แวะมาครับ กลัวลืม...........อิอิ
คุณกวิน
แวะมาทักทายยามดึกค่ะ
มาไม่ทันคุยกับใครเลย
สวัสดีค่ะ
* เคิดถึง...จึงเข้ามา..๕๕๕๕
* นวโลกนิตคำโคลง....ไพเราะและสนุกตรงที่คุณกวินทรากรเขียนแปลความให้เสร็จเรียบร้อย
* สุขสบายรับฤดูฝนนะคะ
สวัสดีครับ น้องกวิน
มาเยี่ยม...คุณกวิน
อธิบายขยายความได้ลึกซึ้งจริงนะ
มาได้มุมคิดเยอะเลยละ เคยอ่านจากหนังสือเก่าเล่มนั้นแต่ต้องอธิบายเอาเองละ
ว่าง ๆ จะเข้ามาอ่านใหม่กันลืม ฮิ ฮิ ฮิ
ขอบคุณครับอาจารย์อุทัยumi แจกเมล็ดสะเดาให้ไปเพาะ 1 เมล็ดตามสัญญา ครับผม...อิๆ
มาทักทายค่ะ
มาแวะอ่านอีกรอบ คิดว่าต้องมาซึมซับหลายรอบครับ
ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง
สวัสดีครับ คือ สงสัยเล็กน้อยครับว่า
รู้น้อยหนึ่ง รู้ร่า- เริงใจ
รู้รสทะเลไหล ละห้อย
ไป่ปองคะนองไป กลางสมุทร
ชมว่าสระกระจ้อย จืดล้ำดีเหลือ (นวโลกนิตคำโคลง)
ถึงฉันจะมีความรู้อยู่น้อยหนึ่ง แต่ฉันก็ภูมิใจ ร่าเริงใจนะจ๊ะ
ความรู้ของฉันก็คือ รู้ว่าทะเลมีคลื่นไหลบ่ารุนแรง รู้อย่างงี้ ก็ เลยทำหน้าละห้อย
ฉันรู้ว่าทะเลไม่น่าอยู่ ก็เลยไม่มีความคึกคะนองที่จะไปเที่ยวทะเล
สระน้ำอันกระจ้อยของฉัน รสจืด ดื่มได้ น้ำทะเลน่ะกินได้มั้ย โถ่ จะมาชวนไปตายซะแหล่ว..
กบเคยไปรู้จักทะเลตอนไหนครับ?
อิอิ แซวเล่นครับ
ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจากใจดวงน้อยๆ หนูช๊อบชอบ
แห้งชามน้ำชามกันไปเลย :)
.ขอบคุณครับคุณ อ๋อทิงนองนอย รับสะเดาไปปลูกหนึ่งต้น ปลูกหน้าฝนรับรองโตเร็วได้กินยอดสะเดาจิ้มน้ำพริก (ตาแดง) อร่อยๆๆ แน่ๆๆ
ไปกินอะไรก่อนนะครับ เห็นภาพบะหมี่แล้วอยากกิน
แวะมาทักทายค่ะ :)
สวัสดีครับท่าน ผอ.ประจักษ์
แวะมาเยี่ยมเจ้าค่ะ
ขอบคุณๆ นัทธ์ ครับ พอดีแก้ไขบทความเพิ่มเติมพอดี ทำตัวแดงๆ ไว้นะครับสำหรับที่พิมพ์เพิ่ม
แอบดอดเข้ามาฟังเพลงโปรดตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่ค่ะ
คุณกวินไปเยี่ยม จึงตามมาส่งค่ะ
กลอนกลบทถอยหลังเข้าคลอง
เจ้างามสรรพสรรพางค์ดั่งนางสวรรค์
โพยมแจ่มจันทร์เปรียบพอเทียบทัน ทันเทียบพอเปรียบจันทร์แจ่มโพยม
โฉมฉอ้อน อัปสรทรงเสมอสมร สมรเสมอทรงอัปสรฉอ้อนโฉม
ฤทัยโทมโทรมเสร้าประเล้าประโลม ประโลมประเล้าเศร้าโทรมโทมฤทัย
มา มา มา เป็นนกที่โผบินกัน...........สู่เสรีภาพ
สวัสดีครับ น้องกวิน
ยอมแพ้ครับ.....พี่เฉลยเหอะนะ..
