ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมน้อมรับงาน R2R


เรียนรู้การทำงาน R2R ร่วมกับองค์กรใหญ่

 จริงแล้วกำหนดตัวเองเรื่องความเพียรในการทำงาน วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์กำหนดไว้สำหรับทำงานวิจัย การพัฒนาโมเดลการสร้างความรู้ในการดูแลสุขภาพสู่ความยั่งยืน ซึ่งเป็นงานดุษฎีนิพนธ์ ที่วางตนเองต่อความสมมติที่เกิดขึ้น ต่อกิจนี้อย่างเต็มที่ตามเส้นทาง มรรค8” ในเรื่องสัมมาวาโยโม...

 

ข้าพเจ้าตั้งใจทำงาน และทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยหัวใจที่มีความสุข ไม่ว่างานนั้นจะเหนื่อยยาก หรือมีอุปสรรคปานใดก็ตาม...

 

แต่แล้วสัปดาห์นี้ วันนี้ต้องทำงานด่วนก่อน ซึ่งข้าเพเจ้าได้นั่งทำมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นจนถึงเดี๋ยวนี้งานที่ว่าก็ยังไม่เสร็จ เป็นการอ่านและประเมินงานวิจัย R2R ซึ่งทาง สวรส.ส่งมาให้ทั้งหมด 123 เรื่อง ... จริงๆ แล้วต้องส่งคืนคุณแป๋ว-ผู้รับผิดชอบตั้งแต่เมื่อวานวันที่ 16 พฤษภาคม 2551 แต่ด้วยความที่เอกสารทั้งหมดมาถึงมือ เมื่อวาน(16 พฤษภาคม 2551) ตอนบ่าย จึงเป็นไปได้ค่อนข้างลำบากที่จะทำให้แล้วเสร็จ และเมื่อวานก็มีงานด่วนที่ต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนสี่โมงเย็น เป็นงานพัฒนานวัตกรรม การบ่มเพาะต้นกล้าแห่งอนาคต อันเป็นงานส่วนหนึ่งของการพัฒนาเด็กและเยาวชนเน้นในเรื่องระดับจิตวิญญาณ โดยนำแนวคิดในเรื่อง การให้ (Philanthropy)  มาเป็นกรอบในการออกแบบกิจกรรม(เรื่องนี้เอาไว้ก่อนจะถอดบทเรียนทีหลัง)

 

ตั้งแต่ทาง สวรส. ประกาศเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อนงาน R2R ในแวดวงวงสาธารณสุขนั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกิจกรรมบ้างเป็นระยะๆ ครั้งนี้ได้รับมอบหมายเป็นผู้หนึ่งที่ประเมินงานวิจัยที่ส่งเข้ามาร่วมในกิจกรรม มหกรรม R2R” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2-3 กรกฏาคม 2551 ที่จะถึงนี้

 

การทำงานประสานกันกับ สวรส. ข้าพเจ้าได้เรียนรู้การทำงาน ในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างออกไป เพราะลักษณะการทำงานค่อนข้างเป็นแบบกระชั้นชิด และเร่งด่วน อาจจะด้วยความที่ สวรส. ต้องรับผิดชอบงานที่มาก คนทำงานจึงต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด...

 

คุณแป๋ว เล่าให้ฟังว่าได้ส่งเอกสารทั้งหมด เป็นรายงานวิจัยทั้งหมด 123 เรื่องมาให้ข้าพเจ้าตั้งแต่วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าข้าพเจ้าน่าจะได้รับในวันที่ 14 พฤษภาคม และข้าพเจ้าต้องรีบอ่านและส่งกลับคืนทาง สวรส. ในวันที่ 16 พฤษภาคม แต่เอกสารดังกล่าวมาถึงข้าพเจ้าเมื่อบ่ายวันที่ 16 เมื่อได้รับเอกสารแล้วข้าพเจ้าได้ประสานกลับไปพร้อมกับแบ่งรับอย่างเต็มที่ที่จะพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายนี้ให้เสร็จ ทั้งๆ ที่ขณะนั้นมีงานที่ติดอยู่ในมือที่ต้องรีบทำให้เสร็จเช่นเดียวกัน

 

ข้าพเจ้าไม่ชอบการบอกอ้างแก่ตนเองว่า เป็นเพราะสิ่งนั้น จึงทำสิ่งนี้ไม่ได้...

 

ข้าพเจ้าถนัดที่จะบอกกับตนเองว่า ทำให้เต็มที่เท่าที่ห้วงเวลานี้มีอยู่ ... เมื่อเสร็จจากงานพัฒนานวัตกรรมที่เจ้าของงานจะต้องได้งานก่อนสี่โมงเย็นเพราะงานนี้ ก็มีผู้ประสานที่ต้องนำไปทำและเชื่อมโยงต่อเช่นกัน วางจากงานดังกล่าวก็กระโดดเข้าสวมหัวโขนทำงานให้ สวรส.ต่อ... พักงานไปช่วงหนึ่งประมาณ 2 ชั่วโมงที่ต้องขับรถทางไกล ใช้ช่วงเวลานี้คุยโทรศัพท์กับ case ที่โทรเข้ามา consult สติ ต้องตื่นรู้ทุกขณะจิต ... ผ่านภาวะที่ case ประคองตนเองได้จึงได้ขออนุญาตวางสาย และขับรถต่อถึงขอนแก่น ประมาณสองทุ่ม ... สะสางตนเอง ผ่อนคลายแล้วก็ลุยงานให้ สวรส. ต่อเข้านอนห้าทุ่ม เกินเวลานอนไปหน่อยนึงไม่เป็นไร ... เข้านอนด้วยการกำหนดสติ ตื่นเช้ามืดทำภารกิจเสร็จสิ้น ก็ทำงานต่อ พร้อมทั้งทำ จิตตานุสติ ไปพร้อมกันด้วย...

