บทกวีที่แทรกอารมณ์ขัน
สุจิตต์ วงศ์เทศ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ.2545 เป็นศิลปินที่ผู้เขียนชื่นชอบคนหนึ่ง เป็นกวีร่วมสมัยผู้ประสบความสำเร็จในการสืบสานและสร้างสรรค์วัฒนธรรมทางวรรณศิลป์ของไทยมาเป็นเวลาอันยาวนานเกือบ ๔๐ ปี โดยเฉพาะงานด้านร้อยกรองได้นำรูปแบบของร้อยกรองพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเพลงกล่อมเด็ก เพลงเสภา หรือเพลงพื้นบ้านอื่นๆ มาปรับประยุกต์เพื่อสื่อสารสภาพสังคมได้อย่างทรงพลังทางวรรณศิลป์ เช่น เสภาไพร่ เสภาหาบเร่น้ำท่วม เพลงยาวถึงนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
ผลงานร้อยแก้วที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ สุจิตต์ วงศ์เทศ จนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง คือ รวมเรื่องสั้นชุด ขุนเดช เป็นงานที่มีลีลาดุดันในการพิทักษ์ปกป้องศิลปวัตถุ และโบราณสถานอันมีค่าของชาติ ที่กำลังถูกย่ำยีอย่างหนักตลอดมา
สุจิตต์ วงศ์เทศ ได้รับรางวัล “ศรี บูรพา” ประจำปี ๒๕๓๖ นับเป็นกวีที่มีพลังทางปัญญา และมีจุดยืนเด่นชัดในการพิทักษ์ความถูกต้องและเป็นธรรม จนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วไป แม้งานเขียนของของ สุจิตต์ จะดูเครียด แต่ในบางอารมณ์ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ ก็ยังเขียนบทกวีที่แทรกอารมณ์ขันไว้ คือ
บทกวีปากกับใจ
เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักกูกูก็จักไม่รักใคร เอ๊ะน้ำตากูไหลทำไมฤา
(สุจิตต์ วงษ์เทศ)
พูดถึงอารมณ์ขันของกวี ทำให้นึกถึงวรรณคดีที่แทรกอารมณ์ขันในเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนที่นางวันทองรำพึงรำพันด้วยความรักตัวกลัวตายว่า……
“เมียตามผัวกลัวผีหลอก กลัวหายใจไม่ออกเมื่ออาสัญ
จะโจนน้ำให้ตายไปตามกัน ก็กลัวจระเข้มันจะคาบไป
เมียจะเชือดคอตายเสียหลายครั้ง ก็รอรั้งกลัวเจ็บไม่เชือดได้
จะผูกคอเอาเชือกมาคล้องไว้ เชือกก็ใหญ่กลัวจะมัดรัดต้นคอ”
และบางตอนแม้จะเป็นบทพิโรธวาทัง .....ก็ยังแทรกอารมณ์ขัน
เช่น อารมณ์ขันของ สุนทรภู่ที่แทรกไว้ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน พลายงามพบพ่อเมื่อนางวันทองและนางทองประศรีโกรธ แต่ผู้อ่านไม่ได้โกรธตามกลับรู้สึกขำในภาษาที่กวีใช้ จึงอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจำได้……..เช่นคำด่าของนางวันทองที่ผรุสวาทขุนช้างอย่างมีศิลปะและน่าขันว่า…..
“ไอ้เจ้าชู้ลอมปอมกระหม่อมบาง ลอยชายลากหางเที่ยวเกี้ยวหมา
ชิชะแป้งจันทร์น้ำมันทา หย่งหน้าสองแคมเหมือนหางเปีย
หมามันจะเกิดชิงหมาเกิด มึงไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ
เหมือนแมลงปออวดอิทธิ์ว่าฤทธิ์สุด จะแข่งครุฑข้ามอ่าวทะเลใหญ่
ก้อนเส้าหรือจะเท่าเมรุไกร หิ่งห้อยไพรจะแข่งแสงสุริยง
ชาติชั่วตัวดังนกตะกรุม จะเอื้อมอุ้มอิงอกวิหคหงส์
เขาสิปองเล่นมุจลินท์ลง ตัวพะวงตมกลับทะนงใจ
และตอนที่นางทองประศรีด่าขุนช้างเพื่อปลอบพลายงามให้คลายความหวาดกลัวว่า.....
ทองประศรีตีอกชกผางผาง ทุดไอ้ช้างชาติข้าไอ้หน้าขน
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชน จะฆ่าคนเสียได้ไม่เอ็นดู
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้อง ให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรู พ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว
แม้นไอ้ขุนวุ่นมาว่าเป็นลูก มันมิถูกนมยานฟัดกระบาลหัว
ผู้อ่านคงจินตนาการถึงรูปลักษณ์ของนางทองประศรี และมองเห็นความชาญฉลาดและอารมณ์ขำขันของกวีที่สื่อให้เห็นอาวุธประจำกายของตัวละคร ซึ่งพลายงามเองก็ได้ฟังคำบอกเล่าจากเด็กเลี้ยงควายมาก่อนหน้านี้ เพราะเด็กเลี้ยงควายไม่รู้ว่านางทองประศรีเป็นย่าของพลายงาม เมื่อพลายงามถามถึงบ้านย่าของตน จึงได้รับคำตอบที่ทำให้พลายงามทราบได้ว่าย่าของตนเป็นคนเช่นไร
“ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้าน ว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจ แกอยู่ไร่โน้นแน่ยังแลลับ
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนัก กูไปลักบ่อยแกคอยจับ
พอฉวยได้ไอ้ขิกหยิกเสียยับ ร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้า แกจับเอานมยานฟัดกระบาลหัว
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัว แกจับตัวตีตายยายนมยาน
ยังมีบทกวีที่แทรกอารมณ์ขันในวรรณคดีไทยอีกหลายเรื่อง ผู้อ่านท่านใดที่พบเห็นช่วยแลกเปลี่ยนเข้ามานะคะ เพราะอารมณ์ขันที่แทรกไว้ในบทกวี ย่อมสะท้อนให้เห็นภูมิปัญญาของบรรพชน และจะทำให้คนรุ่นใหม่ได้มองเห็นเข้าถึงศิลปะแห่งการประพันธ์ เกิดความรัก หวงแหนและใส่ใจในคุณค่าของวรรณคดีมากยิ่งขึ้น
สวัสดีปีใหม่ไทยครับ
ผลงานที่มีความไพเราะ และมีแง่คิดดีๆ อ่านได้หลายๆ ครั้ง
แต่ละครั้งจะมีแง่มุมน่าสนใจแตกต่างกันไป
สนุกไม่รู้เบื่อครับ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้มีความสุข กับชีวิตเรียบง่ายแบบไทยเดิม และมีความฝันสร้างสรรค์ เพื่อคนไทยยุคใหม่ เหมือนที่เคยได้ทำมานะคะ ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย
กิติยา
ถ้าใครมีคำด่าของนางวันทองอีกครับขอให้ส่งมาทางเมลนี้นะครับ
ขอขอบคุณลวงหน้าครับ
เนื่องในโอกาศวันครู หนูขอให้ครูทุกคนมีความสุขนะค่ะ
"ครูสร้างคนดี เป็นศรีแผ่นดิน ทั่วถิ่นศรัทธา บูชาคุณครู"
ขอบคุณมากเลยค่า......ครูสั่งงานพอดีเลย
มี ครับ ถ้าอยากได้ ก็มาที่ www.555+sad.com