การประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 2/2549 (3.3) ต่อ


      เฮ้อ! ได้ทานนำแล้ว  ชื่นใจมาก  ค่อยมีกำลังเล่าต่อหน่อย  ถ้าอย่างงั้นมาอ่านกันต่อเลยนะคะ

      วาระที่ 3  เรื่องสืบเนื่อง  (ต่อ)

      ในระหว่างนี้ไม่รู้ใครตั้งประเด็นขึ้นมาเหมือนกันค่ะ  ผู้วิจัยฟังไม่ค่อยได้ยิน  แต่เท่าที่จับความได้มีการพูดกันขึ้นมาว่า  ความจริงในเรื่องการขยายผลนั้น  แม้ว่าไม่มีโครงการนี้เข้ามาเราก็ต้องทำกันอยู่ดี  ถ้าอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยงบประมาณอะไรก็ได้

     ประธานจึงพูดขึ้นมาว่า  ผมเข้าใจนะครับ  แต่เวลาผมเสนออะไรมันอาจเป็นเสียงที่ไม่เพราะหูสำหรับพวกท่าน  ความจริงผมก็เข้าใจว่าเรามีการขยายผลกันอยู่แล้ว  แต่ประเด็นที่ผมเน้นก็คือ  ตัวเป้า  ตัวชี้วัด  ซึ่งมีเรื่องการบริหารจัดการด้วย  ทำไมพวกเราไม่เอาตรงนั้นมา  ผมขอยกตัวอย่างว่าอย่างในเขตอำเภอเมือง ที่พี่ปิยชัยตั้งข้อสังเกตว่า  ต้องเอาผมไปด้วย  แต่ถ้าเรามาอบรมคณะกรรมการ  สร้างความเข้าใจ  ทำให้พวกเขาเป็นวิทยากรซะ  สามารถทำความเข้าใจในเรื่องการบริหารจัดการภายในทั้งหมด  อบรมตรงนี้นะ  เอาแกนก่อนนะ  แต่ตอนนี้ประเด็นปัญหาที่มันขยายไม่ออกก็คือ  คนมันไม่มีความรู้  คนมันไม่ทำงาน  ทำไมเราไม่เน้นตรงนั้น  เราน่าจะใช้โอกาสตรงนี้มันมีงบประมาณอยู่  อย่างสมมติว่าเถินมีความรู้ตรงนี้  เรื่องอื่นก็ว่าไป  แผนไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกัน  เราต้องไปเสริมในส่วนที่เราขาด  เราใช้งบประมาณที่มีก็จะทำให้ขบวนของเรามีประสิทธิภาพ  บางคนอาจอยากรู้เรื่องการทำบัญชี  เราก็อาจเปิดการอบรมเรื่องระบบบัญชีก็ได้ให้กับคณะกรรมการกลุ่มที่ยังไม่รู้ว่าทำบัญชีทำอย่างไร  เพราะ  ผมเชื่อว่าศักยภาพของแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน  แต่เราจะทำให้มันเท่ากันได้อย่างไร  เราต้องเสริมในเรื่ององค์ความรู้  เราต้องใช้โอกาสตรงนี้  เรื่องการขยายผลผมได้พูดมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วว่าผมจัดเวทีมา 3-4 รอบแล้ว  แต่มันก็ไม่ขยาย  สาเหตุที่ไม่ขยายก็เพราะว่าคณะกรรมการหรือองค์กรบางองค์กรยังไม่เข้าใจในเรื่องการบริหารจัดการ  นี่เป็นเหตุที่มันไม่สามารถ  เพราะอะไรครับ  ก็เพราะว่าคนเวลาที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกเขาจะต้องเข้ามาดูว่ากรรมการมีไหม  บริหารอย่างไร  เอาเงินไปไหน  จัดการยังไง  มันไม่เหมือนกันในเรื่องศักยภาพ  ความจริงผมอยู่ในขบวนของนักวิจัย  ผมพูดไปมากก็จะหาว่าผมไปบังความคิดของพวกท่านหมด  แต่ความจริงผมอยู่ใน 2 สถานะ  คือ  สถานะหนึ่ง  ผมเข้าร่วมกับขบวนวิจัย  อีกสถานะหนึ่ง  ผมอยู่ในฐานะที่เป็นประธานเครือข่ายฯ  เพราะฉะนั้นก็อยากจะเสนอ คือ ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกันในทุกพื้นที่  ต้องรู้ศักยภาพตัวเองว่าพื้นที่ไหนจะทำอะไร  ผมว่าอย่างนี้มันจะดีกว่า  จะทำอะไรก็ว่ากันไป  พอหมดโครงการนี้เราก็จะต้องทำต่ออยู่แล้ว  ไม่ใช่ว่าเราจะหยุด  ไม่มีเงินแล้วเราหยุด  ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่ทักษะที่เป็นตัวคน  เป็นคณะกรรมการซึ่งมันไม่เท่ากัน  ทำไมไม่เสริมตัวนี้เข้าไป  เรามีโอกาส  และเราจะสอนซึ่งกันและกันได้อย่างไร  ระหว่างกลุ่มที่เข้มแข็งแล้วกับกลุ่มที่อ่อนแอ  พวกเราเคยคิดจะเสริมกันบ้างไหมครับ

