สังคมไทยศิลธรรมและจริธรรมอันดีงามเสื่อมถอยลงหรือไม่ ?


คนไทยให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายหรือการให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ โดยไม่สนใจว่าจะได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เหมาะสม หรือชอบธรรมตามขนบประเพณีที่ดีหรือไม่?

วันนี้ได้อ่านข่าว 2 เรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองข่าวหนีไม่พ้นเรื่องทางกามารมณ์ของมนุษย์  เรื่องแรกเป็นข่าวเกี่ยวกับอาจารย์หนุ่มของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งร้องขอให้นักศึกษาช่วยสำเร็จความใคร่ให้เพื่อแลกกับเกรดที่สูงขึ้น กับข่าวที่สองเป็นข่าวเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นชาย 7-8 คนทำการรุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาววัย 14 ตัวคนเดียว สังคมไทยไร้ซึ่งศิลธรรมอันดีในการควบคุมความประพฤติของคนแล้วหรือ?

เราต่างก็คาดหวังให้มาตรฐานทางสังคม (บรรทัดฐาน) และศิลธรรมต่างๆ เป็นเครื่องมือช่วยควบคุมความประพฤติของผู้คนให้อยู่ในกรอบอันดีงาม เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสงบสุขสมตามฐานะ คนทั่วไปต่างก็ควรรู้จักที่จะประพฤติตนอยู่ในครรลองคลองธรรมอันดีงาม ไม่ไปละเมิดหรือกระทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ ยิ่งเป็นครูบาอาจารย์ยิ่งต้องมีมาตรฐานทางศิลธรรมสูงกว่าคนปกติทั่วไป ไฉนเล่าจึงเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น? ความเคร่งครัดในกฎกติกาของสังคม ซึ่งจะถูกเขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ตาม เริ่มหย่อนยานหายไปจากจิตใจของปุถุชนคนไทยแล้วหรือ?

พอเห็นเรื่องนี้ก็ต้องปลงและทำใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวบุคคล (เฉพาะบุคคล) หรือเป็นปัญหาเชิงระบบในสังคมไทยที่เริ่มเปลี่ยนไปในทางลบ ผู้คนขาดความเคารพในสิทธิผู้อื่น ขาดสติและความยับยั้งชั่งใจ และถ้าหากเรามองปัญหาในระดับที่กว้างไปกว่านี้ก็คือ คนไทยให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายหรือการให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ โดยไม่สนใจว่าจะได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เหมาะสม หรือชอบธรรมตามขนบประเพณีที่ดีหรือไม่?  ปัญหาเหล่านี้พบได้ตั้งแต่ระดับปุถุชนคนสามัญ กลุ่มคนที่สังคมให้ความเคารพ และตลอดไปจนถึงผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศ ที่มักจะอ้างว่าพฤติกรรมที่พวกเขาทำมันผิดกฎหมายตรงไหน แต่ไม่ค่อยมีสติและสามัญที่จะไตร่ตรองว่าสิ่งที่พวกเขาเหล่านี้ทำอยู่มันเหมาะสมตามมาตรฐานทางสังคมอันดีงามหรือไม่อย่างไร

ผมเองมองว่าเรื่องพวกนี้ หรือตรรกะคิดแบบนี้ไม่ได้เป็นปัญหาในระดับปัจเจกบุคคลเสียแล้ว หากเป็นปัญหาในชิงระบบ ปัญหาเชิงตรรกะวิธีคิดของคนไทย ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร วิธีคิดแบบนี้ทำให้คนส่วนใหญ่มองว่าจะทำอะไรก็ตามแต่ ขอให้ไปถึงในสิ่งที่ต้องการได้โดยง่าย โดยเร็ว ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร หรือสังคมจะมองเรื่องพวกนี้อย่างไร  คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมดแล้ว? ถ้าเราปล่อยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า เยาวชนคนรุ่นใหม่จะถูกปลูกฝังวิธีคิดแบบนี้ และในที่สุด สังคมไทยอาจกลายเป็นสังคมมักง่าย ฉันจะทำอะไรก็ได้ขอให้ได้มาซึ่งเงินทองและอำนาจ เพื่อที่จะได้นำมาซึ่งสิ่งที่ฉันต้องการอย่างง่ายและรวดเร็ว.....