 

ทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่ศักยภาพของตนเองและเวลาที่มีอยู่”… ด้วยสติระลึกรู้เสมอทุกอิริยบทและความรู้สึกนึกคิด

ที่สุดเมื่อเสร็จกิจ... ปิติ สุข ก็บังเกิดขึ้น...

และเราก็จะไม่รู้สึกทุกข์จากการทำงาน -------> นี่แหละคือ ความสุขในการทำงาน

 

 

 

 ..............................................

 

 

หมายเลขบันทึก: 182940เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2008 12:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ขอบคุณคุณน้องกะปุ่มมากๆค่ะที่เข้าใจสวรส. สวรส.ต้องรับผิดชอบงานที่มาก คนทำงานจึงต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งบางครั้งอาจสร้างความลำบากให้น้องกะปุ่มบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ แต่เชื่อว่าน้องกะปุ่มจะมีความสุขกับการทำงานเพราะมีหัวใจที่ปิติอยู่ตลอดเวลา เหมือนที่เราทุกคนที่มีความเชื่อว่า r2rคือเครื่องมือในการทำงานให้มีความสุขค่ะ

รักและคิดถึงน้องกะปุ่มเสมอ

พี่แต้ม

ขอบคุณที่มีเพื่อนร่วมทำงาน เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางโลกและทางธรรม

ขอให้คุณกะปุ๋ม เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

มาให้กำลังใจพี่กะปุ๋ม ครับผม,

ฉันอ่านเรื่องราวบันทึกความรู้ของผู้หญิงคนหนึ่ง และบอกตนเองว่า ชอบมาก

อยากขอบคุณเธอที่ได้ให้ความรู้ การถ่ายทอดอรรถแห่งธรรมที่งดงาม และให้กำลังใจ

เธอต่อไปในสายทางธรรม ที่หยั่งรากลึกเป็นอจลศรัทธา

โลกกับธรรมมิได้แยกจากกัน

เพียงแต่ไม่ยึดกันเท่านั้นเอง

เวลาอ่านบทความคุณกะปุ๋มแล้ว ลมหายใจจะเงียบ ตัวดูลมจะทำงาน จึงชอบเข้ามาอ่านมาก ขอบคุณที่ปลุกมวลชนให้ตื่นรู้จากอวิชชา

ตามมาอ่านบันทึกแห่งความสุขครับ...

สุขใจที่ได้อ่านครับผม...

ทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่ศักยภาพของตนเองและเวลาที่มีอยู่”…

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีค่ะ

ทุกครั้งที่เข้ามาอ่านบันทึก จะรู้สึกได้ถึงพลังที่ได้รับกลับไปด้วย

ข้าพเจ้าไม่ชอบการบอกอ้างแก่ตนเองว่า เป็นเพราะสิ่งนั้น จึงทำสิ่งนี้ไม่ได้...

ประโยคนี้โดนใจเพราะเป็นตัวเรา ที่เพิ่งจะเริ่มรับรู้กับความยากลำบาก พยายามพัฒนาตน ฝึกรับรู้ถึงความว่างในความคิด และความติดขัดที่ปรากฏให้รู้

ประสบการณ์ที่แบ่งปัน ทำให้เข้าใจถึง การเจริญสติ ในทุกขณะที่รับเรื่องราวความทุกข์ของผู้อื่นได้ชัดเจน

ขอบคุณค่ะ

ในการทำสิ่งใดใด...

ไม่เคยมีความปรารถนาหรือพยายามเรียกร้องที่จะให้ผู้อื่นมาเข้าใจ...แต่ทุกๆ เส้นทางการเดินทางของทุกลมหายใจ ไม่วาจะทำหรือร่วมทำกิจกรรมใดใด กับใคร..พยายามทำความเข้าใจ...ในตนเอง...

เพราะตลอดเส้นทางการเดินทาง ที่ได้สัมผัสสัมพันธ์อะไรกับสิ่งใด.. "ใจ"...เรานั้นมักคอยจะเป็นผู้เสพสิ่งต่างๆ อยู่เรือย หากใจเราได้เสพสิ่งดีดี นั่นก็โชคดีไป แต่หากว่าเมื่อไรที่ใจเราได้เสพสิ่ง...เน่าๆ ใจเรานั้นจะเป็นผู้หมองมัว...

หน้าที่ของการมีชีวิตและลมหายใจคือ...ความพยายามในการเยียวยาตนเอง และหากว่าเมื่อไรที่เรากำลังมากขึ้น...เราอาจได้ร่วมมีโอกาสในการเยียวยาผู้อื่น...

(^___^)

ขอบพระคุณทุกท่าน...ที่ได้อ่าน ได้คิด...และได้น้อมนำต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตนเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท