ประสบการณ์ที่เรียนรู้ครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงประโยคที่บอกว่า"ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้สึกหรอก" เหตุเกิด เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติงานที่ ER วันนั้นมียายอายุ 73 ปี เดินเข้ามา พร้อมสีหน้ากังวล ยายบอกว่า "หมอช่วยยายหน่อย ไก่ติดคอยาย" ข้าพเจ้าก็มองยาย ถามว่า "ไก่เหรอยาย (ในใจนึกว่า เป็นกระดูกไก่ชิ้นเล๊กเล็ก แต่ มันจะไก่ติดคอได้เชียวเหรอ น่าจะเป็นความรู้สึกยายหล่ะมั๊ง) ยายแล้วไก่นี่ชิ้นใหญ่มั๊ยยาย? "ก็ประมาณปลายนิ้วนี่หล่ะ" (พร้อมกับชี้ที่ปลายนิ้วชี้) ข้าพเจ้าก็เริ่มคิดว่า แล้วจะทำไงดีนะ เพราะยายบอกมันติดตรงบริเวณคอลึกๆ (น่าจะประมาณ hypopharyngซึ่งลึกขนาดนั้นเราก็คงไม่สามารถมองเห็นได้ แล้วจะคีบก็คงไม่ได้) นึกขึ้นได้ว่า "ยาย งั้นเดี๋ยวหมอจะลอง (แทนตัวเองตามที่คนไข้ชอบเรียก เพราะจะเรียกพยาบาลคนไข้ก็ไม่เรียกตาม) ใส่สาย (NG tube)เข้าไปในคอดูนะ เผื่อว่ามันจะช่วยดันให้ลงไปได้" "เอาไงเอากันหมอ มันจุกแน่นอยู่ตรงนี้ ยายไม่รู้จะทำไงแล้ว กินน้ำ กินข้าวแล้วก็ไม่ลง" ให้ยายนอนเตียงแล้วบอกยายว่า "หมอจะใส่ทางจมูกข้างซ้ายนะยาย จะรู้สึกอึดอัดหน่อยนะ ยายช่วยกลืนนะ" "ใส่ทางปากเลยไม่ได้เหรอหมอ มันจะได้ตรงที่มันติดอยู่เลย" " อย่างนั้นก็ได้ ลองดูนะยาย" (ตามใจคนไข้ ซะหน่อย เพื่อความสบายใจของแก) เพราะใส่แล้วก็ไม่ได้หรอกแกพยายามจะช่วยกลืน ลิ้นแกจะดันสายตลอดทุกครั้งที่ใส่สาย เพราะยายไม่มีฟันเลยสักซี่ พอนำสายออกมา ก็บอกยายว่าไม่ได้แล้ว ต้องใส่ทางจมูกนะ โดยใส่ทางด้านซ้ายก่อน ขณะนั้นยายก็ให้ความร่วมมือมาก แกช่วยกลืนตลอดเวลา เหมือนกับว่าอยากจะให้สิ่งที่ติดคออยู่ลงไปซะที แล้วก็คงเป็นเพราะทำตามที่ข้าพเจ้าบอกว่าต้องช่วยกลืนสาย พอใส่ไปถึงตำแหน่ง จนนำสายออกทางจมูก ก็ยังไม่ช่วยให้สิ่งแปลกปลอมนั้นลงไปได้ เพราะยายยังบอกว่า "มันยังมีติดๆอยู่นะหมอ แต่ก็ดีขึ้นนิดนึงแล้วแหล่ะ" ข้าพเจ้าคิดว่ายายน่าจะพูดเพื่อเอาใจเรามากกว่า เพราะสีหน้ายายไม่ได้แสดงเลยว่ามันดีขึ้น แกบอกข้าพเจ้าว่า "มันทรมานเหลือเกินหมอเอ๊ย มันจุกแน่นอยู่นี่ เดี๋ยวนะเดี๋ยวยายลองนั่นกลืนน้ำลายอีกทีเน๊าะ เผื่อมันจะลง" แล้วแกก็พยายามกระเดือกคอ กล้ำกลืนน้ำลายของแกต่อ เหมือนอยากจะให้มันลงไป ณ เวลานั้นข้าพเจ้ารู้สึกแล้วว่า แกทุกข์ทรมานกับชิ้นไก่นั่นจริงๆ ไม่ใช่ความรู้สึกแล้ว ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกผิดจังที่ตอนแรกคิดไปว่า แกคงไม่ได้ทุกข์เท่าไหร่ คิดว่าถ้าช่วยแกไม่ได้นี่ ข้าพเจ้าคงรู้สึกแย่ไปอีกหลายวัน และทุกครั้งที่คิดถึงเลยหล่ะ" ข้าพเจ้าก็เลยไปนำน้ำมาให้แกดื่ม บอกว่า " ยายลองกินน้ำดูหน่อยเน๊าะ เผื่อว่าจะช่วยได้อีกทาง" แกก็ดื่มจนหมดแก้ว ก็ยังไม่โล่งคอ ยังจุกแน่นอยู่ ข้าพเจ้าเลยบอกยายว่า " ยายเดี๋ยวลองอีกครั้งนะ ใส่สายทางจมูกด้านขวาดูเน๊าะ" (ในใจภาวนาขอให้สำเร็จทีเถอะ เริ่มนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วอีกอย่างเห็นว่า ยายแกชี้ว่าชิ้นนั้นมันติดตรงนี้ ตรงคอนี่แหล่ะ แต่เอียงมาด้านขวา) พอใส่สายไปคราวนี้ใส่สายจนสุดสาย แล้วก็ขยับสายเล็กน้อย เพื่อว่าจะช่วยเขยื้อนชิ้นไก่นั่น แต่ปรากฎว่าการขยับสายนั้นทำให้ยายรู้สึกกระอักกระอ่วนจนขย้อนออกมา พร้อมกับการจะอาเจียน ข้าพเจ้าก็ตกใจมาก เพราะทันทีที่แกขย้อนนั่น มีชิ้นเนื้อไก่หลุดออกมาด้วย แกเอามือรับมันไว้ โอ้โหชิ้นใหญ่มาก เท่าหัวแม่โป้งนิ้วมือนั่น ไม่ใช่นิ้วชี้ที่ยายบอกเลย" ยายแกดีใจมาก ยิ้มทั้งน้ำตา แล้วบอกว่า" โอย แม่คุณเอ๊ย ยายคิดว่ายายจะตายแล้วคราวนี้ มันทรมานจริงจริ๊ง ช่วยชีวิตยายไว้จริงๆ ขอให้เจริญๆนะลูก โมทนาสาธุนะลูกนะ" ข้าพเจ้ายกมือไหว้รับพร ในใจมันตื้นตันทำอะไรไม่ถูก อึ้งไปพักนึง อึ้งกับชิ้นไก่ที่มันใหญ่เกินกว่าที่เราคิด อึ้งกับการช่วยยายได้สำเร็จ " สิ่งที่เรียนรู้ "อย่าใช้ความคิดและประสบการณ์ของตนเองตัดสินความทุกข์ของคนอื่น ต้องพยายามเข้าถึงและมองเห็นความทุกข์เขาให้ได้"