มันไม่ผิดหรอกที่จะมีคนนิสัยมักง่าย มันมีกันทั่วโลก แต่มันผิดที่มันเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา แต่ทว่าไม่มีใครทำอะไรหรือแก้ไขอะไรได้เลย มิหนำซ้ำ คนมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบก็ยังเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้อีก  

สังเกตนะครับว่าปัญหาพวกนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรม ซึ่งบ่อยครั้งไม่สามารถเขาถึงได้ด้วยกฎหมาย แต่ต้องควบคุมด้วยกฎกติกาทางสังคม อนิจจังเหลือเกิน คนทั่วไปมองว่าพฤติกรรมของพวกเขาต้องปล่อยให้กฎหมายเป็นเครื่องชี้นำ แทนที่จะเร่งกลับมาใช้กลไกการควบคุมทางสังคมดังเดิม บุคคลทางสังคมทุกวันนี้ต่างทำตัวเป็นแบบอย่างในทางที่ไม่สู้จะดีนัก คนเหล่านี้จะทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจเพราะอ้างเหตุว่าไม่ผิดกฎหมาย แล้วใครจะทำไม เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัว ใครจะว่าอะไร? น่าเสียดายที่คนพวกนี้ลืมไปว่าสิทธิเสรีภาพของเขาจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อไม่ไปก่อให้เกิดผลกระทบกับผู้คนอื่น ทั้งในทางจิตใจหรือกายภาพ น่าเสียดายที่คนพวกนี้ไม่ทันได้คิดว่าสังคมเราจะดำเนินไปได้มันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการบังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว สมมติว่าคุณเป็นพ่อคน คุณเขียนกฎกติกาให้ลูกปฏิบัติหรือ?  พอสมมติกรณีนี้ได้ เราก็จะพบว่ากติกาทางสังคมยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น..... หรือถ้ามีคนแย้งว่าก็เขียนได้นิ เขียนกฎหมายแบบละเอียดหยุมหยิมให้มันครอบคลุมทุกๆ เรื่อง จะเป็นอะไร ผมก็จะบอกว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้ว กฎหมายมันจะพันคอจนหายใจไม่ออก

ที่เขียนมาทั้งหมดเป็นคำบ่นที่ไม่สู้จะเป็นระบบเท่าไหร่นัก แต่สรุปเอาง่ายๆ ว่า “จงอย่าทำอะไรที่ผิดครรลองคลองธรรมอันดีงาม แม้มันจะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม” สุดท้ายเราคงไม่อยากเห็นสังคมที่แต่ละคนสื่อสารกันเป็นมาตราๆ แต่อยากเห็นคนที่สื่อสารอย่างมีชีวิตและความหมายของการเป็นพลเมืองที่ดี จริงมั้ยครับ?

หมายเลขบันทึก: 178414เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2008 05:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

  • ข่าวต่างๆที่เราได้รู้ ได้อ่าน เป็นเพียงส่วนหนึ่งนะคะ  ไม่อยากจะคิดเลยว่า  อีกหลายส่วนที่เราไม่คาดคิด ก็ยังมี...
  • ครูอ้อยเข้ามาอ่านแบบตั้งใจ  เพราะมีความเห็นด้วยตั้งแต่ชื่อเรื่อง....โดยเฉพาะ...ครูอ้อยชอบ ประโยคสุดท้าย ...จงอย่าทำอะไรที่ผิดครรลองคลองธรรมอันดีงาม แม้มันจะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม”

 

ปัญหาสังคม ต้องดูที่เหตุไม่ใช่ดูที่ผล จับคนร้ายมาได้ เรื่องก็จบแค่นั้น แต่สังคมไม่ดีขึ้น

สิ่งสำคัญคือ สถาบันครอบครัว เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคม แต่สำคัญที่สุด ถ้าครอบครัวปลูกฝังให้มีจริยธรรมตั้งแต่เด็กๆ เรื่องอย่างนี้ก็คงไม่เกิด

แต่อย่างว่าแหล่ะครับ สมัยนี้คนทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีเวลาที่ครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน พูดคุยกัน ปรับความเข้าใจ ทัศนคติกัน

เทคโนโลยีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จิตใจของมนุษย์ไม่ได้เติบโตตามไปด้วย

อ่านข่าวแล้วสลดใจค่ะ เราสร้างแต่สังคมวัตถุที่ไร้ศิลธรรม ความละอายต่อการทำชั่ว แต่ละทิ้งสังคมแห่งจิตใจที่ดีงามไป ชอบประโยคเดียวกับคุณครูอ้อยค่ะ “จงอย่าทำอะไรที่ผิดครรลองคลองธรรมอันดีงาม แม้มันจะไม่ผิดกฎหมายก็ตาม”

  • แค่นี้ว่าเสื่อมแล้ว เจอเด็กๆ อายุ 11-12 ขวบ เล่นแชทหาคนมามีเพศสัมพันธ์กับตน แบบขายก็มี ...
  • เด็ก 7-8 ขวบ ก็เล่นเลียนแบบ หนังโป๊ ในเน็ต
  • มีแต่ประโคม ขายข่าว ไม่เห็นมีใครคิด ช่วยเหลือ แก้ไข รณรงค์กันให้จริงๆจัง
  • กฎหมาย น่าจะระบุรุนแรงกับ  พวกผิดศีล พวกนี้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท