นานมาแล้ว เราเคยมีพระจันทร์สองดวง ดวงนึงเป็นจันทร์ผู้หญิง อีกดวงเป็นจันทร์ผู้ชาย ทุกค่ำคืนพระจันทร์ทั้งสองดวงจะส่งแสงเหลืองนวลเคียงคู่กันท่ามกลางท้องฟ้าราตรี
ย่ำรุ่งคืนหนึ่ง จันทร์ผู้หญิงแลเห็นแสงอรุณที่ขอบปลายฟ้าอีกฝั่งและตกหลุมรักพระอาทิตย์ เจ้าของแสงเรืองรองนั้นทันที จันทร์ผู้หญิงเปลี่ยนมาปรากฏกายเวลากลางวันและติดตามแสงของพระอาทิตย์ไปทุกแห่ง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนจึงหม่นหมอง มีเพียงจันทร์ผู้ชายส่องแสงอย่างอ้างว้างในเวิ้งฟ้าที่ดำมืด “เหงาเหลือเกิน” จันทร์ผู้ชายออกตามหาจันทร์ผู้หญิงไปทั่วทุกแห่ง แต่เหลียวไปทางใดก็ไม่มีแม้แสงจากเสี้ยวของจันทร์อีกดวง ทุกคืนที่ผ่านไป ความคิดถึงและความรักกลับทวีเพิ่มขึ้นๆ เขาเป็นห่วงเธอมากเหลือเกิน จันทร์ผู้ชายจึงตัดสินใจ ... ระเบิดตนเองออกเป็นดาวดวงเล็กดวงน้อย ที่แม้ส่องแสงได้เพียงริบหรี่ แต่ปริมาณที่มากมายเกลื่อนท้องฟ้า เขาหวังอย่างสุดใจว่า อณูใดอณูหนึ่งของความรักของเขาจะตามหาเธอจนเจอ ..
แต่ละวันผ่านไป จันทร์ผู้หญิงจึงตระหนักได้ว่า แสงทองของพระอาทิตย์ที่เธอหลงใหลนั้น ไม่ได้สาดส่องมาเพื่อเธอ พระอาทิตย์ทำงานให้แสงสว่างแก่ทุกสรรพสิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่มีเวลาหันมองรอบกาย ซึ่งมีเธออยู่ด้วย “ความเป็นตัวตน”ของเธอก็ถูกแสงแรงกล้าแห่งพระอาทิตย์กลบไปเสียสิ้นความสำคัญ เมื่อท้องฟ้าที่สว่างกลับไม่สดใสสวยงามอย่างที่คิด เธอรู้สึกได้ถึงความเงียบเหงา อ้างว้าง และโหยหาความอบอุ่นของแสงนวลจากจันทร์ผู้ชายที่คุ้นเคย ความเคยชินทำให้ความรักถูกเพิกเฉยและบิดเบือนมาตลอด ต่อเมื่ออยู่ห่างกันเช่นนี้ เธอจึงได้เข้าใจว่าความรู้สึกผูกพันที่เธอมีต่อจันทร์ผู้ชายนั้นมากเพียงใด จันทร์ผู้หญิงจึงตัดสินใจ ... กลับสู่แผ่นฟ้ายามราตรีที่ซึ่งเคยมีจันทร์สองดวง
คืนนี้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไร้ซึ่งแสงจันทร์อีกดวง “จันทร์ผู้ชายอยู่ที่ไหนนะ” ดวงดาวที่สุกสกาวเต็มฟ้าต่างกระพริบแสงอันน้อยนิดอย่างยินดีในการกลับมาของจันทร์ผู้หญิง แว่วเสียงอันอบอุ่นคุ้นหูของจันทร์ผู้ชาย “ฉันอยู่ที่นี่..อยู่ข้างๆกายเธอ..เหมือนที่เป็นมาเสมอและตลอดไป” จันทร์ผู้หญิงมั่นใจในวินาทีนั้นเองว่า สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด คือ การได้อยู่ในผืนฟ้ากำมะหยี่ที่ที่เป็นของเธอ และในอ้อมกอดของดวงดาวแห่งความรักของจันทร์ผู้ชายนั่นเอง
ตราบเท่าที่ยังมีแผ่นฟ้าราตรี ดวงจันทร์ก็จะทอแสงอยู่ท่ามกลางดวงดาวตลอดไป
... ทุกครั้งที่เราแหงนมองฟ้า ไอรักจากดวงดาวและดวงจันทร์ที่ส่งถึงกันจึงทำให้หัวใจเราอบอวลไปด้วยความคำนึงถึงคนไกลได้เสมอ
... แม้ฟ้าจะมืดลง แต่แสงสกาวจากดวงดาวและแสงนวลของดวงจันทร์ ก็ยังส่งผ่านเรื่องราวความรัก และปรารถนาให้ทุกคนมองเห็นความสำคัญของคนใกล้ตัว คนที่เรารักและรักเรา อย่าปล่อยให้ต้องสูญเสียกันและกันจึงจะเข้าใจ
ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วมีความสุขจังค่ะ
อย่าปล่อยให้สูญเสียกันและกันแล้วจึงจะเข้าใจ
ด้วยความยินดีค่ะ คุณครูเอ และ คุณ เพื่อนร่วมทาง :)
อันที่จริงแล้วคนที่เข้าใจในตัวเรามากที่สุดก็คือคนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ
ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะ บางที เราอาจจะเข้าใจคนรอบข้างเราได้ดียิ่งขึ้น
เรื่องสั้นๆ ของ ดินสอกับยางลบ ให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย....
มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง
ฟังดูอาจตลกทุกคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กันแต่ลองอ่านดูก่อนนะครับ
ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น
ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน
มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ยางลบจึงถามว่าทำไมล่ะ
ดินสอจึงตอบกลับไปว่า ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย ยางลบจึงเถียงว่า
เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด
ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆ ที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรกมีแต่
รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด
มันคิดถึงยางลบจับใจ
ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ
มันคิดถึงดินสอจับใจ ทั้งคู่จึง
กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี
ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด เท่านั้น
ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ ดินสอ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆ เท่านั้น
ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวมันก็จะสกปรกแต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี
หรือคือการให้อภัยนั่นเอง ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ คือ
การจำแต่สิ่งดีๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
ถ้าทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบตอนหลังก็คงจะดีไม่น้อย
………………….
ในชีวิตจริงของเราๆ ท่านๆ อาจไม่โชคดีเหมือนดินสอกับอย่างลบทีมีโอกาสมาพบกันแล้วเข้าอกเข้าใจกัน ผมว่าเรามาเริ่มมองคนนั่งข้างเรากันดีกว่า ว่าเราเข้าใจกันดีและรักกันดีมากน้อยแค่ไหนเพื่อว่าเมื่อวันนึงที่เราจ้องจากกันไปแล้วมีโอกาสดีดีที่ต้องมาเจอกันอีกหรือแม้จะพบกันด้วยเหตุบังเอิญก็ตามที่จะได้รู้สึกว่า...ดีใจจังที่เจอ.....จริงไหมครับ
โรแมนติกจังเลยค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกดี ดี๊ ดี
เราจะอยู่คู่กันตลอดไป เฉกเช่น ดาวดาว กัน ดวงเดือน