พลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ในการทำลายล้าง


Atomic bomb

พลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ในการทำลายล้าง

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.นรา แววศร

Pioneer of Interventional Radiology inThailand
Former President of TSVIR

นรา แววศร.พลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ในการทำลายล้าง. วารสารชมรมรังสีเทคนิคและพยาบาลเฉพาะทางรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย. 2551, 2(1) : 71-76

ประมาณ 1.45น.ของวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 เครื่องบิน B-29 ชื่อ Enola Gay ซึ่งดัดแปลงเป็นพิเศษให้มีน้ำหนักเบาลง เพื่อบรรทุกระเบิด Atomic bomb ที่มีน้ำหนักถึง 4 ตันได้ออกบินจากสนามบินบนเกาะเล็กๆ ชื่อ Tinian ซึ่งอยู่ห่างเกาะญี่ปุ่นออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิค ประมาณ 2740 กิโลเมตรภายใต้การบังคับบัญชาของพันเอก Paul W. Tibbets Jr. พร้อมกับลูกเรืออีก 12 คน โดยมีเครื่องบินทิ้งระเบิดอีก 2 ลำร่วมเดินทางไปสังเกตการณ์ เครื่องบินใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาทีก็ถึงเมืองฮิโรชิมาของประเทศญี่ปุ่น พนักงานทิ้งระเบิดมองเห็นสะพานชื่อ Aioi Bridge เป็นรูปตัว T ทอดข้ามแม่น้ำ Honkawa ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง จึงกดสัญญาณปล่อยระเบิดเมื่อเวลา 8.15 น. หลังจากนั้นประมาณ 43 วินาที ลูกระเบิดก็ระเบิดขึ้นที่ระยะสูงจากพื้นดินประมาณ 600 เมตร เหนือโรงพยาบาลชื่อ Shima Hospital

หลังจากทิ้งลูกระเบิดแล้ว Tibbets มีเวลาไม่ถึง 1 นาทีที่จะพาเครื่อง Enola Gay (ตั้งชื่อตามชื่อมารดาของเขา) ออกมาให้พ้นอันตรายจากแรงระเบิด เขาหักเลี้ยวสุดตัวขณะที่เครื่องกำลังปักหัวลง จากนั้นเร่งเครื่องยนต์ทั้ง 4 อย่างสุดกำลัง บินรักษาระดับกลับออกมา และอีกเพียง 43 วินาทีต่อมาแสงสว่างเจิดจ้าที่ทำให้ตาบอดได้ก็วาบเข้ามาในเครื่อง แล้วตามมาด้วยคลื่นกระแทกอันทรงพลัง (Blast wave) ทำให้เครื่องบินกระตุก สั่นอย่างแรง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดจากการระเบิด ส่วนครั้งที่ 2 เกิดจากคลื่นกระแทกที่สะท้อนกลับมาจากพื้นเบื้องล่าง

Tibbets และลูกเรือของเขาปลอดภัยและมีโอกาสได้เห็นพลังมหาศาลจากระเบิดที่อยู่เบื้องล่าง เมฆรูปดอกเห็ดที่เกิดจากควันและเปลวเพลิงหมุนม้วนตัว ขยายขนาดและพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือเมืองฮิโรชิมา มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ไมล์ และพุ่งสูงขึ้นถึง 45,000 ฟุต มีสีเทาม่วงอยู่เหนือเมืองที่มีลักษณะคล้ายหม้อต้มน้ำมันดินที่กำลังเดือดพล่าน

พลังที่เกิดจากการระเบิดประมาณว่าเท่ากับแรงระเบิดที่เกิดจาก TNT 16,000 ตัน อุณหภูมิที่จุดศูนย์กลางของการระเบิดประมาณว่ามากกว่า 1 ล้านองศาเซลเซียส เป็นลูกไฟขนาดใหญ่ ที่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆ ดวงหนึ่ง และลูกไฟนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน 1 วินาทีมีขนาดใหญ่ถึง 280 เมตรและทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ใกล้จุดระเบิด(Hypocenter) เพิ่มขึ้นถึง 3,000 - 4,000องศาเซลเซียส พลังการแผ่รังสีและความร้อนอันรุนแรงนี้แผ่กระจายออกไปทุกทิศทางทำให้เกิดการขยายตัวของอากาศรอบๆ ลูกไฟนี้อย่างรุนแรง เกิดเป็นคลื่นกระแทกที่มีพลังมหาศาล (high-pressure blast wave) รวมกันเข้าทำให้เกิดอำนาจทำลายล้างอย่างรุนแรง

พลังงานมหาศาลนี้มาจากไหน? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? คำตอบก็คือ เป็นพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจาก atom ของธาตุยูเรเนียมจำนวนหนึ่งที่พลังงานถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในคราวเดียวจนรวมกันเป็นปริมาณมหาศาลทำให้เกิดปริมาณความร้อนและการแผ่กระจายรังสีที่มีอำนาจทำลายล้างอย่างรุนแรง ร้อยละ 50 ของพลังงานทำลายล้างนี้ออกมาในรูปของคลื่นแรงผลักดันฉับพลัน(Blast Wave) หรือคลื่นกระแทก ร้อยละ 35 เป็นรังสีความร้อน (heat rays) และร้อยละ 15 เป็นพลังงานรังสี(Radiation)