สวัสดีค่ะคุณกวิน
อ่านงานเขียนของ กวิน แล้วได้ความรู้ ได้อรรถรส จริงๆ
ขอบคุณครับท่านอาจารย์พิสูจน์
น้องกวิน
มุมมองใหม่ ( เจริญปุละ )คือ ร้องเพลง ครับ
แวะมาขำ ๆ ครับ
สบายดีไหมครับ
สบายดีครับพี่ ขอบคุณครับ
ช่วยบอกคำแปลและสุภาษิตหน่อยได้มั้นค่ะ
มีอยู่ว่า
รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง
ช่วยหน่อยนะ พี่กวิน
โลกนิติคำโคลง
รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง
สำนวน/สุภาษิต
1.สุดหล้าฟ้าเขียว (the ends of the earth)
2.ใกล้เกลือกินด่าง (มองข้ามหรือไม่รู้ค่าของดีที่อยู่ใกล้ตัวซึ่งเป็นประโยชน์แก่ตน)
3.มองไม่เห็นหัว
4.เส้นผมบังภูเขา (ขนาดเส้นผมยังบังภูเขาได้ แล้วต้นไม้ทั้งต้นมิบังได้ทั้งทวีปเลยหรือ?)
อนุสติ
1.สามีภรรยาควรมีความรัก ความซื่อสัตย์ให้แก่กัน (ไม่ควรนอกใจต่อกัน)
2.สามีภรรยาควรมีความอดทน และ ทนอด (ในบางเรื่อง) รู้จักให้อภัย เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กระทำผิด
3.ไม่ควรปลูกต้นไม้ภายในอาณาเขตบ้าน เพราะจะทำให้มองไม่เห็น(ความดี/ความไม่ดี) ซึ่งกันและกัน
4. ไม่ควรทำประชดประชันต่อกัน การแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นกัน ก็คือ (มิจฉา)ทิฐิ+มานะ อย่างหนึ่ง
5.ต้นไม้ที่บดบังสามีภรรยามิให้มองเห็นกันนี้ อาจจะถูกปลูกด้วย บุคคลที่สาม ผู้มุ่งหวังผลประโยชน์บางอย่าง หรืออาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของเจ้าของบ้านเอง ซึ่งเป็นผู้ลงมือปลูกเอง ก็ได้
6.ควรขุดรากถอนโคนต้นไม้แห่ง (มิจฉา)ทิฐิ+มานะ นี้ทิ้ง เพื่อให้แสงแห่งธรรมาทิตย์ ได้ส่องสว่างกระจ่าง เข้าไปในบ้าน
7.เมื่อแสงแห่งธรรมาทิตย์ได้สาดส่องเข้าไปในบ้านแล้ว สามีภรรยาก็จะมองเห็นซึ่งและกัน และที่สำคัญ ก็คือ ทั้งสองจะมองเห็นลูก
8.เมื่อภายในบ้านสว่างไสวแล้วด้วยแสงแห่งธรรมาทิตย์ สามีภรรยาย่อมที่จะเห็นว่าลูกกำลัง เสียใจ แก้มเปียกปอนไปด้วยน้ำตา
9.บ้าน ก็ควรให้ผู้ที่เป็น กัลยาณมิตรที่แท้ เป็นผู้ปลูก บุคคลผู้ซึ่งจะเป็นมือที่สาม ผู้ซึ่งคอยยุยงส่งเสริมให้ปลูกต้นไม้ แห่ง (มิจฉา)ทิฐิมานะ เขาผู้นั้นย่อมไม่สมควรได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้สร้างบ้าน ถ้าว่าจ้างกันไปแล้ว ก็ควรบอกเลิกไปเสีย
