ใน RGJ Congress IX คุณวนัส แต้ไพสิฐพงศ์ มาเล่าเรื่อง R&D ของกลุ่ม เบทาโกร ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตอาหาร เนื้อสัตว์ และธุรกิจต่อเนื่อง ๒๗ บริษัท ขนาดของธุรกิจปีละ $ 1 billion พนักงาน ๑๘,๕๐๐ คน จัดเป็นที่ ๒ ของธุรกิจผลิตอาหารเนื้อสัตว์ในประเทศไทย
มีการทำวิจัยพัฒนา Meat Traceability System ร่วมกับ ม. หอการค้า ตรวจสอบคุณภาพเนื้อสัตว์ของบริษัทที่วางจำหน่ายในตลาด และนำผลขึ้นเว็บให้ลูกค้าเข้าไปตรวจสอบตาม Lot No. เท่ากับเป็นการพัฒนาระดับความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
ปี ๒๕๔๘ จัดตั้ง Betagro Science Center โดยร่วมมือกับ สวทช. ลงทุนกว่า ๑๐๐ ล้าน สร้างอาคารและเครื่องมือที่ Science Park รังสิต และร่วมมือกับ คปก. ให้ นศ. ทำวิจัยประเด็นของบริษัท มี อจ. ที่ปรึกษาร่วม และจัดสรรทรัพยากรสนันสนุน
มีวิธีจัดกลุ่มเป้าหมาย กิจกรรม และ tangible benefit โดยมีเป้าหมาย ๒ อย่างเท่านั้น คือเพิ่มกำไร กับลดต้นทุน กิจกรรมเพื่อ ๒ เป้าหมายนี้บูรณาการอยู่ในทุก business unit โดยวิธีการ ๒ อย่าง คือ Non-R&D กับ R&D ผมชอบวิธีคิดแบบนี้มาก ทำให้คิดชัด
ใช้ R&D เป็นเครื่องมือบรรลุ ๕ อย่าง
๑. Cost down
๒. Value added
๓. differentiate จาก competitor
๔. New Product
๕. New Knowledge
และยินดีร่วมมือทั้งภายใน ปท และ ตปท
www.bsc-lab.com
มีคำถามเรื่องการสนับสนุนการวิจัยชนิดค่อนข้าง basic มากๆ คำตอบคือ นักวิจัยไทยไม่เก่งขนาดนั้น ที่เอกชนจะลงทุนได้
วิจารณ์ พานิช
๕ เม.ย. ๕๑
พัทยา
ไม่มีความเห็น