ลูกระเบิด Atomic bomb (หรือที่ถูกควรเรียก Nuclear bomb เพราะพลังงาน ทั้งหมดออกมาจาก Nucleus ของ Atom) ที่ทิ้งที่ฮิโรชิมามีน้ำหนักประมาณ 4 ตัน ยาวประมาณ 3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 70 เซนติเมตร เดิมมีชื่อเรียกว่า “Thin man” เพราะรูปร่างผอมยาว ต่อมามีการออกแบบให้สั้นลงและเรียกชื่อใหม่ว่า “Little Boy” มี Uranium-235 เป็นตัวทำให้เกิดปฏิกริยาแตกตัวต่อเนื่องของนิวเคลียสของอะตอม (Fission Chain Reaction) และปลดปล่อยพลังงานนิวเคลียร์ออกมาอย่างต่อเนื่องทันทีทันใด เป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งอธิบายและคำนวณหาค่าได้ตามสูตรของ Einstein คือ E=mc2 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป

 Kengo Nikawa อายุ 59 ปี กำลังขี่จักรยานตามถนนไปสู่ย่านใจกลางของเมืองฮิโรชิมา เพื่อปฏิบัติหน้าที่รื้อถอนอาคารตามคำสั่งแผนการป้องกันการลุกลามของอัคคีภัยของเมือง เขาพกนาฬิกาซึ่งเป็นของขวัญที่ลูกชายชื่อ Kazuo ซื้อให้ไปด้วย นาฬิกาหยุดเดินเมื่อเวลา 8.15 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ลูกระเบิดปรมาณูระเบิดขึ้นสูงจากพื้นดิน 600 เมตรในขณะที่ตัวเขาอยู่ห่างจากศูนย์กลางของการระเบิด(Hypocenter) ประมาณ 1600 เมตร Nikawa มีแผลไหม้อย่างรุนแรงที่ศีรษะ ไหล่ขวาและหลังและมีชีวิตอยู่ต่อมาอีก 22 วันเพียงเพื่อจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ก่อนที่จะจากโลกไปจากพิษของบาดแผลและผลจากรังสี



ชายอีกผู้หนึ่งคงไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าอะไรเกิดขึ้นเพราะเหลือแต่เงาดำๆ ของตัวเขาติดอยู่บนบันไดหน้า Sumitomo Bank สาขาฮิโรชิมาที่ซึ่งเขามานั่งรอเวลาให้ธนาคารเปิดทำงาน ความร้อนจากแรงระเบิดเผาซีเมนต์รอบๆ ตัวเขาเป็นสีขาว เหลือเป็นเงาดำๆ ตรงที่เขานั่งอยู่เท่านั้น เพราะตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางการระเบิดเพียง 260 เมตร


ประชากรที่รวมกันอยู่ในฮิโรชิมาขณะนั้นมีประมาณ 350,000คน เป็นพลเรือน ทหาร และประชาชนจากเมืองใกล้เคียงที่ถูกเกณฑ์มาช่วยงานรื้อถอนอาคารตามแผนการป้องกันการลุกลามของอัคคีภัยจากระเบิดของเครื่องบินอเมริกัน ในจำนวนนี้มีชาวเกาหลี ไต้หวัน และจีนจากแผ่นดินใหญ่ ที่ถูกบังคับใช้แรงงานรวมอยู่ด้วยชาวต่างชาติอื่นๆ เช่น นักเรียนจากประเทศจีนและเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ และชะเลยศึกอเมริกันก็มีอยู่ด้วยแต่ไม่มาก มีผู้ที่เสียชีวิตทันทีจากระเบิดหรือสูญหายไปประมาณ 71,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียนมัธยมที่ถูกเกณฑ์มาช่วยรื้อถอนอาคารประมาณ 6,300 คน เนื่องจากกำลังทำงานอยู่ในที่โล่งแจ้งขณะที่มีการระเบิด บาดเจ็บอีก 68,000 คน และในปลายเดือนธันวาคมของปีนั้นสถิติผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีรวมกันถึงประมาณ 130,000 - 150,000 คน หรือประมาณเกือบถึงหนึ่งในสามของประชาชนที่อยู่ในฮิโรชิมาขณะนั้น

