ผมพาทีมงานเก่าและใหม่ของโครงการไปเยี่ยมพ่อแสน เพื่อให้เห็นพัฒนาการความคิดและการปฏิบัติของพ่อแสนในเรื่องการทำป่าครอบครัว ที่ใช้หลักเรียนรู้ธรรมชาติและเลียนแบบธรรมชาติในระดับพื้นฐาน เนื่องจากพ่อแสนคุ้นเคยกับเราเป็นส่วนใหญ่แล้วจึงกระตือรือร้นที่จะเล่าสารพัดอย่างให้ทีมงานทราบ โดยการพาไปชมสิ่งโน้นสิ่งนี้ เป็นทึ่งกับเพื่อนร่วมงานกันหอมปากหอมคอ แล้วแต่ว่าใครสนใจเรื่องอะไรก็ซักไซ้ไล่เลียงกันตามอัธยาศัย
พบต้นไม้อะไร พ่อแสนก็เล่าความยาวได้หมด ต้นนี้ชื่อ คอนแคน เป็นพืชป่าชอบน้ำ และยอดอ่อนของคอนแคนนี้นะจะบอกให้ พ่อแสนขยับคุณสมบัติต่อว่า คุณเอาหน่อไม้ฝรั่งมาแลกก็ไม่ยอม สู้คอนแคนป่าของผมไม่ได้หรอก อร่อย หวาน...
ผมขนมูลวัวมากองไว้ เอาแกลบมากองสุมเข้าไปเอาเศษผลไม้ในป่าครอบครัวของผมนี้ใส่ลงไป เอาใบไม้ต่างๆใส่เข้าไป หมักให้ได้ที่ แล้วก็เอาไปใส่โคนต้นไม้ต่างๆ
พ่อแสนลากแขนผมไปแล้วบอกว่า .. อาจารย์.. ที่เขากินสมุนไพรใบนั่นใบนี่กันน่ะ แล้วโรคนั่นโรคนี้มันบรรเทา..มันหายลงไป เพราะคุณสมบัติของสมุนไพรใช่ไหม
ผมตอบว่า ก็ใช่นะซี
อ้าว..ถ้าอย่างนั้นใบไม้แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันนะซี... พ่อแสนกึ่งบอกกึ่งถาม.. ผมก็ตอบว่าใช่น่ะซี
อ้าว..ถ้าเช่นนั้นป่าคอบครัวของผมมีต้นไม้มากกว่า 100 ชนิด ใบของมันมีคุณสมบัติแตกต่างกัน หากผมเอามารวมกันทำเป็นปุ๋ยหมัก มันก็ดีกว่าเอาใบไม้มาเพียงชนิดเดียวแล้วมาทำปุ๋ยหมักน่ะซี...
ผมเห็นประเด็นของพ่อแสนจึงอ้าปากค้าง..... พ่อแสน กำลังบอกผมว่าพ่อแสนเอาใบไม้สารพัดชนิดมาทำการหมักกับมูลวัวแล้วกลับเอาไปใส่สวนป่า ก็เท่ากับพ่อแสนทำตำหรับยาวิเศษให้ดินซึ่งมีต้นไม้อาศัยอยู่นี้ใช่ไหมครับ....พ่อแสนไม่ตอบได้แต่ยิ้ม.... ผมคิดในใจต่อว่า พ่อแสนไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ที่มาเก็บใบไม้ไปวิเคราะห์วิจัยหาองค์ประกอบทางโครงสร้างเคมี อะไรทำนองนั้น แต่พ่อแสนเปรียบเทียบกับยาสมุนไพรที่ใช้สารพัดอย่างจากต้นพืช รวมทั้งใบ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ประกอบกันเป็นตำหรับยา รักษาโรค การทำปุ๋ยก็คงเหมือนกัน หากเอาใบไม้สารพัดชนิดมาผสมกันเป็นปุ๋ยก็ย่อมจะดีกว่า...!!??

เดินไปมาพ่อแสนก็ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นนี้แล้วบอกว่า อาจารย์รู้จักไหมว่านี่ต้นอะไร นี่คือต้น “ก่อ”ซึ่งมีก่อหลายชนิด ที่เห็นนี่เรียก “ก่อหนาม” ก่อเป็นไม้ป่าที่มีผลเปลือกเป็นหนามหุ้มแกะเอาหนามออกก็เอาไปคั่วกิน อร่อย ผมเห็นว่าหากินยากแล้วจึงเอามาจากป่ามาปลูกเพื่อเก็บลูกมันกิน ต้นนี้อายุเข้าปีที่ 5 แล้ว ต้นเท่านี้แหละ แต่สิ่งที่ผมจะบอกอาจารย์ก็คือ..ผมได้กินเห็ดระโงกเพราะต้นก่อนี่ .. เอมันเกี่ยวกันอย่างไร.. เรื่องมันยาว..อาจารย์ พ่อแสนยิ้มตามแบบฉบับ..