10.สมมติว่าใช้เงิน 1 ล้านบาทปลูกบ้าน ผู้รับเหมาได้กำไร 10% เงิน 10% ของ 1 ล้านบาทนั่นล่ะคือค่าจ้างสอนปลูกต้นไม้ของผู้รับเหมา ลงทุนแค่จอบ เสียม+แรงกาย+ต้นไม้ไม่กี่ต้น ได้ค่าตอบแทน ถึง 10% ของเงิน 1 ล้านบาท เงิน 10% ของเงิน 1 ล้านบาทคือค่าหน่วยกิตของนักศึกษาผู้โง่เขลา
11.นักศึกษาผู้โง่เขลาจะได้รับก็คือ บ้านหนึ่งหลัง พร้อมมิตรภาพ(ที่ฉาบฉวย)จากผู้รับเหมา+วิธีการปลูกต้นไม้แห่ง(มิจฉา)ทิฐิมานะ+คำครหานินทา+บรรยากาศที่อึมครึมภายในบ้าน สมการนี้ช่างน่าสลดหดหู่
12.สโลแกน (slogan) "บ้านคือวิมานของเรา" จึงต้องเปลี่ยนเป็น "บ้านคือนรกานต์ของเรา" ต่อให้กินยาต้านซึมเศร้า วันละ 10 เม็ด ก็ไม่มีทางเยียวยารักษา
13.ถ้านักศึกษาผู้มีเขา เอ้ยผู้โง่เขลา เอาเขาออกจากศีรษะ โดย ดรอป (drop) วิชาการปลูกต้นไม้ แห่ง(มิจฉา)ทิฐิมานะ ก็จะรู้สึกว่าเบาสมอง (เพราะไม่มีเขาบนหัว) จากนั้นลงทะเบียนเรียนวิชาพุทธศาสตร์ รับรองว่าจะต้องเรียนสำเร็จ ดุษฎีบัณฑิต+ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 อย่างแน่นอน
14.แต่ถ้าชอบบรรยากาศแบบอึมครึม มีต้นไม้แห่ง(มิจฉา)ทิฐิมานะปกคลุมอยู่ทั่วบ้าน กระทั่งคนในบ้านมองไม่เห็นความดีซึ่งกันและกัน ก็จงปลูกต้นไม้นั้นๆ ต่อไปเถิด อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดสภาวะโลกร้อน แต่อย่าหวังว่าสภาวะใจที่รุ่มร้อน นี้จะสามารถจะลดลงไปได้
ปล. น้อง ไอซ์จ้า พี่ช่วยแปลให้แล้วนะครับ ไม่คิดค่าแปลแต่ขอถามนิดนึงว่า ตอนนี้น้องเรียนอยู่ที่ไหน เรียนชั้นอะไร แล้วเข้ามาที่เวปนี้ได้อย่างไร ครับ หรือว่าตามพี่มาจากเวปไซต์ของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ใช่หรือไม่ครับ โคลงโลกนิติบทนี้ สั้นๆ แต่พี่ขยายความให้เห็นเป็นฉากๆ น้องเข้าใจหรือไม่เข้าใจตรงไหนลองนำไปถามอาจารย์ ดูนะครับ ว่าการแปลโคลงบทนี้ ถูกผิดประการใด :)
อืมน้องสามารถเข้าไปดูในลิงค์นี้ได้นะครับ พี่เขียนเป็นบันทึกใหม่ไว้
http://gotoknow.org/blog/kelvin/200927
พี่กวินค่ะช่วยแปลกับหาสุภาษิตให้หน่อยนะค่ะ ด่วนมากค่ะ
ขอคำตอบวันนี้ได้ยิ่งดี ขอบคุณค่ะพี่
จระเข้ คับน่านน้ำ ไฉนหา..ภักษ์เฮย
รถใหญ่ กว่ารัถยา ยากแท้
เสือใหญ่ กว่า วนา ไฉนอยู่..ได้แฮ
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไหน
จระเข้ คับน่านน้ำ ไฉนหา..ภักษ์เฮย