 Hiroshima เคยเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่สวยงาม เมืองหนี่งที่ตั้งอยู่บนอาณาบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอตากาวะทางตอนใต้ของประเทศ ดินฟ้าอากาศอบอุ่น มีแนวเขาล้อมรอบ 3 ด้าน และมีแม่น้ำ 6 สายไหลผ่านลงสู่ทะเล Seto Inland Sea จนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองน้ำ” (City of Water) เมืองนี้สร้างโดยผู้ครองเมืองที่ชื่อโมริ เทรุโมโต (Mori Terumoto) เมื่อประมาณสี่ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา(ค.ศ.1589) ในสมัยการปกครองของโตโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) และเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับจนกลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางทหารของญี่ปุ่นในระหว่างการทำสงครามเป็นระยะเวลา 15 ปีกับจีน และในสงครามภาคพื้นแปซิฟิคในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเมืองที่ชาวโลกจดจำได้ตลอดไปว่าถูกทำลายล้างลงทั้งเมืองในชั่วพริบตาโดยลูกระเบิด Atomic bomb ลูกเดียวเป็นเมืองแรกในประวัติศาสตร์โลก


อะไรทำให้ญี่ปุ่นต้องประสบเคราะห์กรรมอันน่าเศร้าสลดเช่นนี้ ย้อนหลังไป 4 ปีก่อนหน้าที่ลูกระเบิดนิวเคลียร์จะถูกทิ้งลงที่เมือง Hiroshima นี้ กองทัพเรืออันทรงอานุภาพของญี่ปุ่นอันประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำ และเรือคุ้มกัน 26 ลำ ได้นำกำลังอันเกรียงไกรเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคอย่างเงียบกริบเพื่อไม่ให้ฝ่ายอเมริกันตรวจจับได้ เป็นเวลา 12 วัน ระยะทาง 4,000 ไมล์ เข้าโจมตีฐานทัพอเมริกันที่ Pearl Harber ในหมู่เกาะฮาวาย เมื่อตอนเช้าตรู่ประมาณ 8.00 น. ของวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 เป็นการเปิดสงครามภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐอเมริกาโดยการวางแผนการสงครามอย่างชาญฉลาดของนายพล Isoruku Yamamoto โดยที่ทางฝ่ายอเมริกันไม่ทันรู้ตัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตในคราวเดียวกันนั้นถึง 2,403 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เสียชีวิตจากการระเบิดอย่างรุนแรงของคลังกระสุนปืนในเรือรบขนาดใหญ่ทรงอานุภาพมากของอเมริกาชื่อ Arizona ซึ่งจมลงอย่างรวดเร็วภายหลังการระเบิด

ย้อนหลังการระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมาไป 8 ปี (ค.ศ.1937) ในระหว่างการสงครามจีน-ญี่ปุ่น กองทัพญี่ปุ่นได้บุกเข้าสู่เมืองนานจิงของจีน (เดิมชื่อนานกิง) ทหารญี่ปุ่นได้ทำทารุณกรรมและสังหารชาวจีนไปมากมายด้วยวิธีการต่างๆ เช่นยิงด้วยปืนกล ปืนไรเฟิล ปืนพก ใช้ไฟคลอก ฝังทั้งเป็นในแอ่งทราย ราดด้วยกรดดินประสิว ฯลฯ พวกผู้หญิงเป็นพวกที่รับเคราะห์กรรมโหดร้ายที่สุด พวกเธอจะถูกข่มขืนก่อนที่จะถูกฆ่าทิ้งหรือถูกทำทารุณกรรมต่างๆ จนกว่าจะสิ้นใจ ประมาณกันว่าชาวจีนถูกสังหารรวมกันในคราวนั้นประมาณ 300,000 คน ผู้หญิงถูกข่มขืนกระทำชำเราอย่างน้อยๆ 20,000 คน

เรือ USS Indianapolis ที่ขนชิ้นส่วนของ Uranium-235 จากอเมริกามาส่งที่เกาะ Tinian เมื่อ 26 กรกฎาคม 2545 เพื่อประกอบเป็นลูกระเบิดปรมาณูเพื่อทิ้งที่ฮิโรชิมานั้น เมื่อขนถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางต่อไปยังหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และอีก 4 วันต่อมาก็ถูกเรือดำน้ำของญี่ปุ่นยิงจม (ก่อนที่ลูกระเบิดปรมาณูจะถูกทิ้งที่ฮิโรชิมา) ทางสหรัฐอเมริกาได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือแต่เข้าใจว่าเป็นกลลวงของฝ่ายญี่ปุ่น จึงไม่ได้ทำการใดๆ ทำให้ทหารที่ลอยคออยู่ในทะเล ท่ามกลางฝูงปลาฉลามเสียชีวิตไปถึง 883 คนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือ

“สัตว์โลกมีกรรมเป็นกำเนิด เป็นเผ่าพันธ์ เป็นทายาทแห่งกรรม และเป็นสิ่งลิขิตชีวิต ผลกรรมที่ทำไว้ย่อมติดตามไป และย่อมส่งผล เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”

บรรณานุกรม
1. นิวเคลียร์ปริทัศน์ ปีที่ 18 ฉบับที่ 3-4 กรกฎาคม – ธันวาคม 2548
2. The Spirit of Hiroshima. An Introduction to the Atomic Bomb Tragedy by the Hiroshima Peace Memorial Museum.
3. Day of Infamy, by Walter Lord, An Owl Book, Henry Holt and Company, New York 1985.

 

 

หมายเลขบันทึก: 183494เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2008 20:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 16:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท