นับตั้งแต่ผมจำความได้ สิ่งหนึ่งที่คุ้นเคยมากในชีวิตก็คือ ชั้นบนของบ้านเรามีหิ้งพระ และข้าง ๆ หิ้งพระก็จะมีโกฐ สำหรับเก็บกระดูกของคุณตา(พ่อเฒ่า) ต่อมาก็เพิ่มกระดูกคุณยาย(แม่เฒ่า) ของน้าชาย และเมื่อผมจบปริญญาตรี ก็ได้เพิ่มกระดูกของคุณปู่ คุณย่า โดยสรุปก็คือ กระดูกของญาติจำนวนมากถูกนำมาเก็บไว้ที่บ้านเรา ทุกวันปีใหม่ของไทย คือ วันสงกรานต์จะมีการทำความสะอาดหิ้งพระครั้งสำคัญ ต้องเปิดดูในโกฐว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยหรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งนำไปทำพิธีบังสุกุล
การที่ทุกคนคุ้นเคยกับกระดูกของคุณตา คุณยาย และญาติ ๆ จึงกลายเป็นเรื่องปกติยิ่งที่ทุกคนในบ้านเรามีความรู้สึกเฉย ๆ กับกระดูกของคนตาย ไม่เคยรู้สึกกลัวผี (อาจเป็นเพราะเราคุ้นเคยมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็กมาก ๆ) บ้านของญาติพี่น้อง(คือบ้านของน้า ๆ ป้า ๆ อา ๆ ) ทุกบ้านมีความรู้สึก “กลัวผี” ไม่กล้าเก็บกระดูกไว้ ดังนั้น กระดูกของญาติสนิททั้งหมดจึงมาอยู่ที่บ้านเรา รวมอยู่ในโกฐเดียวกัน ลูกหลานในบ้านเราทุกคนจึงไม่รู้สึกกลัวผี(หมายถึงชั้นลูกของคุณแม่ ทั้ง 7 คนพี่น้อง จะอย่างไรก็ตาม ในชั้นหลาน เท่าที่พบเห็น หลายคนไม่คุ้นเคย และยังรู้สึกกลัวผี)
คำพูดที่เราคุ้นเคยมากตั้งแต่เด็ก จากปากของคุณแม่ คือ “ผีไม่มีหรอกลูก” หรือ “ถ้าผีมีจริง ก็คงจะไม่มาหลอกหลอนคนดี ๆ หรอกลูก” การพูดย้ำบ่อย ๆ ตั้งแต่วัยเด็ก น่าจะมีผลอย่างยิ่งต่อการปลูกฝังเจตคติในเรื่องนี้....ผมเองรู้สึกเฉย ๆ มากกับคำว่าผี บ่อยครั้งที่เข้าไปดูหน้าศพของญาติตอนเปิดฝาโลง ก่อนพิธีฌาปนกิจ ก็รู้สึกเฉย ๆ ครับ ในวันที่คุณพ่อของภรรยาเสียชีวิต(ปี 2541) ผมยังเป็นคนเปิดฝาโลงเพื่อเอาดอกไม้ใส่มือศพ และเป็นคนดูศพ คนสุดท้าย ในขณะที่ภรรยาของผม แม่ยาย และญาติ ไม่กล้าดูครับ
ในเรื่องของการเก็บโกฐใส่กระดูกไว้ในบ้าน ผมคิดว่า อาจไม่ใช่ความคิดที่มุ่งหวังในการสร้างจิตใจที่เข้มแข็งหรือไม่กลัวผีให้แก่ลูก ๆ หรอกครับ น่าจะเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ กล่าวคือ คุณแม่รู้สึกเฉย ๆ เป็นคนไม่กลัวผี(ในขณะที่น้า ๆ ทุกคน กลัวผี) จึงกลายเป็นครอบครัวที่ต้องนำกระดูกมาไว้ในบ้าน(บ้านอื่น ไม่กล้านำไปเก็บ) ส่งผลให้เกิดผลดีต่อจิตใจของลูก สร้างความรู้สึกเฉย ๆ หรือไม่รู้สึกกลัวผีกันทุกคน
บัดนี้ กระดูกของคุณแม่(คุณแม่เสียชีวิตใน ปี 2544 ทั้งนี้ เรื่องราวที่ผมเขียนถึงคุณแม่ ป.4 ส่วนหนึ่งผมได้เขียนไว้ในหนังสือที่ระลึกในพิธีพระราชทานเพลิงศพคุณแม่ โดยใช้ชื่อว่า “คุณแม่นักจัดการ...นักสร้างผู้ยิ่งใหญ่” ) ได้ถูกนำไปเก็บรวมกับกระดูกของคุณปู่ ย่า ตา ยาย และล่าสุด คือ พี่ชายคนโตของผม ไว้ในบ้านของเรา (ในจังหวัดนนทบุรี) ทุกวันสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย เราก็ยังนำไปทำพิธีบังสุกุลตามปกติทุกปีครับ
เนื้อหาน่าสนสนใจมากเลยค่ะ
ทำให้เราสามารถนำไปสอนลูกๆหรือเยาวชนให้เด็กๆไม่กลัววิญญาณหรือสิ่งเร้นลับ