26 มีนาคม 2551
เช้าวันนี้ น้องตาและฉันตื่นนอนเกือบสาย ความรู้สึกเช้านี้เลยไม่ใคร่สดใสเท่าไร เพราะต้องรีบขัดสีฉวีวรรณ รู้สึกว่าเวลาอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้สมาธิกระเจิง เราขนกระเป๋าที่จัดเก็บไว้แล้วตั้งแต่ก่อนเข้านอนเมื่อคืนนี้ ติดลงไปที่ห้องอาหารเช้าด้วย staff ของโรงแรมถามเราว่า check out วันนี้ใช่ไหม พอตอบว่าใช่ เขาคงกลัวเราจะกินแล้วเบี้ยวไม่จ่ายค่าโรงแรม จึงบอกเราว่า จะเอาไปฝากที่ล็อบบี๊ให้ก่อน ฉันจึงบอกว่า แค่ฝากวางไว้เพื่อกินข้าว เดี๋ยวเราไปจัดการหาที่ฝากเอง เขาจึงเลื่อนมันไปวางแอบไว้ไม่ให้เกะกะ
เช้านี้คู่เราแวะมากินข้าวช้ากว่าใครอื่นเขา ดูเหมือนเราจะกินอาหารเช้าเป็นคู่สุดท้ายของ class วินซึ่งมาช้ากว่าเราเมื่อวานนี้ กินเสร็จไปก่อนแล้ว เมนูอาหารที่จัดไว้เหมือนกันเด๊ะกับเมื่อวาน ทำให้แวบนึกถึงเมื่อวานที่ฉันปล่อยไก่ และแอบมาขำกลิ้งกับตัวเอง ก็เมื่อวานฉันคิดว่าน้ำสับปะรดเป็นน้ำแอ๊บเปิ๊ลนะซิ รินมากินแล้วยังบ่นกับน้องตาว่า น้ำแอ๊บเปิ๊ลนี้รสชาติเหมือนน้ำสับปะรดบ้านเรายังไงยังงั้น ซึ่งน้องตาก็ทำหน้างงๆ คุยกลับว่า มีน้ำแอ๊บเปิ๊ลด้วยเหรอ พอฟังน้องตา ฉันก็แวบขึ้นมาเลยว่า เอ! น้ำแอ๊บเปิ๊ลที่นี่ทำไมสีเหลืองหว่า ฉันเลยเปรยกับน้องตาว่า เออ! แต่ว่าสีที่เคยเห็นมันเป็นสีน้ำตาลแดงๆนา น้องตาเสริมทันทีว่า ใช่ๆ หน้าแตกเลยฉัน
เสร็จจากอาหารเช้า เราก็ขนสัมภาระมาเข้า class แวะผ่านเคาน์เตอร์ว่าจะฝากไว้ แต่ไม่เห็นพนักงาน จึงขนเลยไปที่ห้องประชุม เก็บมันไว้ที่ด้านหลังห้องประชุม เช้านี้ห้องถูกจัดใหม่ หมอนถูกวางเรียงรายไว้ 2 ฟากห้องประชุม ในใจเดาว่า มีการนอนอีกแล้ว ปรากฏว่าเดาถูก นอนพักเงียบๆภายใต้เสียงเพลงหวานๆสบายๆและผ่อนคลายอยู่เป็นครู่ จึงลุกนั่งเรียนกัน
เช้านี้ อาจารย์ประพนธ์ ผาสุกยึด เป็นวิทยากร อาจารย์มาช่วยสรุปทำความเข้าใจให้ใครหลายคนรู้จักตัวเองกระจ่างขึ้น เนื้อหาที่มาบรรยายเป็นเรื่องของ 3 มุมมอง คือ
Body of knowledge , Process of knowing และ learning community
ฉันสรุปจากการฟังว่า ถ้าจะเป็น LO ก็ควรมีให้ครบทั้ง 3 ส่วน KM ช่วยฝึก process of knowing ที่ใช้สมองซีกซ้ายทำงาน การจะทำให้เกิด CoPs ต้อง organize เพื่อค้นหา Your “Empowering Partner” เพื่อไปให้ไกลกว่า KM ( beyond KM) ซึ่งจะเป็นการทำ KM ในระดับไร้กระบวนท่า เข้าทำนองเรื่องบู๊ลิ๊มที่ว่า “สูงสุดคืนสู่สามัญ” อะไรเทือกนั้นแหละ จบบรรยายก็พักเช้า
ไม่มีความเห็น