อาจารย์จำตอนที่อาจารย์อุทัยมาอบรมเรื่องการเพาะเห็ดบ้านเราได้ไหม ผมบอกว่าจำได้.. นั่นแหละอาจารย์อุทัยบอกว่าเวลาไปป่าเก็บเห็ดป่า เคยสังเกตหรือเปล่าว่าเห็ดมันขึ้นอยู่ใกล้ต้นไม้อะไร แค่นี้เอง...ผมนึกย้อนเวลาไปเก็บเห็ดระโงกผมพบว่ามักจะพบตามต้นก่อในป่า ผมจึงดีใจว่าต้นก่อของผมที่ปลูกไว้น่าที่จะมีเห็ดออกมา ก็เฝ้าคอยตั้งแต่นั้นมา แต่มันนานเกินไป ผมจึงเอาเห็ดระโงกป่ามาหนึ่งดอกเอามาตำให้แหลก ผสมน้ำแล้วเอาไปราดโคนต้นก่อนี่ ทดลองทำตามที่อาจารย์อุทัยแนะนำไว้ ปีแรกถัดมาไม่มีอะไร ปีที่สองเห็ดระโงกออกมา 3-4 ดอก ปีที่สองมันออกมาเป็นกิโลเลย ผมไม่กินมันปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก่อน อยากกินก็ไปเอาจากป่า จะคอยดูปีนี้ว่าจะออกมากแค่ไหน นี่ผมเลยไปเอาฟางมาคลุมเอาไม้มาทำคอกแสดงไว้...

พ่อแสนเล่าต่อไปว่า ...ผมเชื่อว่าต้นก่อเกี่ยวข้องกับเห็ดระโงกเพราะเมื่อผมทบทวนอดีตผมพบว่าเคยไปเก็บเห็ดระโงกใต้ต้นก่อมาหลายต่อหลายต้นมาแล้ว เพียงสมัยนั้นผมไม่นึก เมื่ออาจารย์อุทัยพูดถึง ผมนึกขึ้นได้ ผมยังคิดต่อไปว่า บางทีต้นก่ออาจจะกิน ดูดเอาเชื้อเห็นเข้าไปแล้วมันก็แพร่ไปตามรากต้นก่อ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศร้อนจัดๆ แล้วต่อมาฝนตกแบบมีอากาศอบอ้าวละก้อ ใช่เลย อีกวันสองวันเห็นชนิดนี้จะออกแน่นอนผมกะได้เลย

แล้วพ่อแสนก็จูงมือผมมาดูต้นหมากแซวที่มีพริกไทเกาะเจริญอยู่นั่น ทางขวามือตรงลูกศรชี้เกิดเห็ดผึ้งขึ้นมาดอกใหญ่มากๆ ชนิดว่าไม่เคยเห็นดอกเห็ดผึ้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

ผมเอาไม้ไปลองวัดและประมาณการเส้นผ่าศูนย์กลางดู พบว่าน่าจะถึง 1 ฟุต บังเอิญวันที่เราไปดูนั้นพ่อแสนได้บิเอากลับดอกหนึ่งในสามไปป่นผสมน้ำแล้วเอาไปราดตามโคนต้นขนุนในสวนป่าแล้ว นัยว่าจะเอาไปขยายพันธุ์ตามหลักที่เรียนมาจากอุทัย เมื่อปีกลายออกมาดอกหนึ่งไม่ใหญ่เท่านี้ ปีนี้มันใหญ่จริงๆ ผมถามว่าพ่อแสนทำอะไรมันถึงมาขึ้นตรงนี้ พ่อแสนตอบว่า ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ธรรมชาติ แต่อาจเป็นไปได้ว่าตอนเอาเห็ดมาจากป่าก็เอามาล้างน้ำแถวนี้ ล้างแล้วก็เอาน้ำเททิ้งแถวนี้ มันอาจจะมีเชื้อฝังลงในกินแล้วเพิ่งจะเกิดมาก็ได้
คนบ้านผมบางทีเรียกเห็ดหมากมี่ เพราะมันชอบขึ้นตามโคนต้นหมากมี่(ขนุน) เห็ดผึ้งนี้มีหลายชนิด เช่นเห็ดผึ้งนกยูง ผึ้งหลังแดง ผึ้งดำ ผึ้งเหลือง ผึ้งตับเต่า... สวนผมมีหมากมี่หลายจึงเอาเชื้อมันไปโรยไว้หมดแล้ว ต่อไปนี้ก็คอยหละ...

ระหว่างที่เราพูดคุยกันนั้น ไม่พ้นสายตาแม่เฒ่า คู่ชีวิตพ่อแสน แม่เฒ่านั่งเงียบๆ เออ ออไปตามเรื่อง สายตาก็ดูพวกเราแบบยิ้มๆ พอมีจังหวะเจ้าหน้าที่สาวของผมก็เข้าไปตีสนิท เนื่องจากเธอมาใหม่ก็อยากมอบเนื้อมอบตัวกับชาวบ้านทุกคนที่พบ เธอมาเล่าให้ฟังทีหลังว่า แม่เฒ่าแซวลับหลังพ่อแสนว่า...”เออ คุยไป คนทำน่ะอยู่นี่....”

ความจริงผมรู้มานานแล้วหละว่าพ่อแสนมีป่าครอบครัวสองแห่ง แห่งนี้พ่อแสนสร้างขึ้นมากับมือแล้วก็วางไว้ให้แม่เฒ่าทำเองมากขึ้น ตัวพ่อแสนไปใช้เวลาสร้างป่าครอบครัวขึ้นใหม่อีกแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเบื้องหลังความสำเร็จทั้งหลายนั้นมีแม่เฒ่าอยู่เคียงข้างมาทุกเรื่องเลยหละ...นี่คือความจริงของสังคมชนบทไทย....
ขอบคุณครับ พี่เป็นเพียงสื่อกลางให้ชาวบ้านเท่านั้น เปิดเวทีนี้ให้ชาวบ้านได้มีที่นั่งบ้างครับ ขอบคุณครับที่แวะมา สบายดีนะครับ