คุณเคยรู้สึกมั้ยคะว่า สิ่งที่ตัวคุณเองต้องการจริง ๆ นั้นคืออะไรกันแน่????
สำหรับเรา เราเคยรู้สึกอย่างนั้น เมื่อก่อนรู้สึกว่าไม่แน่ใจในตัวเอง ว่าสาขาที่เราต้องการจะเลือกเรียนนั้น เป็นสาขาที่เราชอบแล้วจริง ๆ เหรอ?.... แล้วเราชอบอะไรกันแน่ล่ะ...เราได้แต่เฝ้าถามความต้องการของตัวเอง แต่ก็ยังหาคำตอบไม่เจอซักที
จนกระทั่งเราได้มีโอกาสไปสอนภาษาไทยให้นิสิตชาวจีนที่มหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี เมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซี....นั่นแหละ จุดเริ่มต้นที่เรารู้สึกว่า เย้ๆๆๆๆ ในที่สุด เราก็ค้นพบตัวเองแล้วเฟ้ย....
เรามีความสุขมาก เมื่อคราวที่สอนอยู่ที่นั่น รู้สึกสนุก อยากสอน อยากให้คนต่างชาติพูดภาษาไทยได้ สามารถพูดคุยกับเราด้วยภาษาแม่ของเราได้...เวลาที่เห็นพวกเขาฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยได้ตามที่เราสอน รวมทั้งเข้าใจและดูจากสีหน้าแล้วรู้สึกว่าพวกเขามีความสุขที่ได้เรียนกับเรา ...ยิ่งตอนที่เราได้ไปสอนที่นั่นอีกเป็นครั้งที่สอง โดยที่เด็ก ๆ เหล่านั้นยังไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาสอนอีก...พอวันแรกที่เราก้าวเข้าไปในห้องเรียนเท่านั้นแหละ....พวกเขาต่างก็อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง ปากเริ่มยิ้ม จากนั้นก็โห่ร้องด้วยความยินดีและดีใจ พร้อมทั้งเรียก "อาจารย์เก๋...เย้ ๆๆๆๆๆ" แล้วปรบมือกันลั่นห้องเรียน....โอ้...พระเจ้า...แค่นี้ก็ทำให้เรารู้สึกสุขใจ อิ่มใจ เบิกบานใจ ชื่นใจ ฯลฯใจ ยังไงก็ไม่รู้สิ....เพราะความรู้สึกแบบนี่แหละ ที่ทำให้เรารู้ตัวเองแล้วว่า เราต้องการอะไร เราอยากจะเรียนอะไรต่อไป เราชอบอะไร อะไรที่เราทำแล้วรู้สึกมีความสุข....
เราจึงตั้งใจไว้ว่า จะเรียนต่อด้านการสอนภาษาที่สอง เพื่อจะได้นำความรู้มาพัฒนาการสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติอย่างที่เราต้องการ
เอาล่ะ พอรู้แล้วว่าจะเรียนอะไร เราก็หา หา หา ว่ามีที่ไหนเปิดสอนบ้าง นอกจากนี้ ก็ยังต้องคิดให้ออกด้วยว่า ตัวเองอยากจะทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไร ....หลังจากเริ่มต้นเขียน Thesis Proposal ไปอย่างเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ วันไหนมีอารมณ์จะทำ ก็ทำ วันไหนไม่มี ก็แทบจะไม่อยากหยิบมันขึ้นมาดูเลย...เหมือนที่เราเคยพูดไว้นั่นแหละว่า...ทำไมเรายิ่งทำ ยิ่งรู้สึกว่า "ทำไมเราไม่รู้อะไรเลยเนี่ย" เราจึงไประบายกับเพื่อนสนิทเรา จนได้ประโยคเด็ดจากเพื่อนมาว่า "เพราะเราไม่รู้ไง เราถึงต้องไปเรียน" ...โอ้ พอเราฟังเท่านั้นแหละ อึ้งเลย รู้สึกว่ามีกำลังใจขึ้นมามากโขเลยทีเดียว ...อืม มันก็จริงอย่างที่เพื่อนเราว่าอะนะ
เราเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่ง (ไม่รู้จะเรียกอะไรดี) เขียนไว้ประมาณว่า
1. "คนฉลาดมักจะบอกว่าตัวเองไม่รู้" และ
2. "มีแต่คนโง่เท่านั้นที่บอกว่าตัวเองฉลาด"
ข้อแรกไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ว่าตัวเองเขียนถูกรึเปล่า แต่ข้อสองนี่จำได้แม่นเลย.....พอนึกถึงคำกล่าวนี้เมื่อไหร่ เลยทำให้เรารู้สึกว่า "5555 แสดงว่าเราก็เป็นคนฉลาดคนนึงน่ะสิเนี่ย...อิอิ" งั้นก็ขอเป็นคนในข้อหนึ่งก็แล้วกัน........ แล้วคุณล่ะคะ เลือกที่จะเป็นคนในข้อไหน???
ลุงเอกจะบอกเสมอว่าโง่จึงอยากรู้อยากเรียน บางคนบอกว่าบ้า ต่ข้าก็มีความสุขครับ
- จริงด้วยค่ะ คุณบัวปริ่มน้ำ...ดิฉันว่าในโลกนี้ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ คนเราแต่ละคนต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองรู้แตกต่างกันไป...ช่างตัดผม ก็รู้วิธีตัดผม แต่ถ้าถามว่า อาจารย์สอนหนังสือ รู้มั้ย แน่นอน ว่าย่อมไม่รู้ ...นะคะ...อิอิ
- ลุงเอกพูดถูกค่ะ ถ้างั้นคราวนี้ หนูก็จะขอเป็นทั้งคนฉลาด(ที่บอกว่าตัวเองไม่รู้) และเป็นคนโง่ ที่ไม่ได้บอกว่าตัวเองฉลาด แต่เพราะโง่ ก็เลยอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนโน่น เรียนนี่ และรู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้...แบบนี้หนูก็มีความสุขเหมือนที่ลุงเอกว่าค่ะ :) แม่หนูจะสอนเสมอว่า ให้มองโลกในแง่ดีไว้นะลูก แล้วลูกก็จะมีความสุข ...ส่วนพ่อ (ซึ่งเป็นตำรวจ เห็นทั้งเรื่องดีและไม่ดี) ก็จะบอกว่า ให้มองทั้งแง่ดี แง่ร้ายอะแหละลูก เป็นการป้องกันตัวเองด้วย 5555 ถูกทั้งพ่อและแม่ค่ะ
พี่หนิงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จริงๆ อ่ะค่ะ ไม่ได้ฉลาดแล้วบอกว่าไม่รู้หรอก
จริงๆนะ
ยังต้องเรียนอีกเยอะเลย
เห็นเหมือน ลุงเอก ถ้าสิ่งที่คิดที่ทำแล้วมีความสุข นั่นแหละใช่เลย