รถใหญ่ กว่ารัถยา ยากแท้
เสือใหญ่ กว่า วนา ไฉนอยู่..ได้แฮ
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไหน (โลกนิติคำโคลง)
จระเข้ ใหญ่กว่าคลอง จะหาอาหารที่ไหนกิน
รถใหญ่กว่าถนน จะขับไปมาก็ยากลำบาก
เสือใหญ่กว่าป่า หมายถึงทำตัวเกเร ออกมากินคน คงจะอยู่ได้ไม่นาน
เรือใหญ่ๆ คับทะเล จะแล่นไปไหนก็ลำบาก
หากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งก็จะพบว่า จระเข้+เสือ/สิงห์ คือสัญลักษณ์ของ ข้าราชการ ที่บ้าอำนาจ+โกงกิน และเมื่อข้าราชการหากบ้าอำนาจ+โกงกิน ก็จะไม่มีแผ่นดินแผ่นน้ำที่จะอยู่อาศัย สำหรับ รถ+เรือ คือสัญลักษณ์ของ กริยาท่าทาง +การใช้อำนาจในทางที่มิชอบนั่นเอง
โคลงโลกนิติบทนี้ ขยายความด้วยกลอน เพลงยาวว่าพระมหาเทพ (ทองปาน) ดังนี้
เขาชมบุญ เรียกเจ้าคุณ ราชามาตย์ แต่ร้ายกาจ เกือบยักษ์ มักสัน
ลงนั่ง ยังนาวา เหมือนชาละวัน ขึ้นบก ตกมัน เหมือนสิงห์ทอง
..................................................................................................
ถนนกว้าง สี่วา มาไม่ได้ กีดหัวไหล่ ไกวแขน ให้ขัดข้อง
พวกหัวไม้ เหนกลัว หนังหัวพอง ยกสอง มือกราบ อก ราบดิน
จะเห็นได้ว่าคนโบราณเปรียบเทียบข้าราชการที่บ้าอำนาจ ว่า ยามลงนั่งบนเรือดูฮึกเหิมเหมือน จระเข้ ยามขึ้นบนบก ดูฮึกเหิมเหมือน เสือ/สิงห์ ถนนกว้างสี่วา ก็คับแคบ ไม่พอให้สัญจรเดินทาง (อีกหน่อยก็จะไม่มีแผ่นดินแผ่นน้ำให้อาศัย เพราะใหญ่จนคับที่)
สุภาษิต
-ถืออำนาจบาตรใหญ่
อะไรทำนองนี้มั้ง
พี่กวินค่ะช่วยแปลกับหาสุภาษิตให้หน่อยนะค่ะ ด่วนมากค่ะ
ขอคำตอบวันนี้ได้ยิ่งดี ขอบคุณค่ะพี่(บอกด้วยนะค่ะว่าสุภาษิตที่ว่าหมายถึงอะไร)
จระเข้ คับน่านน้ำ ไฉนหา..ภักษ์เฮย
รถใหญ่ กว่ารัถยา ยากแท้
เสือใหญ่ กว่า วนา ไฉนอยู่..ได้แฮ
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไหน
ขอบคุณค่า
ช่วยบทนี้หน่อยค่ะ
นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้
มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด
ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน
ช่วยแปลบทนี้หน่อยค่ะ *
เเปลบทให้หน่อย จระเข้คับน่านน้ำ ไฉยหาภัยษ์เฮย รถใหญ่กว่ารัถยา ยากเเท้ เสือใหญ่กว่าวนา ไฉนอยู่ ได้เเฮ เรือเขื่องคับชเลเเล้ เเล่นโล้ไปไฉน