ระนองรักษ์เร่งผลักดันกฎหมายบำเหน็จดำรงชีพ


กฎหมายบำเหน็จดำรงชีพ

รมช. ระนองรักษ์  จะผลักดันกฎหมายบำเหน็จดำรงชีพเข้า ครม.ในเร็ว ๆ นี้

ร.ต.หญิงระนองรักษ์  สุวรรณฉวี  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า  ได้หารือกับอธิบดีกรมบัญชีกลางเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2551  และได้ข้อสรุปว่า  จะสนับสนุนให้มีการขยายเพดานวงเงินบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ผู้รับบำนาญที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าจากเดิมที่กำหนดให้ ขอรับได้ในอัตรา15 เท่า ของบำนาญรายเดือนแต่ไม่เกิน 200,000 บาท เป็น ให้ขอรับได้ในอัตรา 15เท่าของบำนาญรายเดือน แต่ไม่เกิน 400,000 บาท  โดยปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดอัตราและวิธีการรับบำเหน็จดำรงชีพ พ.ศ. 2546 รวม 2 ฉบับ (ออกตามความในพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494และ พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539)  เพื่อให้ผู้รับบำนาญดังกล่าวสามารถดำรงชีพได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่อัตราค่าครองชีพมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 

นายมนัส  แจ่มเวหา  รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง  ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า  การขอรับบำเหน็จดำรงชีพในกรณีนี้   ผู้รับบำนาญต้องมีอายุตั้งแต่ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป  และต้องมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1). เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ    2). เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรืออาคารหรือห้องชุด  3). เพื่อชำระหนี้ค่าปลูกสร้างอาคารหรือต่อเติม ขยาย ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนหรือห้องชุด และ 4). เพื่อชำระหนี้เงินกู้นอกระบบ    ผู้รับบำนาญที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการนี้กรมบัญชีกลางตรวจสอบแล้ว มีจำนวน  68,128 คน  ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้รับประโยชน์ในการครองชีพของผู้รับบำนาญและครอบครัวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกด้วย

โครงการนี้เดิมถูกทักท้วงว่า  ยังไม่มีการวิจัยสนับสนุนกรมบัญชีกลางจึงได้ให้สถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชทำการวิจัย  ปรากฏว่าผู้รับบำนาญมีความต้องการใช้จ่ายเงินแต่มีเงินไม่เพียงพอสำหรับใช้จ่าย  โดยร้อยละ 62.8  ต้องการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน  ร้อยละ 56.9  ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อ/ซ่อม/สร้างที่อยู่อาศัย   ร้อยละ 46.1  ต้องการนำไปลงทุน  และร้อยละ 39.4  ต้องการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 

นายมนัส  แจ่มเวหา  กล่าวเพิ่มเติมว่า  งบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการดังกล่าว คาดว่าประมาณ   6,945   ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากโครงการนี้ไม่ได้ตั้งงบประมาณเอาไว้    จึงต้องจ่ายจากเงินคงคลัง แต่คาดว่าจะมีเพียงพอที่จะนำมาจ่ายได้  จึงจะได้ผลักดันกฎกระทรวงเรื่องการรับบำเหน็จดำรงชีพ เพื่อช่วยเหลือด้านการดำรงชีพของผู้รับบำนาญต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนักเนื่องจากเป็นกฎกระทรวง  เมื่อ ครม.เห็นชอบก็สามารถจะประกาศใช้ได้ทันที

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท