การแซนตาเป็นความเชื่อของบรรพบุรุษมาแต่โบราณ ซึ่งเป็นประเพณีที่ทำทุกปี ซึ่งจะไปทำพิธีที่กระตวมตา
การตวมตา ซึ่งเป็นเจ้าที่ของหมู่บ้านที่นับถือสืบทอดกันมา คล้ายกับศาลหลักเมือง มาจากศาสนาฮินดู
ลักษณะของกระตวมตา
ลักษณะโดยทั่วๆไป จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สมัยก่อนมีก้อนหิน ๒ ก้อนแทนตากับยายหรือแทนเจ้าที่เจ้าทาง สมัยนี้มีรูปคน รูปช้าง รูปม้า
สำหรับหมู่บ้านหนองยางเจ้าที่ของหมู่บ้านคือ หลวงปู่อุดม กับคุณยายจันที
การแซนตา แซนยายประจำปี
จะถือเอาวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ไข่ไก่ ข้าว น้ำตาล ( น้ำอ้อย ) กล้วย ผลไม้ต่างๆ เหล้าขาว ขัน ๕ หมากพลู เมื่อแซนตาเสร็จก็จะไปแซนยุ้งข้าว เอาปุ๋ยไปใส่นา และแซนลานข้าว
การแซนยุ้งฉางสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ขัน ๕ (ดอกไม้ ธูปเทียนหมากพลู ยาสูบอย่างละ ๕ ) ข้าว กับข้าว ปลาย่าง ( ปลาสลิด ) อย่างละ๒ ถ้วย น้ำ ๑ แก้ว และจะนำใบคูนมาเสียบไว้ที่ยุ้งข้าวเพื่อเป็นสิริมงคล
การแซนลานข้าว สิ่งที่ต้องเตรียมขัน ๕ (ดอกไม้ ธูปเทียนหมากพลู ยาสูบอย่างละ ๕ ) ข้าว กับข้าว อย่างละ๒ ถ้วย น้ำ ๑ แก้ว และไข่ไก่ ๑ ฟองโดยนำข้าวเปลือก แซนไปให้ตายาย แบ่งข้าวเป็นกองๆ และบอกให้ตายายรับรู้ว่าลูกหลานเอาข้าวมาให้ตายายและขอให้ได้ผลผลิตมาก ๆ แล้วลูกหลานจะเอามาแบ่งให้อีก เมื่อเสร็จพิธีก็จำฝังไข่ไก่ไว้ที่ลานข้าว
ชาวบ้านจะไปแซนตาอีกวันหนึ่งคือวันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ สิ่งที่ต้องเตรียมเหมือนกับวันขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๓ แต่จะเปลี่ยนจากไข่ไก่ เป็นไก่ต้ม ( ไม่ผ่าท้อง )
อีกอย่างหนึ่งถ้ามีการบนบานศาลกล่าว เมื่อประสบผลสำเร็จแล้วจะต้องปฏิบัติตาม หรือเมื่อจะเดินทางไกล ไปไหนมาไหนก็มักจะแซนตา เพื่อความสบายใจและเมื่อกลับมาก็จะมีการ
แซนบอกอีก หรือเมื่อจะประกอบพิธีต่าง ๆ สิ่งที่จะทำอันดับแรกก็คือการแซนตาแซนยาย
ในการแซนตาแซนยาย อาจใช้ไก่ หรือ หัวหมู ก็ได้ตามที่เราบนบาน เมื่อเสร็จพิธีจะมีการ
รับประทานอาหารร่วมกันก่อให้เกิดความสามัคคี ซึ่งเป็นอุบายของบรรพบุรุษเพื่อสร้างความสามัคคี
ของลูกหลาน
สวัสดีครับ
แวะมาอ่านครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมา ค่ะ
ประเภณีของชาวพื้นเมืองสุรินทร์ ใช้ใหมครับ บ้านผมก็มี บางที่ก็มีหัวหมู ดอกไม้ธูปเทียน