      อ.ธวัช  ได้ยกมือขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า วันนี้เครือข่ายฯให้เรา 5 กลุ่มเป็นกลุ่มนำร่องเพื่อขยายผลใช่ไหมครับ? 

      ประธานรีบชิงตอบว่า  มัน 3 เรื่องนะ  คือ  เรื่องการบริหารจัดการ  การขยายผล  และการเชื่อมประสาน 

      อ.ธวัช  ได้ย้อนว่าตกลง 3 เรื่อง  คือ  เรื่องการบริหารจัดการ  การขยายผล  และการเชื่อมประสานใช่ไหมครับ?  ผมเชื่อว่า 5 กลุ่มนำร่องแต่ละกลุ่มต้องมีคนมีความรู้  ความสามารถที่จะทำใน 3 เรื่องนี้  ผมดูแล้วเหมือนว่าทางเครือข่ายฯไม่มั่นใจกลุ่ม  ไม่ค่อยเชื่อในความสามารถของแต่ละกลุ่มซึ่งทำมาจนประสบความสำเร็จ  เพราะฉะนั้น  แต่ละกลุ่มมีความรู้ความสามารถพอ  น่าจะเปิดโอกาสให้ทำงาน  ท่านก็คอยดูจากข้างบน  คอยปกป้อง  จะดีกว่า

      ประธานจึงตอบกลับไปว่า  ก็นี่ไง  ผมกำลังมองจากข้างบนอยู่  มองว่าพวกเราคิดอย่างนี้  อาจเติมเต็มและจุดประกายให้  ไม่ได้หมายความว่า  ไม่ให้ทำ  ผมไม่ได้ปิดกั้นความคิดใครเลยนะ  แต่พวกเราทำเนี่ยต้องทำอย่างเป็นระบบ  เพราะ  พวกเราทำมามากแล้วมันไม่เกิดการขยาย  โอเคนะครับ  ถ้าจะทำก็ไม่เป็นไร  ให้โอกาสในการวางแผน  ท่านจะทำอย่างไรก็ตาม  ก็ไม่เป็นไรนะครับ

      อ.ธวัช  ถามกลับมาว่า  ตกลงสรุปว่ายังไงครับ?

      ขอทิ้งไว้ที่คำถามของ อ.ธวัชก็แล้วกันนะคะ  แล้วพรุ่งนี้ (ถ้าโอกาสอำนวย) จะเข้ามาเล่าให้ฟังต่อค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 17924เขียนเมื่อ 7 มีนาคม 2006 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท