กรณี นางสาว ปุดี พนาลัยจารุ
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสถานะบุคคลของ นางสาว ปุดี พนาลัยจารุ
- เกิดที่บ้านปูแป้ จังหวัดตาก เกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2536
- มีพยานรู้เห็นการเกิดของนางสาว ปุดี พนาลัยจารุ
- อายุ 15 ปี
- ยังไม่ได้เพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนราษฎร เป็นคนตกหล่นทางทะเบียนราษฎร
- จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนบ้านปูแป้
ข้อเท็จจริงของบิดา นางสาวปุดี พนาลัยจารุ
บิดา ชื่อ นายติ๊กกุ พนาลัยจารุ เกิดปี พ.ศ. 2501 อายุ 50 ปี
- ปัจจุบันถือบัตรประจำตัวประชาชน เลขบัตร 8 6306 84005 25 5
- ในช่วงก่อนบิดาของนางสาว ปุดี ได้ถือบัตรสีฟ้า
- และได้ออกบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อปี 2547
ข้อเท็จจริงของมารดา นางสาวปุดี พนาลัยจารุ
มารดา ชื่อ นางมึแซ เกิดปี พ.ศ.2506 อายุปัจจุบัน 45 ปี มีพยานระบุได้ว่าตัว นางมึแซเกิดที่บ้าน ปูแป้
- มารดานางสาว ปุดี ได้เสียชีวิต (ยังไม่แน่ชัดในปีที่เสียชีวิต)
- มารดานางสาว ปุดี ได้ถือบัตรประจำตัวประชาชน เลขบัตร 5 6306 00035 33 1
- มารดาของนางมึแซ ได้ถือบัตรประจำตัวปะชาชน เลขบัตร 3 6306 00554 79 1
- บิดาของนางมึแซ ได้ถือบัตรสี(ยังไม่แน่ชัดว่าบัตรอะไร) เลขบัตร 6 6306 50012 09 1
- จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ถือได้ว่านางมึแซ นั้นมีสัญชาติไทยในขณะเกิด ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2499
- ในปี พ.ศ. 2535 นางมึแซ ได้กลับคืนสัญชาติไทยอีกครั้งตาม มาตรา 7(1) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535
ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาก็คือ จะเห็นได้ว่าตัวมารดาของนางมึแซนั้นได้ถือบัตรประจำตัวประชาชน ที่ขึ้นต้นด้วยหัว 3 ซึ่งในความหมายคือเป็นกรณีที่เป็นคนไทยหรือคนสต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวซึ่งมีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนบ้านก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527
แต่นางมึแซซึ่งเป็นบุตร กลับได้หัว 5 ซึ่งถือว่าเป็นกรณีที่ของคนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดว่าเป็นปัญหาอะไรหรือเปล่า
สถานการณ์ของนางสาว ปุดี พนาลัยจารุ
จากที่ได้กล่าวมาในข้างต้นเห็นได้ว่า นางสาว ปุดี พนาลัยจารุ มีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐไทยในทางสายโลหิตจากมารดา ด้วยเหตุที่ว่ามารดาของนางสาว ปุดี นั้นได้รับการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรซึ่งจากตัวเอกสารทางทะเบียนราษฎร ทร.14 นั้นได้ระบุว่าได้มีการเข้ามาอยู่ในทะเบียนราษฎรเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2539
ประการนี้จึงเห็นได้ว่า นางสาวปุดี ได้มีสัญชาติไทยตามสายโลหิตจากมารดา และไม่ตกตามมาตรา 7ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535
แต่ในข้อเท็จจริงขณะนี้นั้นคือนางสาวปุดี พนาลัยจารุ นั้นยังตกเป็นคนไร้รัฐ ด้วยเหตุที่ตัวน้องปุดีนั้นยังไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรที่ระบุว่าตัวนางสาวปุดีเป็นราษฎรของรัฐใดเลยในโลก การนี้จึงเป็นเหตุให้นางสาวปุดีนั้นไม่อาจที่จะเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในบางประการได้
ปัจจุบันนั้นนางสาวปุดี นั้นได้จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนบ้านปูแป้ แต่ยังไม่สามารถที่จะไปเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพราะไม่รู้ว่าจะเข้าเรียนได้ที่ไหนและกลัวว่าตนเองไม่มีหลักฐานทางทะเบียนและกลัวว่าโรงเรียนจะไม่รับเข้าศึกษา ทั้งนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องรายได้ของครอบครัวที่จะมาส่งให้นางสาวปุดีเรียนหนังสือต่อ
ก็อดจะทดลองพาน้องปุดีไปทำหนังสือรับรองการเกิดไหมคะ
หากฟังว่า มารดาเป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิด น้องปุดีก็จะมีสัญชาติไทยโดยการเกิดนะคะ น่าจะทดลองพาไปคุยกับอำเภอแม่สอดนะคะ
ตอนนี้ ได้กรณีศึกษาครบถ้วนตามที่อยากได้แล้วยังคะ
วันที่ ๒๑ เมษายน ตอนบ่าย จะมีซ้อมเสนอวิทยานิพนธ์ของคุณกิติวรญาเรื่อง "คนต่างด้าวในทะเบียนราษร" และ ของอาจารย์บุญมี เรื่อง "คนลาวในประเทศไทย"
กราบสวัสดีครับอาจารย์
ตอนนี้ผมลงมาอยู่ในพื้นที่ ท่าตอนแล้วครับ ว่าจะเริ่มเก็บข้อมูลคนตกหล่น ในแถบนี้และก็ยังไม่ลืมที่จะลงไปที่พื้นที่บ้าน ปูแป้ อย่างแน่นอนครับ ตอนนี้ข้อมูลที่ได้ยังมีบางเคสที่ผมยังไม่อาจจะฟันธงลงไปได้ว่าเป็นคนตกหล่นหรือไม่เพราะข้อมูลที่ได้มายังไม่เพียงพอที่จะวิเคราะห์ได้ว่าเขาตกหล่นจากทะเบียนราษฎรตัวไหนครับ
การซ้อมเสนอวิทยานิพนธ์นี้จัดที่ไหนครับ แต่ผมกลัวว่าจะลงไปที่ กทม ช่วงนั้นไม่ได้นะครับ พอดีทางบ้านมีเรื่องให้ต้องทำนะครับ
แต่คาดว่า วันที่ 27 เมษายนนี้ จะขึ้นมาช่วยพี่บุญ ที่คลีนิกครับ