อาการปวดกระบอกตาจนมึนหัวนับตั้งแต่ระหว่างคิ้วเรื่อยละลิ่วไปถึงกลางกระหม่อม จบลงตรงที่สองข้างกลางท้ายทอยทำเอาฉันมึนหัวเมาหางมานานวัน...
สงสัยอาการสายตาสั้นกลับกำเริบ เพราะก่อนบวชเราเคยใส่แว่นมาตลอด นี่ก็ปีกว่าแล้วนะที่เราเลิกใส่แว่นไป สงสัยจะต้องไปหาแว่นใหม่ใส่สักหน่อยเพราะผ่อนคลาย
“สายตาปกติ…”
หลังจากที่วัดสายตาเรียบร้อย ผลออกมาน่าฉงนจากคนที่เคยใส่แว่น เอ่... ทำไมสายตาถึงดีขึ้นมาได้จนกลายเป็นคนสายตาปกติ (เรื่องนี้ต้องว่ากันยาว ต้องไว้บันทึกหน้า)
อื่ม... แล้วทำอย่างไรดีล่ะ อาการมึนหัว ปวดคอถึงจะหาย
“ต้องพัก พักการใช้งานของสายตา...”
พักแล้ว เราก็ทำงานไม่ได้น่ะสิ?
ไม่งั้นเราต้องไปพบจักษุแพทย์
ถ้าไปพบหมอ หมอต้องให้ยามาแล้วก็บอกเราว่า ต้องพัก ๆ
กลับวัดดีกว่า...
ครั้นกลับมาถึงแวะเยี่ยมโยมผู้พัน เผอิญเจอคุณหมอ “หมอแผนไทย” มาทำกายภาพบำบัดให้กับโยมผู้พันที่เพิ่งทำบายพาสหัวใจมาหมาด ๆ ก็เลยได้โอกาสปรึกษาและเล่าเรื่องถึงอาการต่าง ๆ ให้ฟัง
นอนตะแคงดูครับ เดี๋ยวผมจะดูให้…!
มีถุงลมทับเส้นอยู่ที่กลางหลัง ?
อื้อ โอ๊ย อื่ม... เจ็บเหมือนกันนะเวลานวด
ยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่นวดตรงก้านคอ บริเวณท้ายทอย ทุกขเวทนาเกิดขึ้นในบัดดล
พลิกซ้ายตะแคงขวา มาจบด้วยลงหมอเคาะหัวเรา ปุ้ก ๆ ๆ ๆ อยู่สักราวสิบนาที
แปลกนะ...อาการมึนหัว ปวดกระบอกตาหายได้อย่างน่าฉงน (ถ้ากินยาคงนานมากกว่าจะหาย หรือไม่หายก็ยังมิรู้)
เหลือเพียงแค่อาการระบมที่ต้นคอนิดหน่อยจากการรักษา
นวดแผนไทยเป็นศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์ เป็น “การรักษาแบบไร้สาร”
แก้เหตุที่จุด ด้วยจุด ตรงจุด
ไม่มียาปฏิชีวนะให้สารตรงค้างใด ๆ แก่ร่างกาย
คุณหมอยังฝากบอกมาด้วยว่า การที่ปวดหัวนอกจากเส้นหลังมีปัญหาแล้ว ยังเกิดจากประจุไฟฟ้าในสมองผิดปกติ
ให้พยายามเคาะ นวด ขยำ บริเวณศรีษะบ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเพ่งหรือใช้สายตามาก ๆ โดยเฉพาะเวลาทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
ต้องขอบคุณคุณหมอที่ช่วยรักษาแบบไร้สารเพื่อคลายทุกขเวทนาจากความเสื่อมไปของกายในครั้งนี้
ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านในกาลทุกเมื่อเทอญ...